6 เทคนิคการลงทุนของเซียนมี่ ทิวา ชินธาดาพงศ์
-
- Posts: 377
- Joined: Tue Dec 27, 2022 5:25 pm
6 เทคนิคการลงทุนของเซียนมี่ ทิวา ชินธาดาพงศ์
หากพูดถึงนักลงทุนที่ถือว่าเป็น Role Model ของนักลงทุนปัจจุบัน หนึ่งในนั้นจะต้องมี ‘เซียนมี่’
หรือ ‘พี่มี่’ ที่เป็นแรงบันดาลใจของใครหลายคน เพราะเซียนมี่มักจะให้ทั้งกำลังใจและเทคนิคในการลงทุนอยู่เสมอ วันนี้ชวนมาดู 6 เทคนิคการลงทุนของเซียนมี่ ทิวา ชินธาดาพงศ์ กันครับ
#1 “ต้องมีการตั้งเป้าหมายการลงทุนให้ชัดเจน”
ซึ่งจะต้องเป็นเป้าหมายผลตอบแทนที่เป็นไปได้ เมื่อได้เป้าหมายการลงทุนในภาพใหญ่แล้ว ก็มาแตกย่อยลงเป็นภาพเล็ก เช่น แตกย่อยมาเป็นเป้าหมายผลตอบแทนรายเดือน และวางแผนว่าจะทำอย่างไร เพื่อให้บรรลุเป้าหมายนั้น
#2 “ขยันและความอดทน”
นักลงทุนต้องมุ่งมั่นศึกษาหาความรู้ และหาข้อมูลของบริษัทที่ต้องการลงทุน เช่น การอ่านรายงานประจำปี ฟัง Opportunity day หรือการไป Company visit เพื่อลงลึกข้อมูลในหุ้นที่ตัวเองสนใจอย่างละเอียด และนำข้อมูลธุรกิจ มาประเมินเป็นข้อมูลของหุ้นได้ แล้วเราจะรู้ว่าควรลงทุนในหุ้นตัวนั้นจริงหรือไม่
#3 “ไม่ยึดติดกับหุ้นที่เรามี”
แม้หุ้นที่ถือจะเป็นหุ้นที่เรารักมาก ถือมานาน และเป็นหุ้นพื้นฐานดี แต่วันหนึ่งถ้าพื้นฐานเปลี่ยนไป พี่มี่ก็จะขายหุ้นออกไป เปลี่ยนไปถือหุ้นตัวอื่น เพราะเราไม่สามารถบังคับให้ผู้บริหารเปลี่ยนกลยุทธ์หรือไปเปลี่ยนธุรกิจได้
และเมื่อขายหุ้นตัวนั้นไปแล้ว พี่มี่ก็จะ “เฝ้ามองหุ้นตัวเดิม เพื่อรอเวลาหุ้นที่เหมาะสม จึงกลับเข้าไปซื้ออีกครั้ง”
บางทีหุ้นมีการเปลี่ยนแปลงพื้นฐานแบบชั่วคราว ทำให้ราคาหุ้นตกลงมา พี่มี่จะขายหุ้นตัวนั้นออก แล้วรอให้ลงมาระดับที่รู้สึกว่าราคาเริ่มไม่แพงแล้ว และพื้นฐานดูแล้วอาจจะกลับไปดีอีกครั้ง พี่มี่ก็จะเฝ้ารอหุ้นตัวนั้นอย่างระมัดระวัง รอจนถึงจุดที่พี่มี่รู้สึกว่า ราคาคุ้มค่าในการกลับเข้าไปลงทุน
#4 “ต้องเป็นการลงทุนระยะยาว และหาหุ้นท่ีมีอนาคต”
คือหาหุ้นที่มีกำไรเพิ่มหลายเท่าตัวในช่วง 3-5 ปี หรือ 10 ปี เป็นหุ้นที่อาจจะมีการปรับ P/E ให้สูงขึ้น ทำให้ราคาหุ้นสามารถที่จะสูงขึ้นได้ โดยจะเน้นซื้อหุ้นที่มีราคาต่ำ มี P/E ในอนาคตน้อยกว่า 10 เท่า
หรืออีกมุมคือหาหุ้น Laggard และรอเวลาหุ้นขึ้นตามกลุ่ม ซึ่งหุ้นตัวนั้นอาจจะยังไม่ขึ้นด้วยเหตุผลบางอย่าง และถ้าเราเข้าไปศึกษาและรู้ว่าไม่ขึ้นเพราะอะไร จะเปลี่ยนไปหรือไม่ในอนาคต ก็อาจะทำให้หุ้นตัวนั้นเป็นการลงทุนที่ดี เพราะส่วนใหญ่ สิ่งที่คนกลัว อาจไม่มีมูล ไม่มีเหตุผล ข่าวที่ได้ยินมาอาจไม่ร้ายอย่างที่คิด ก็ถือเป็นโอกาสในการเข้าไปลงทุน
#5 “การเลือกดูว่าธุรกิจหรือบริษัท ลงทุนอะไรบ้าง”
พี่มี่จะดูว่าสินค้าและบริการของบริษัทนั้นกำลังจะเป็นเทรนด์หรือไม่ ถ้าเป็นสินค้าหรือบริการที่อยู่ในเมกะเทรนด์ที่กำลังเติบโต จะทำให้การลงทุนมีการเติบโตไปตามเทรนด์นั้น ๆ
#6 “เข้าใจฐานะการเงินของบริษัท”
ต้องดูว่าบริษัทมีงบการเงินที่แข็งแกร่งหรือไม่ และต้องมีหนี้ไม่เยอะ นอกจากนี้ต้องเป็นบริษัทที่ไม่โตด้วยการเพิ่มทุนบ่อย ๆ เพราะทำให้แนวโน้มกำไรในอนาคตอาจลดลงหากการเพิ่มทุนไปทำธุรกิจใหม่ ๆ เหล่านั้นไม่ประสบความสำเร็จ
สุดท้ายถ้าเราไม่มั่นใจในข้อมูลของหุ้นนั้น ๆ อาจไปหาผู้เชี่ยวชาญ หรือปรึกษากับผู้ที่มีความรู้ในอุตสาหกรรมว่าเขาคิดอย่างไรกับหุ้นที่เราถืออยู่ในตอนนี้
อ้างอิง