THE PSYCHOLOGY OF MONEY จิตวิทยาว่าด้วยเงิน
===============
Nattapon Muangtum
===============สรุปรีวิวหนังสือ The Psychology of Money จิตวิทยาว่าด้วยเงิน หนังสือที่จะทำให้คุณเข้าใจว่าคนเราคิดกับเงินอย่างไร ใช้เงินกันแบบไหน เปลี่ยนไปอย่างไรเมื่อมีเงิน และที่สำคัญคือเบื้องหลังคนที่ประสบความสำเร็จส่วนใหญ่ เขาปฏิบัติกับเงินและการลงทุนอย่างไรครับ
ความรวยไม่ใช่ความมั่นคั่ง และความรวยก็ไม่ใช่บอกว่าชีวิตคนนั้นจะประสบความสำเร็จในระยะยาว
เพราะความรวยคือการแสดงออกให้คนอื่นรับรู้ผ่านการใช้เงิน เช่น คนจะมองว่าเรารวยก็ต่อเมื่อเห็นเรามีบ้านหลังใหญ่ เห็นเราใส่นาฬิการาคาแพง หรือเห็นเราขับรถสปอร์ตซูเปอร์คาร์ แต่ทั้งหมดทั้งมวลนั้นล้วนเป็นการใช้เงินเพื่อบอกคนอื่นให้รู้ว่าเรารวย
ส่วนความมั่นคั่งนั้นเป็นเหรียญคนละด้านก็ว่าได้ ความมั่นคั่งคือการที่เราไม่ได้ใช้เงินออกไปให้คนอื่นรู้ว่าเรารวย หรือถ้าจะใช้เงินออกไปก็คือการใช้เพื่อสร้างเงินในอนาคตที่จะไหลเข้ามา ไม่ใช่ใช้เพื่อให้คนอื่นยอมรับ หรือเป็นการเอาเงินไปลงทุนอย่างอื่นที่จะงอกเงยออกมาเสียมากกว่า
เห็นไหมครับว่าความรวยกับความมั่นคั่งเป็นคนละเรื่องกัน ดังนั้นนักการตลาดที่ฉลาดต้องรู้จักหาวิธีให้ลูกค้าได้แสดงออกถึงความมั่นคั่ง ว่าเขาเป็นคนรวยในสายตาคนอื่นควบคู่กันได้จะยิ่งดีครับ
เรื่องราวตัวอย่างคือมหาเศรษฐีบริษัทเทคโนโลยีอายุน้อยคนหนึ่ง พอมีเงินมากๆ ตั้งแต่ยังหนุ่มก็เลยไม่รู้จักเก็บออม แต่เอาเงินไปใช้แสดงออกถึงความร่ำรวยของตัวเอง ไม่นานนักเขาคนนั้นก็ถูกลืมเลือนไป ผิดกับภาโรงคนหนึ่งที่ใช้ชีวิตสมถะเรียบง่าย
แต่พอวันที่เขาจากไปในวัยเก้าสิบกว่า กลับกลายเป็นข่าวใหญ่โตเพราะทิ้งทรัพย์สินไว้หลายล้านดอลลาร์ แถมยังเอาเงินส่วนใหญ่บริจาคอีกด้วยดังนั้นสิ่งสำคัญของเงินคือการหาให้ได้มากกว่าที่ใช้ไป หรือไม่ก็ใช้ให้น้อยกว่าที่หาได้ และก็ต้องรู้จักเก็บออมลงทุนไว้ตั้งแต่เนิ่นๆ เพื่อให้มันทบต้นทบดอกไปเรื่อยๆ ครับ
พูดถึงเรื่องการลงทุนก็คงหนีที่จะไม่พูดถึง Warren Buffett (วอร์เรน บัฟเฟตต์) ไม่ได้
หลายคนชอบขนามนามว่าเขาเป็นนักลงทุนอัจฉริยะ แต่มีน้อยคนนักที่จะมองออกว่าแท้จริงแล้วความสำเร็จของ Warren Buffett ทุกวันนี้มาจากการที่เขาเริ่มเป็นนักลงทุนชั้นดีตั้งแต่อายุยังน้อยกว่าคนอื่นมาก
