รู้จัก Hybrid Investing วิธีหาหุ้นของเสี่ยยักษ์ วิชัย วชิรพงศ์

Post Reply
Thanonlongtun post
Posts: 377
Joined: Tue Dec 27, 2022 5:25 pm

สรุปวิธีหาหุ้น เสี่ยยักษ์ กลยุทธ์พื้นฐานผสมผสานเทคนิค.jpg
สรุปวิธีหาหุ้น เสี่ยยักษ์ กลยุทธ์พื้นฐานผสมผสานเทคนิค.jpg (445.3 KiB) Viewed 623 times
สรุปวิธีหาหุ้น เสี่ยยักษ์ กลยุทธ์พื้นฐานผสมผสานเทคนิค.jpg
สรุปวิธีหาหุ้น เสี่ยยักษ์ กลยุทธ์พื้นฐานผสมผสานเทคนิค.jpg (445.3 KiB) Viewed 623 times

รู้จัก Hybrid Investing  วิธีหาหุ้นของเสี่ยยักษ์ วิชัย วชิรพงศ์ ⁣

คุณวิชัย วชิรพงศ์ หรือเสี่ยยักษ์ เซียนหุ้นที่หลาย ๆ คนรูจักกันดีแชร์ว่าในการเลือกหุ้นหลัก ๆ จะดู 3 ปัจจัย⁣

ปัจจัยแรก: ดูพื้นฐานหุ้น โดยจะมีหลักการ 7 ข้อ ดังนี้⁣

1) “เลือกลงทุน ในธุรกิจที่ถนัด”⁣

จะดูว่าหุ้นตัวนั้นลงทุนในธุรกิจอะไร เป็นธุรกิจที่ถนัดไหม  หรือเป็นธุรกิจที่มีการแปรรูปจากรัฐวิสาหกิจมาเป็นเอกชน เช่น ช่วงที่ PTT เข้ามาจดทะเบียนในตลาดใหม่ ๆ ก็เป็นหุ้นรัฐวิสาหกิจที่แปรมาเป็นธุรกิจแบบเอกชน เรามีความเข้าใจมากน้อยแค่ไหนในลักษณะแบบนี้  ⁣

เสี่ยยักษ์ให้ความสำคัญกับการลงทุนในธุรกิจที่เราเข้าใจมาก เพราะถ้าเราลงทุนในธุรกิจที่เราไม่เข้าใจหรือไม่ถนัด ทำให้เราไม่สามารถมองธุรกิจออกและสุดท้ายจะเสียเปรียบนักลงทุนคนอื่น ๆ ในตลาด⁣

2) “ลงทุนตอนที่ราคาต่ำ”⁣

ไม่ลงทุนในหุ้นที่ราคาสูงแล้ว หรือกำลังร้อนแรง แต่จะเลือกหุ้นที่คนไม่สนใจหรือลืมไปแล้ว หรืออาจเป็นหุ้นที่แย่มาก่อน แต่กำลังมีการพัฒนาเปลี่ยนจากแย่เป็นดี  ซึ่งอันนี้เสี่ยยักษ์บอกว่าต้องใช้จินตนาการในการต่อจิ๊กซอว์ว่าหุ้นตัวนี้มีโอกาสที่จะ Turn around กลับมาเป็นหุ้นที่ดีได้หรือไม่⁣

3) “พื้นฐานของหุ้นตัวนั้นมีการเปลี่ยนแปลงไปมากน้อยแค่ไหน” ⁣

ในตลาดหุ้นเรามักจะได้ยินคำว่า พื้นฐานไม่เปลี่ยน ใจคนเปลี่ยน ⁣

หลายครั้งพื้นฐานหุ้นไม่ได้เปลี่ยนไป แต่มีปัญหาเข้ามาชั่วคราวทำให้เกิดความไม่แน่ใจ ⁣
พอนักลงทุนเห็นราคาหุ้นตกลงมามาก ๆ ก็เริ่มเปลี่ยนใจเทขาย  ⁣
จากหุ้นพื้นฐานดี ผู้บริหารเก่ง พอราคาหุ้นตก กลายเป็นว่าหุ้นนั้นเป็นหุ้นที่แย่ ⁣

