- 20230524-KSL.jpg (622.69 KiB) Viewed 2707 times
- 20230524-KSL.jpg (622.69 KiB) Viewed 2707 times
ถอดเทป "Oppday Q1/2023 บริษัท น้ำตาลขอนแก่น จำกัด (มหาชน) KSL"
คุณอิศเรศ: ขอต้อนรับนักลงทุนทุกท่านนะครับ เข้าสู่งาน KSLOpportunity Day นะครับ วันนี้ทางบริษัทก็มีความยินดีเป็นอย่างยิ่งนะครับที่จะมาอัพเดท Performance รวมถึง Market Overview แล้วก็ตัว Busines Outlook ของกลุ่มบริษัทครับ
ซึ่งเราได้รับเกียรติจากผู้บริหารของบริษัทที่มาเข้าร่วมให้ข้อมูลที่สำคัญดังนี้ครับ ท่านแรกครับ คุณชรัช ชินธรรมมิตร์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่
—-------
คุณชรัช: ครับ
—-------
คุณอิศเรศ: ท่านที่สองครับ คุณพักตร์วิไล อารีย์วัฒนานนท์ ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการใหญ่สายงานพัฒนาธุรกิจครับ
—-------
คุณพักตร์วิไล: สวัสดีค่ะ
—-------
คุณอิศเรศ: ครับและผมนะครับอิศเรศ จรรยาวรรณสิริ ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการใหญ่สายงานบัญชีและการเงินครับ
ซึ่งวันนี้ Agenda ที่เราจะมาอัพเดทกันนะครับก็คือเรื่องของ Performance สำหรับQ1 ของปี 2023 ในเรื่องของ Sugar Market Overview นะครับ ถัดมาก็จะเป็นตัว KSL Business Outlook สุดท้ายก็จะเป็นช่วงที่เป็นการตอบคำถามของนักลงทุนที่จะส่งคำถามเข้ามานะครับ
นักลงทุนที่สนใจจะส่งคำถามเข้ามาสามารถส่งคำถามเข้ามาใน Chat Box ได้ที่เว็บไซต์ของตลาดหลักทรัพย์นะครับ
ก็ขอเริ่มต้นด้วยตัว Performance ของ Q1 ก่อนนะครับ สำหรับปริมาณการผลิตน้ำตาลของกลุ่ม KSL ในประเทศ เราปิดหีบไปแล้วนะครับปริมาณ อ้อยเข้าหีบสำหรับปีนี้นะครับก็ 6.6 ล้านตันหรือคิดเป็นประมาณ 7.03% ซึ่งก็เป็นอันดับที่ 5 ของประเทศ ของปริมาณอ้อยทั่วประเทศทั้งหมดนะครับ
แล้วก็เราคาดว่าเราสามารถผลิตน้ำตาลได้ประมาณ 720,000 ตันครับ ซึ่งก็ใกล้เคียงกับปีก่อนหน้านี้ครับ เพิ่มขึ้นมาเล็กน้อยครับ
ในส่วนของกำไรสุทธิแล้วก็ EBITDA นะครับ ภาพบนด้านซ้ายมือครับ กำไรสุทธิเนี่ยปิดอยู่ที่ประมาณ 538 ล้าน หรือว่าเพิ่มขึ้นประมาณ 62% นะครับจาก YoY ครับ
ในส่วนของกำไรขั้นต้นนะครับ อยู่ที่ประมาณ 973 ล้านครับก็เพิ่มขึ้นประมาณ 54% นะครับ EBITDA ด้านบนขวามือ Q1 นะครับ อยู่ที่ 1,168 ล้านนะครับ เพิ่มขึ้นประมาณ 253 ล้านบาทหรือประมาณ 28% ครับ