ทรัพย์สินส่วนใหญ่ของบัฟเฟตต์ไม่ได้มาตั้งแต่ตอนที่เขายังหนุ่ม แต่มาเพิ่มขึ้นแบบเท่าทวีคูณตอนที่เขาอายุเลย 50 ไปแล้ว
ดังนั้นการลงทุนจึงเป็นเรื่องของระยะเวลา จะลงทุนอะไรก็แล้วแต่อย่างมองแค่เกมสั้นๆ ให้มองเกมยาวๆ ยิ่งยาวเท่าไหร่ยิ่งดี เพราะผู้ชนะเกมนี้เป็นของคนที่อดทนต่อเงินได้มากกว่าคนอื่นครับหลายคนอดทนต่อแรงเย้ายวนของเงินไม่ได้ มีเงินเข้าหน่อยก็ต้องหาเรื่องใช้ หรือลงทุนแล้วติดลบเข้านิดก็รีบขายให้ขาดทุนออกมา
เหมือนกับการมองกราฟหุ้นหรือคริปโตระยะสั้น แน่นอนว่ามันมีหน้าตาเหมือนฟันปลาฉลามที่พร้อมจะกัดกินคนใจอ่อนตลอดเวลา แต่ถ้าเรามองจาก Data ของหุ้นหรือการลงทุนระยะยาวทั้งหมดจะเห็นว่า สุดท้ายแล้วกาลเวลาจะทำให้ทุกอย่างค่อยๆ ดีขึ้นเองครับ
เรื่องนี้ผมเองเคยศึกษาตอนทำรีเสิร์จเรื่องการลงทุนมานานแล้ว ทำให้ผมเลือกซื้อหุ้นและกองทุนชนิดแบบลืมหรือลบแอปทิ้งไปเลย
เพราะจากภาพรวมทั้งหมดจะเห็นได้ว่าการลงทุนส่วนใหญ่ไปในทิศทางที่ดีขึ้นเสมอ ระยะสั้นอาจน่าตกใจ แต่ในระยะยาวนั้นชัดเจนว่ามีน้อยมากที่จะเจ๊งไม่เป็นท่าดังนั้นถ้าคุณอยากเป็นคนโชคดีเรื่องการเงิน หรือประสบความสำเร็จเรื่องการลงทุน พรสวรรค์เดียวที่คุณต้องมีให้มากกว่าคนอื่นคือการอดทน อดทนไม่ใช้เงินวันที่กำไร และอดทนไม่ขายไปในวันที่ขาดทุนครับ
ปล่อยให้ทั้งหมดมันทบต้นทบดอกไปเรื่อยๆ มันก็จะเหมือนกับการปลูกต้นไม้ ที่วันแรกรดน้ำพรวนดินจากเมล็ด ยังไม่มีอะไรงอกออกมาหรอก ต้องรอให้ผ่านไปสักระยะจึงจะเห็นลำต้นโผล่ออกมาจากดิน แต่วันนั้นก็ยังกินไม่ได้ คุณต้องอดทนรอจนต้นที่ปลูกไว้โตพอจะผลิดอกออกผล และก็อย่าเก็บทั้งหมดกินทีเดียวเกลี้ยง แต่จงเอาไปขยายเป็นต้นใหม่ๆ ควบคู่กัน เพื่อให้คุณมีสวนของต้นไม้นั้น ที่จะเก็บผลกินได้สบายในระยะยาว
เมื่อนั้นคุณก็จะเข้าใกล้กับคำว่าคนที่ประสบความสำเร็จในชีวิตแต่เดี๋ยวก่อน หลายคนชอบนิยามคำนี้ผิด ชอบเข้าใจว่าคนที่ประสบความสำเร็จในชีวิตคือคนที่ไม่ต้องดิ้นรนทำงาน หรือคนที่ได้ใช้ชีวิตแบบสบายในทุกวัน