ซึ่งในความเป็นจริง พื้นฐานของหุ้นหรือบริษัทไม่ได้เปลี่ยนเร็วขนาดนั้น⁣
แต่สิ่งที่เปลี่ยนเร็วกว่าคือใจนักลงทุนที่อยู่ในตลาด⁣

ดังนั้น ถ้าหุ้นมีการปรับตัวลงมา ให้เข้าไปดูว่าพื้นฐานของหุ้นเปลี่ยนไปอย่างไร⁣
ถ้าพื้นฐานหุ้นไม่ได้เปลี่ยนและเรามีความมั่นใจ ก็สามารถเข้าไปลงทุนได้เลย ⁣

4) “อย่าดูแค่ผลตอบแทนอย่างเดียว ให้ดูเรื่องความเสี่ยงด้วย”⁣

หุ้นที่มีโอกาสให้ผลตอบแทนสูงในตลาดมีอยู่มากมาย  แต่หุ้นที่มีโอกาสให้ผลตอบแทนสูงและมีความเสี่ยงต่ำมีน้อยมาก ถือเป็นของหายากในตลาดหุ้น แต่ถ้าเราสามารถหาเจอ เราก็มีโอกาสทำกำไรได้มากขึ้น ⁣

5) “ก่อนจะคิดถึงกำไร อันดับแรกต้องไม่แพ้ก่อน”⁣

ไม่แพ้ คือไม่ขาดทุน ซึ่งตรงกับสิ่งที่ Warren Buffett หรือดร.นิเวศน์เคยพูดว่า เริ่มต้นต้องไม่แพ้ก่อน พอไม่แพ้ไปเรื่อย ๆ กำไรก็ตามมาเอง แต่ถ้าแพ้เมื่อไร โอกาสเห็นกำไรก็หมดลงเหมือนกัน⁣

6) “อย่าซื้อ-ขายทุกวัน”⁣

ถ้าพื้นฐานหุ้นไม่เปลี่ยนให้ถือและเติบโตไปพร้อม ๆ กับบริษัท ⁣

7) “ดูที่ผู้บริหาร”⁣

ผู้บริหารที่เสี่ยยักษ์ชอบ คือต้องมีความกล้าฝัน มีเกียรติ กล้าทำ กล้ารับ ถ้าผู้บริหารมีคุณธรรม การลงทุนก็สบายใจ และหุ้นนั้นถือว่าเป็นหุ้นที่ดี⁣

—---------⁣

ปัจจัยที่ 2: กราฟ Technical ⁣
นอกจากปัจจัยเชิงพื้นฐานแล้ว เสี่ยยักษ์ก็ใช้กราฟ Technical เข้ามาเสริมด้วย ถือเป็นการลงทุน 2 กลยุทธ์ หรือ Hybrid Investing โดยหลักการใช้ Technical ของเสี่ยยักษ์มีดังนี้ ⁣

1) ถ้าหุ้นมีการเบรก Trend line ขึ้นไป หรือแรงซื้อมากกว่าแรงขาย เป็นปัจจัยสำคัญในการจับจังหวะการซื้อหุ้น⁣

2)  ใช้เครื่องมือทาง Technical  ถ้าเครื่องมือมีการตัดขึ้นใน Timeframe Monthly ถ้าตัดหัวขึ้นถือเป็นการปรับตัวเทรนด์ขาขึ้น ถ้าตัดหัวลงถือว่าเทรนด์ขาลงกำลังเริ่มต้นขึ้นแล้ว ให้รีบขาย ⁣

นอกจานี้หากมีการทำ Over bought นาน ๆ มีโอกาสที่หุ้นอาจจะถึงจุดพีค กลับกัน ถ้า Technical Indicator อยู่ในโซน Over sold หรือโซนล่างนาน ๆ ก็มีโอกาสที่จะกลับตัว เ⁣