ในส่วนของรายได้หลักนะครับ ด้านล่างซ้ายมือครับ รายได้จากการขายสินค้าและบริการรวมนะครับ 3,727 ล้านบาท เพิ่มขึ้นมาประมาณ 301 ล้านบาท หรือประมาณ 9% ครับ
ด้านขวามือ ก็จะเป็นเรื่องของการปริมาณการขายน้ำตาลในประเทศนะครับ ปริมาณการขายน้ำตาลของธุรกิจโรงงานในประเทศ น้ำตาลขายได้ 155,987 ตัน ก็ลดลงจากปีก่อน 1,113 ตัน หรือลดลงประมาณ 1% ครับ
ส่วนของโมลาสนะครับขายได้ประมาณ 45,000 ตันนะครับก็ลดลงไปประมาณ 38,000 ตันนะครับ
ในส่วนของภาพรวมของรายได้แล้วก็ค่าใช้จ่ายนะครับ ซ้ายมือจะเป็นภาพรวมของรายได้ ด้านซ้ายมือด้านล่างก็คือเป็นสัดส่วนของรายได้ครับ รายได้ภาพรวมเนี่ยประมาณ 90% ก็คือการขายสินค้าและบริการนะครับ
ในส่วนของด้านขวามือนะครับ ก็จะเป็นภาพรวมของค่าใช้จ่าย ค่าใช้จ่ายส่วนใหญ่ก็จะเป็นเรื่องของต้นทุนขาย ซึ่งต้นทุนต้นทุนขายของควอเตอร์นี้ ก็คิดเป็นประมาณ 86% ซึ่งถ้าเทียบกับควอร์เตอร์เดียวกันของปีก่อนก็ลดลงไป 82 ล้านนะครับ
ก็ภาพรวมก็คือว่า เนื่องจากปริมาณขายของสินค้าที่เป็นน้ำตาลและโมลาสลดลง ตัวต้นทุนขายลดลงด้วยครับ
แล้วก็ค่าใช้จ่ายที่เป็นแอดมินนะครับ ก็ส่วนใหญ่ที่มันเพิ่มขึ้นก็เกิดจากตัวของ loss ของ exchange rate ประมาณ 28 ล้านนะครับ รวมกับมีค่าใช้จ่ายในการโอนตัว property นะครับจากบริษัทย่อยของกลุ่ม KSL ให้กับ BBGI นะครับมีค่าใช้จ่ายประมาณ 5 ล้าน ในภาพรวมก็จะเป็นค่าใช้จ่ายที่เพิ่มขึ้นครับ
อันนี้ก็เป็นเปรียบเทียบสัดส่วนรายได้ระหว่างตัวแต่ละธุรกิจของกลุ่มบริษัทนะครับ ตัวน้ำตาลแล้วก็โมลาสนะครับ ปีปัจจุบันเนี่ยเราขายได้ประมาณ 84% ถ้าเทียบกับปีที่แล้วที่ 68% ก็แตกต่างอย่างไม่มีสาระสำคัญ
ส่วนรายได้อื่นที่เป็นการขายไฟฟ้า แล้วก็พวก service ที่เป็น supporting ต่าง ๆ นะครับ ก็ไม่ได้เปลี่ยนแปลงอย่างนี้ผลกระทบอะไรกับภาพรวมของธุรกิจเดิมครับ
ถัดมานะครับ อันนี้ก็จะเป็นในส่วนของการวิเคราะห์ตัวรายได้แล้วก็ตัวกำไรขั้นต้นนะครับ รายได้ในภาพรวมเพิ่มขึ้นประมาณ 9% YoY
ส่วน Gross Profit นะครับ ก็เพิ่มขึ้นจากเดิม ประมาณ 8% นะครับ จากเดิมเนี่ย Gross Profit อยู่ที่ประมาณ 18% มาเป็น 26% เพิ่มขึ้น 8% จำนวนเงินที่เพิ่มขึ้นประมาณ 343 ล้านบาทหรือถ้าเทียบเป็นจำนวนเงินก็เพิ่มขึ้นประมาณ 54% นะครับ