แต่ในความเป็นจริงแล้วคนที่มีเงินมากๆ เขาก็ยังคงทำงานอยู่แทบจะทุกวัน และก็แทบจะทั้งวันเดียวเพียงแต่เขาสามารถเลือกงานที่เขาอยากทำได้เต็มที่ เลือกลูกค้าที่อยากทำด้วยได้ และก็สามารถเลือกเงื่อนไขการทำงานที่ตัวเองต้องการได้ด้วย
ดังนั้นการประสบความสำเร็จในชีวิตคือการได้ใช้ชีวิตอย่างที่ต้องการ ได้ทำงานที่อยากทำ ไม่ใช่ทำเพราะต้องทำ เพราะต้องการเงินเอาไปใช้จ่ายค่าโน่นนี่นั่นครับ
หลายคนชอบเข้าใจผิดคิดว่าคนที่ประสบความสำเร็จคือคนที่ไม่เคยผิดพลาด หรือคนที่ผิดพลาดน้อยที่สุด หนังสือเล่มนี้ช่วยให้อีกมุมมองว่า คนที่ประสบความสำเร็จล้วนเคยผิดพลาดและล้มเหลวมาทั้งนั้น หัวใจสำคัญคือเรียนรู้จากความผิดพลาดนั้น แล้วก็เรียนรู้ที่จะผิดพลาดเรื่องใหม่ๆ ในครั้งถัดไป เพื่อจะได้หลีกเลี่ยงความผิดพลาดที่ป้องกันได้ในครั้งหน้า และนั่นก็เท่ากับเป็นการเพิ่มโอกาสความสำเร็จไปพร้อมกัน
ล้มกี่ครั้งไม่สำคัญ ขอให้ลุกขึ้นได้ทุกครั้ง และก็อย่าพลาดไปล้มซ้ำที่จุดเดิมก็พอครับหรือดีไม่ดีขอโอกาสดีๆ สักครั้ง เหมือนที่ Walt Disney เคยทำสมัยเริ่มก่อตั้งสตูดิโอใหม่ๆ เขาสร้างผลงานภาพยนต์สั้นการ์ตูนมากมายหลายร้อยเรื่อง แต่ไม่มีเรื่องไหนทำให้เขาร่ำรวยได้สักที จนมาทำเรื่องสโนว์ไวท์กับคนแคระทั้งเจ็ด ภาพยนต์การตูนเรื่องนี้ทำให้ Walt Disney ทำเงินได้หลายล้านเหรียญ แถมยังช่วยพลิกชีวิตเขาจากคนสร้างภาพยนต์การ์ตูน กลายคนเป็นดัง คนสำคัญในสังคม และนั่นก็กลายเป็นบันใดให้เขาไต่ขึ้นไปสูงขึ้นเรื่อยๆ จนทุกวันนี้แทบไม่มีใครไม่รู้จัก Disney บนโลกก็ว่าได้
และเมื่อคุณกลายเป็นคนที่มีเงินทองมากมายกว่าที่เคยคิดไว้สมัยก่อนแล้ว ก็อย่าใช้เงินแบบคนลืมตัววัวลืมตีน จากเดิมเราเคยต้องการเงินเพื่อตอบสนองความต้องการขั้นพื้นฐาน กินอิ่ม นอนหลับ น้ำไหล ไฟติด กลายมาเป็นการใช้เงินเพื่อความสะดวกสบายของชีวิต เช่น ได้เปิดแอร์นอนทุกคืน มีทีวีจอใหญ่ๆ อินเทอร์เน็ตแรงๆ มีรถยนต์สักคัน แล้วจากนั้นคือจุดสำคัญที่ควรรู้เท่าทันไว้ นั่นก็คือการใช้เงินเพื่อความสนุกในชีวิต
เราอาจจะต้องการแอร์ที่ใหญ่มากๆ เงียบมากๆ ที่นอนหลังละเป็นล้าน รถสปอร์ตหรือซูเปอร์คาร์ ตามมาด้วยการกินอาหารจากเชฟดังๆ ทุกสัปดาห์ก็เป็นได้