ถ้าเอาไปผสมผสานกับสิ่งที่เสี่ยยักษ์บอกว่า “ราคาจะต้องต่ำ” คือให้ดู Technical Indicator ว่า oOver sold หรือยัง เพราะถ้า Over sold แปลว่าหุ้นจะมีการปรับตัวถ้าพื้นฐานยังไม่เปลี่ยนไป ⁣

ในด้านการขายหุ้น เสี่ยยักษ์ก็ได้มีการแชร์เทคนิคเอาไว้ว่า ถ้าหุ้นยังมีการทำ New high ใหม่มาเรื่อย ๆ จะไม่กังวลเลยว่าจะมีการปรับฐาน แต่จะถือไปเรื่อย ๆ แต่ถ้าเมื่อไหร่ก็ตามที่ราคาไม่ทำ New high แล้ว หรือทำ high ที่ต่ำกว่า high เดิม อาจบ่งบอกถึงสัญญาณและกำลังซื้อที่ถดถอยลง และมีความเป็นไปได้ที่หุ้นตัวนั้นอาจจะถึงจุดสูงสุดไปแล้ว อาจจะเริ่มกลับตัวเป็นเทรด์เป็นขาลงในเวลาไม่ช้า ⁣

—----------⁣

ปัจจัยที่ 3: จิตวิทยาการลงทุน ⁣

ถ้าหุ้นตัวนั้น ทั้งตลาดรู้กันหมดแล้วว่าดี ใครจะมาซื้อหุ้นตัวนั้นต่อจากเรา?⁣

เพราะหุ้นจะราคาขึ้นได้ ก็ต่อเมื่อมีคนมาซื้อต่อเราในราคาที่แพงขึ้น ถ้าทุกคนรู้กันหมดแล้วว่าหุ้นตัวนั้นดี ทุกคนก็ซื้อหุ้นตัวนั้นกันหมดแล้ว ดังนั้น โอกาสที่เราจะไปขายให้คนอื่นในราคาแพงกว่าเดิมก็ยาก และแปลว่าราคาหุ้นอาจไปต่อได้อีกไม่มากแล้ว ก็อาจจะปรับตัวเป็นขาลง ⁣

และที่สำคัญที่สุดสำหรับการเป็นนักลงทุน คือการเรียนรู้จากความผิดพลาด และเรียนรู้ที่จะยอมรับ ⁣

ถ้าเราคิดว่าเราพลาดแล้ว เราจะต้องรับความผิดพลาดและแก้ไข เช่น เราเข้าไปซื้อหุ้นที่ราคาแพงมาก ถึงเวลาพื้นฐานเปลี่ยน ราคาลง เราต้องยอมรับว่าเราพลาด ก็ต้องขาย และไปหาหุ้นที่มีพื้นฐานดีกว่า ⁣

—-----------⁣

แต่นอกจากการลงทุนในหุ้นแล้ว เสี่ยยักษ์ยังมีการทำ Diversify หรือการกระจายสินทรัพย์ลงทุน เพราะหุ้นถือเป็นสินทรัพย์ที่มีความเสี่ยสูง เสี่ยยักษ์จึงมีการซื้อที่ดินไว้ด้วย เพราะถือว่าเป็นสินทรัพย์ที่สามารถให้ผลตอบแทนที่ดีได้ อาจไม่สูงเท่าหุ้น แต่ก็ให้ผลตอบแทนมั่นคงและผันผวนน้อยกว่า⁣

นอกจากนี้ เสี่ยยักษ์บอกว่าเขาไม่ได้ถือหุ้น 10-20 ตัว หลายคนอาจจะคิดว่า พอร์ตใหญ่ น่าจะถือหุ้นหลายตัว แต่จริง ๆ แล้วเสี่ยยักษ์ซื้อหุ้นแค่ 4-6 ตัวเท่านั้น โดยจะมีตัวที่จัดหนัก ๆ แค่ 1-3 ตัว ซึ่งก็เป็นหุ้นที่มั่นใจทั้งในเชิงพื้นฐานและปัจจัยทางเทคนิค⁣

อ้างอิง
 
 
Post Reply