โดยภาพรวมเนี่ย มันเกิดจากตัวยอดขายการส่งมอบน้ำตาลแล้วก็กากน้ำตาลนะครับที่อาจจะเลื่อนออกไปเล็กน้อย แต่เนื่องจากมันมีช่วงของการเปิดหีบที่เพิ่งเปิดหีบตอนต้นเดือนธันวา ก็ทำให้ ในช่วงของการส่งมอบเนี่ยอาจจะคลาดเคลื่อนไปเล็กน้อยนะครับ
ส่วนราคาขายน้ำตาลนะครับ ก็อินไลน์กับตัวราคาขายน้ำตาลในตลาดโลกที่มีการปรับเพิ่มขึ้น
ในส่วนของต้นทุนขาย ต้นทุนขายเนี่ยมีการปรับเพิ่มขึ้นก็จริงนะครับ แต่เปอร์เซ็นต์ของการปรับเพิ่มขึ้นเนี่ยเป็นเปอร์เซ็นต์ที่น้อยกว่าเปอร์เซ็นต์ของการปรับเพิ่มขึ้นของราคาขายน้ำตาลก็เลยทำให้ Gross Profit Margin เพิ่มขึ้นด้วยนะครับ
ในส่วนของค่าใช้จ่ายในการจัดจำหน่ายหรือว่าต้นทุนในการส่งมอบนะครับ โดยสัดส่วนของยอดขายก็จะเป็นเรื่องของการขายต่างประเทศ ก็ใกล้เคียงกับของปีก่อนนะครับ
ก็จะเป็นสรุปภาพรวมของการขายน้ำตาลนะครับ การขายน้ำตาลในประเทศนะครับด้านบนโดยปริมาณที่ปรับตัวลดลงนะครับ YoY แต่ราคาขายเนี่ยมีการปรับตัวเพิ่มขึ้นประมาณ 13% นะครับ
ส่วนของโมลาสราคาขายก็ปรับตัวเพิ่มขึ้นเช่นกันนะครับ แต่ปริมาณเนี่ยในการส่งมอบเนี่ยลดลงครับ
ส่วนด้านล่างนะครับจะเป็นการขายน้ำตาลของธุรกิจในต่างประเทศครับ ด้วยปริมาณที่เพิ่มขึ้นประมาณ 2,264 ตันหรือเพิ่มขึ้นประมาณร้อย 79% นะครับ แล้วก็ราคาขายที่มีการปรับตัวเพิ่มขึ้นจากราคาขายน้ำตาลในตลาดโลกนะครับ 11%
ส่วนของโมลาสก็เปลี่ยนแปลงเล็กน้อยนะครับรวมถึงปริมาณก็มีการส่งมอบเป็นเล็กน้อยด้วยครับ
ในส่วนของธุรกิจไฟฟ้านะครับ ธุรกิจไฟฟ้ามีปริมาณการส่งมอบไฟฟ้าเพิ่มขึ้นประมาณ 7% ซึ่งราคาถัวเฉลี่ยเนี่ยก็ปรับตัวเพิ่มขึ้นด้วยจากการปรับค่า FT จากเดิมที่ปีก่อนมีค่า FT เนี่ยอยู่ที่ประมาณไม่เกินหนึ่ง แต่ปัจจุบันก็เกินหนึ่ ไปแล้วนะครับ ก็ทำให้ราคาถัวเฉลี่ยของค่าไฟฟ้าเนี่ยที่เราขายเนี่ยก็มีการปรับเพิ่มขึ้นครับ
ส่วนของต้นทุนนะครับ ต้นทุนที่เป็นกากอ้อยก็จะใช้ปริมาณที่มันเพิ่มขึ้นด้วย ทำให้ปริมาณการซื้อพวกชิบไม้ที่มีต้นทุนสูงกว่าปริมาณก็ลดลง เมื่อปริมาณลดลงแล้วก็ทำให้ต้นทุนในภาพรวม มีต้นทุนที่ปรับตัวลดลงด้วยนะครับ ก็ทำให้ตัว Gross Profit ก็เพิ่มขึ้นด้วย
อันนี้ขอเชิญคุณพระวิไลนำเสนอต่อในภาพรวมของตลาดต่าง ๆ ครับ
—-------
คุณพักตร์วิไล: สวัสดีค่ะ ขออนุญาตอัพเดทสถานการณ์ของตลาดน้ำตาลนะคะ
คราวที่แล้วที่เราพบกันนะคะก็ดูน้ำตาลของน้ำตาลเนี่ยเป็น Surplus นะคะ ถือว่าเกินดุลอยู่ประมาณ 3.8 ล้านในปี 2023 นะคะ