คนที่จะประสบความสำเร็จเรื่องเงินได้มักจะพยายามไม่ขยับเป้าหรืออัตตาของตัวเอง เคยตั้งเป้าการใช้ชีวิตไว้แค่ไหนก็พยายามไม่ให้ขยับไปไกลกว่านั้น ถ้าจะขยับออกไปก็ต้องมั่นใจว่าหาเงินมาได้มากพอที่จ่ายออกไปแล้วไม่เสียใจในวันหน้า
จงซื้อเพราะต้องซื้อ แต่อย่าซื้อเพียงเพราะแค่อยากซื้อครับตามใจตัวเองได้บ้างไม่ผิด แต่ไม่ใช่ตามใจตัวเองประจำจนเคยตัว
อีกเรื่องนึงของจิตวิทยาว่าด้วยเงินที่คนส่วนใหญ่มักพลาดกัน ก็คือการเอาตัวเองไปเปรียบกับคนที่ไม่จำเป็น เช่น สมมติวันนี้ผมมีเงินหลายสิบล้าน แต่ผมดันเอาตัวเองไปเปรียบเทียบกับคนที่มีเงินหลายพันล้าน แน่นอนว่าตามมาตรฐานปกติผมก็ต้องรวยกว่าคนมากมายอยู่แล้ว แต่พอเทียบกับคนที่มีหลายพันล้าน ผมย่อมรู้สึกว่าตัวเองจนกว่าแน่นอน
แล้วสิ่งที่จะตามมาคือเราจะเผลอใช้เงินเพื่อแสดงถึงความรวยให้คนอื่นรู้โดยไม่จำเป็น แล้วเราก็จะสูญเสียความมั่นคั่งไปเรื่อยๆ อย่างน่าเสียดาย
จงจำไว้ว่า มองต่ำเราเหลือ มองเหนือเราขาด อย่าลืมกำพืดของตัวเอง จงใช้ชีวิตในแบบที่ตัวเองมีความสุข ไม่ใช่ใช้ชีวิตเพียงเพื่อให้คนอื่นอิจฉาครับ สรุปรีวิวหนังสือ The Psychology of Money จิตวิทยาว่าด้วยเงิน หนังสือเล่มนี้ไม่ได้สอนการลงทุนเป็นหลัก แต่จะกลับมาสอนให้เราเข้าใจว่ามนุษย์อย่างเราและคนส่วนใหญ่คิดและทำอย่างไรกับเงิน ในวันที่เขาไม่มีเขาใช้เงินแบบไหน (คนจนใช้เงินไปกับหวยเยอะมาก) และในวันที่คนเราเริ่มมีเงินอะไรบ้างที่จะกลายเป็นกับดักฝังเราในระยะยาว
ดังนั้นการรู้เท่าทันจิตใจเราต่อเรื่องเงินจึงสำคัญมาก เพราะชีวิตคือเกมระยะยาว เป็นการวิ่งมาราธอนไปเกือบร้อยปี ความน่ากลัวคือไม่ใช่ว่าเราจะตายเมื่อไหร่ แต่เป็นเราใช้เงินหมดแล้วแต่ยังไม่ตายต่างหากครับ เพราะมันคือการตายทั้งเป็นจริงๆอ่านแล้วเล่า สรุปหนังสือ เล่มที่ 18 ของปีสรุปรีวิวหนังสือ The Psychology of Money จิตวิทยาว่าด้วยเงิน
บทเรียนเหนือกาลเวลาเรื่องความมั่นคั่ง ความโลภ และความสุขที่คุณไม่ควรพลาด
Morgan Housel เขียน
ธนิน รัศมีธรรมชาติ แปล
สำนักพิมพ์ LIVE RICHอ่านสรุปหนังสือแนวจิตวิทยาแบบนี้ในอ่านแล้วเล่าต่อ
> https://www.summaread.net/category/psychology/
สนใจสั่งซื้อออนไลน์ > คลิ๊ก
ที่มา: https://www.summaread.net/finance/the-p ... live-rich/