แต่ว่าเมื่อการเก็บเกี่ยว crop ของประเทศไทยและอินเดียจบลงไป ปริมาณการหีบอ้อยของไทยและอินเดียลดลงเลยส่งผลให้ดุลน้ำตาลในตลาดโลกลดลง จากการที่เกินดุลถึง 3.8 ล้านเนี่ยเหลือที่ประมาณใกล้ ๆ หนึ่งล้านตันนะคะ 0.8 ล้านตันนะคะ ก็เป็นถือเป็นปัจจัยที่ส่งผลให้ราคาปรับตัวเพิ่มขึ้นมานะคะ
ก็ดูน้ำตาลในปี 2023 เนี่ยก็ก็ยังถือว่าเป็นน้ำตาลเนี่ยถือว่ายังถือว่าขาดดุลอยู่ประมาณเล็กน้อยนะคะอยู่ประมาณใกล้ ๆ ล้านตันนะคะ ส่วนปี 24 เนี่ยจะเกินดุลอยู่ที่ประมาณ 4 ล้านตัน
จะเห็นได้ว่าประเทศผู้ผลิตหลัก 6 ประเทศนะคะ 5 ใน 5 จาก 6 เนี่ยปริมาณการหีบอ้อยลดลงทั้งหมดเลยนะคะ ยกเว้นประเทศบราซิล ซึ่งกำลังเริ่มเก็บเกี่ยวตอนนี้นะคะ ซึ่งคาดการณ์ปริมาณน้ำตาลเนี่ยจะเพิ่มขึ้นนะคะจากปีก่อนหน้านะคะคิดเป็นปริมาณการส่งออกอยู่ที่ประมาณ 27 ล้านตันน้ำตาลค่ะ
ขอสไลด์ถัดไปเลยค่ะ
สำหรับตัวบราซิลเองนะคะอย่างที่เรียนว่า ปริมาณน้ำตาลเนี่ยจะเพิ่มขึ้นจากปีก่อนหน้าจาก 33.5 ล้านตัน เป็น 37.5 ล้านตันน้ำตาลนะคะ แล้วก็จะส่งออกสู่ตลาดโลกอยู่ที่ประมาณ 27 ล้านตันน้ำตาลนะคะ
ส่วนเปอร์เปอร์เซ็นต์ Mix นะคะจะเห็นได้ว่าเปอร์เซ็นต์ Mix ของคาดการณ์ของปีหน้าเนี่ยก็จะเพิ่มเอทานอลด้วยซ้ำนะคะแต่ว่าปริมาณอ้อยของบราซิลเนี่ยเพิ่มขึ้นจาก 540 ล้านตันอ้อยเป็น 580 ล้านตันอ้อย ก็จึงส่งผลให้ปริมาณน้ำตาลเนี่ยอยู่ที่คาดการณ์อยู่ที่ประมาณ 37 ล้านตันน้ำตาลค่ะ
สไลด์ถัดไปค่ะ
สำหรับประเทศอินเดียนะคะ จะเห็นได้ว่าประเทศอินเดียผลผลิตก็ลดลงเช่นกัน จากเดิมที่คาดการณ์อยู่ที่ 34 ล้านตันน้ำตาลนะคะ ก็จบเก็บเกี่ยวไปแล้วนะคะอยู่ที่ 32.8 ล้านตันน้ำตานะคะ
เเล้วก็ปริมาณการส่งออกของอินเดียลดลงจากปีก่อนหน้า เนื่องจากปริมาณ crop ของเขาลดลงนะคะกปีก่อนหน้าเนี่ยเขาส่งออกมาประมาณ 11 ล้านตัน ก็ส่งออกมาสู่ตลาดโลกเพียงแค่ 6 ล้านตันนะคะ
แล้วก็จะมีน้ำตาลบางส่วนไปทำเอทานอลด้วยนะคะ ก็กราฟทางด้านซ้ายบนนะคะ ไปทำเอทานอลอยู่ที่ประมาณ 4.5 ล้านตันน้ำตาลค่ะ
สำหรับประเทศไทย สไลด์ถัดไปนะคะ ก็อย่างที่คุณอิศเรศได้เรียน ทั่วประเทศไทยเนี่ยจบการเก็บเกี่ยวไปแล้วนะคะ จากเดิมที่ประเทศไทยเราคาดการณ์ผลผลิตอยู่ที่ประมาณร้อยกว่าตันอ้อยนะคะ ก็ลดลงจบที่ประมาณ 93.88 ล้านตันอ้อย ก็ถือว่าลดลงจากคาดการณ์อยู่ที่ประมาณ 10% นะคะ
ส่วนทางกลุ่มเองนะคะ กลุ่ม KSL เราเนี่ยนะคะ ก็ maintain ปริมาณอ้อยได้เท่ากับปีที่แล้วนะคะ อยู่ที่ประมาณ 6.6 ล้านตันอ้อย ก็คาดการณ์ว่าเราจะผลิตน้ำตาลละลายทั้งปีนะคะ ปริมาณน้ำตาลที่เราผลิตได้เนี่ยก็ Yield ดีกว่าปีที่แล้วนะคะก็ถือว่าจบอยู่ที่คาดการณ์อยู่ที่ประมาณ 720,000 ตันน้ำตาลนะคะ
โดยสัดส่วนการผลิตนะคะ เราจะ maintain การผลิตของน้ำตาลทรายดิบเนี่ยอยู่ที่ประมาณ 130,000 นะคะ และเราก็จะ maximized การละลายของเรา ก็จะส่งออกและก็ขายในประเทศนะคะ สำหรับตัวปริมาณน้ำตาลขาวที่จะ remelt (นาที 13:50) ทั้งปีนะคะอยู่ที่ประมาณ 400,000 ต้น ๆ ค่ะ
สำหรับตัวราคา ราคาก็ตั้งแต่กลางเดือนมีนา ราคาก็ปรับตัวขึ้นมาขาเดียวตลอดนะคะ โดยหลัก ๆ ก็จะเป็นปัจจัยที่กองทุนที่เข้ามาถือสถานะ Long ต่อเนื่องมีการปรับสถานะ Long ต่อเนื่องและก็มีการลดลงเล็กน้อยแต่ว่ายังยังถือ Long น้ำตาลต่อเนื่อง
ส่วนปัจจัยพื้นฐานของตัวน้ำตาลนะคะก็จะเป็น crop ของไทยและอินเดียที่เรียนไปข้างต้นว่าลดลงนะคะ
แล้วก็สภาวะอากาศที่จะเป็นเอลนีโญที่จะส่งผลให้ทางบ้านเราร้อนค่อนข้างรุนแรงนะคะซึ่งก็ตอนนี้ก็ถือว่าร้อนมาก ๆ เลยนะคะในประเทศไทยนะคะ อาจจะส่งผลให้ประเทศไทยใน crop หน้าเนี่ยน้อยลงนะคะ
ด้วยปัจจัยของเอลนีโญเองเนี่ย อาจจะทำให้สภาวะอากาศในบราซิลเนี่ยฝนเยอะก็อาจจะทำเป็นอุปสรรคในการหีบอ้อยของเขานะคะ
อย่างไรก็ตาม ตัวระดับราคาที่ปรับตัวขึ้นมาค่อนข้างสูงอยู่ที่บริเวณ 26-27% เนี่ยนะคะทำให้ดีมานด์ของการซื้อน้ำตาลในปัจจุบันลดน้อยลงนะค ะก็ทั้งกลุ่มก็ยังมองว่าราคาอาจจะปรับตัวจาก Range เดิมที่ 18-21 เซนต์ มาเป็นประมาณ 22-23.5 เซ็นต์ต่อปอนด์นะคะ
แล้วก็อีกปัจจัยหนึ่ง ที่ทำให้ราคาค่อนข้าง overheat มาก แล้วก็ outperform มากสำหรับตลาดน้ำตาลเนี่ยก็คือโลจิสติกส์ในบราซิลนะคะที่ค่อนข้างที่จะ Tight ที่พอร์ตนะคะ ถือเป็นปัจจัยที่ซัพพอร์ตราคาน้ำตาลในตอนนี้นะคะ
ส่วนปัจจัยที่ปัจจัยลบนะคะ ก็จะเห็นได้ว่าราคาน้ำมันเริ่มปรับตัวลดลงนะคะ แล้วก็อีกปัจจัยสำคัญที่จะทำให้ราคาน้ำตาลปรับตัวลดลงได้ก็คือการ Exist ของพวกกองทุน ที่อย่างที่เรียนตอนต้นว่าตอนนี้เขาถืออยู่ในสถานะ Long อยู่
ก็โดยสรุปนะคะ เรามองว่าราคาน้ำตาลยังมีทิศทางที่สดใส ตอนนี้อาจจะมี outferform ไปบ้าง แต่เราก็ได้ปรับ Range ของการเทรด จาก 18-21 เซนต์ต่อปอนด์มาอยู่ที่ประมาณ 22-23.5 เซ็นต์ต่อปอนด์ ก็จะเห็นได้ว่าราคาน้ำตาลปรับตัวดีขึ้นนะคะ ก็จะส่งผลให้ราคาขายของกลุ่มดีขึ้นตามมาด้วยค่ะ ก็ขอจบการรายงานประมาณเท่านี้สำหรับสถานการณ์น้ำตาล ขอบคุณค่ะ
—-------
คุณอิศเรศ: ก็เป็นโครงการ CSR นะครับ ที่ทางกิจการทางบริษัท ได้ร่วมกับทางชุมชนและสิ่งแวดล้อม
โครงการแรกนะครับ ก็จะเป็นโครงการ… ถัดมาเป็นกิจกรรม Big Cleaning Day นะครับบริเวณถนนสีลม ร่วมกับสำนักงานเขตบางรัก กรุงเทพมหานคร ในนามของสมาชิกของสมาคมฯเรารักสีลม Silom Where Everyone Enjoy นะครับ ทางกลุ่มบริษัทเนี่ยได้ร่วมในกิจกรรมสร้างจิตสำนึกในเรื่องความสะอาด
โดยมีนายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานครเป็นประธานในงานนะครับ โดยมีกิจกรรมในการเก็บขยะตามทางเดิน แล้วก็พื้นที่สาธารณะ แล้วก็รวมถึงร่วมรณรงค์ในการคัดแยกขยะให้ถูกประเภทก่อนทิ้งครับ
กิจกรรมถัดมา เป็นโครงการ Blood Hero นะครับ ซึ่งกลุ่ม KSL เนี่ยนำทีมโดยผู้บริหารแล้วก็พนักงานนะครับร่วมกันบริจาคโลหิตในโครงการ Blood Hero ปลุกพลัง Super Hero บริจาคโลหิตนะครับ
ซึ่งครั้งนี้เนี่ยก็จัดมาเป็นครั้งที่ 6 แล้วโดยสนับสนุนให้มีให้มีการสร้างโอกาสในการให้นะครับแล้วก็ส่งส่งมอบความยั่งยืนต่อเพื่อนมนุษย์แล้วก็ยังเป็นการช่วยแก้ปัญหาวิกฤติขาดแคลนโลหิตสำรองณศูนย์บริการโลหิตแห่งชาติสภากาชาติไทยครับ
ถัดมา ก็จะเป็นโครงการ CRS ที่เป็นการอนุรักษ์ป่าต้นน้ำปรับปรุงแหล่งน้ำชุมชน แล้วก็การสร้างแนวกันไฟโดยแบบมีส่วนร่วม ที่บ้านบนเขานะครับ แก่งเลียง ในพื้นที่อุทยานแห่งชาติเอราวัณ จังหวัดกาญจนบุรี
พร้อมทั้งได้มอบบริจาคอุปกรณ์การเรียนและผ้าห่มให้กับชุมชนและนักเรียนที่ขาดแคลนครับ
ถัดมาเรียนเชิญคุณชรัชในเรื่องของ Business Outlook ครับ
—-------
(นาที 19:07) คุณชรัช: ก็ผมกล่าวโดยสรุปนะครับว่า ปีนี้ปริมาณอ้อยเราเพิ่มขึ้นเล็กน้อย แล้วก็ผลประกอบการก็จะได้มาจากเรื่องของราคาขายที่ปรับตัวสูงขึ้น อัตราแลกเปลี่ยนที่อ่อนค่าลงนะครับก็จะมีผลอยู่จากเรื่องของการขายไฟซึ่งเราขายได้เพิ่มขึ้น แล้วก็ราคาขายที่สูงขึ้นด้วย
ปีนี้เราก็จะมี Product เพิ่มขึ้นครับ (เสียงขาดหาย) สีรามน้ำตาลธรรมชาตินะครับ
แล้วก็จะมีตัวใหม่ล่าสุด ซึ่งจะ (เสียงขาดหาย)
ก็จะเป็นน้ำตาลธรรมชาติที่ดีต่อสุขภาพจะเป็นน้ำการที่เกรดดี (เสียงขาดหาย)
มีคำถามไหมครับ
—-------
คุณอิศเรศ: ช่วงถัดไปก็จะเป็นเรื่องของ Q&A นะครับ ตอนนี้ก็มีนักลงทุนก็ส่งคำถามเข้ามานะครับ ขอเริ่มเลยนะครับ
ข้อแรกนะครับ ขอสอบถามมุมมองท่านว่าราคาน้ำตาลในตลาดโลกเนี่ยที่ปรับเป็น 26 เซนต์ ท่านมีกลยุทธ์ในการขายอย่างไรครับ
—-------
(นาที 21:15) คุณชรัช: ราคาที่ปรับขึ้นก็คงส่งผลบวกตลอดปริมาณน้ำตาลที่เรายังไม่ได้ทำราคาครับผม 10 เซน ต์ก็เป็นเรื่องของการทยอยขาย เพราะว่าเราจริง ๆ วัตถุประสงค์หลักของบริษัทเนี่ยเรามุ่งในเรื่องของอุตสาหกรรม
ลูกค้าที่ซื้อ.(เสียงขาดหาย) .แต่ลูกค้าที่เข้ามาฉาบฉวย ก็จะมีฐานลูกค้าเพิ่มขึ้นเยอะ …(เสียงขาดหาย)
ในทางเดียวกัน ราคาที่มันเติบโตสูงขึ้นขณะนี้ ก็จะส่งผลดีต่อการขายในปีหน้าด้วย ก็จะเริ่มเริ่มเริ่มทยอยทำราคาขายปีหน้าเพราะว่าถ้าเทียบแล้วเนี่ยการขายหนี้ภาค 16% เนี่ยถือว่าเป็นหลักฐานที่ค่อนข้างสูงในรอบ 10 ปีน่าจะเป็นถึงแม้ว่าปีหน้าเราคาดการณ์ว่าปริมาณอ้อยจะลดลงแต่ก็น่าจะชดเชยให้กับถ้าการขายที่สูงขึ้นครับ
—-------
คุณอิศเรศ: ขอข้ามมาที่คำถามที่ 3 นะครับ ซึ่งเกี่ยวกับราคาน้ำตาลที่ปรับตัวสูงขึ้น
คิดว่าราคาจะสูงขึ้นแบบนี้ไปอีกกี่ปีครับ
—-------
(นาที 22:54) คุณชรัช: โดยธรรมชาติมันก็จะประมาณประมาณปีนึงนะครับ บวกลบอยู่ตรงนี้ นอกจากมีการเปลี่ยนแปลงพื้นฐานนะครับ ก็ยังคิดว่าราคาน่าจะทรงตัวอยู่ด้านนี้ได้อีกสักพอสมควร เพราะว่าดูแล้วเนี่ยผลิตจากผู้ประกอบการรายใหญ่อย่างประเทศไทยและอินเดียเองเนี่ยไม่ได้มีสะท้อนออกมาว่าจะมีการเติบโตอย่างรวดเร็ว
ก็จะเป็นเรื่องของทางบราซิล บราซิลเนี่ยถึงแม้จะเติบโตมากกว่านี้ก็ต้องเข้าใจอย่างหนึ่งว่าเวลาเราไปพึ่งพิงประเทศประเทศเดียวเนี่ย ปัญหาของบราซิลเนี่ยก็คือ การส่งออกนะครับ มีน้ำตาลมากกว่านี้เนี้ยท่าเรือก็จะค่อนข้างแน่น
ภูมิภาคนี้ฝนแล้ง ก็จะไปตกที่ภูมิภาคอื่น ซึ่งบราซิลในฤดูกาลของเขาเนี่ยมันจะค่อนข้างยาว 9 เดือน 10 เดือนถ้าฝนไม่ตกก็หมายความว่าช่วงนั้นเนี่ยก็ไปทำให้การเก็บเกี่ยวผลล่าช้าอยู่เหมือนกัน เวลาในไร่ฝนตกพื้นดินเปียกเนี่ย การเข้าไปขนย้ายอ้อยมาที่โรงงานนี้ก็จะทำให้ลำบากมากขึ้น ทำให้ชะลอตัวลง คิดว่าราคาเนี่ยน่าจะต่อเนื่องไปถึงปีหน้าได้ครับ
—-------
คุณอิศเรศ: ครับ ขอบคุณครับ คำถามถัดมานะครับ ขออนุญาตสอบถามผู้บริหารว่าถ้านักลงทุนต้องการลงทุนในหุ้นบริษัทน้ำตาล น่าจะต้องมีหลักในการดูหรือวิเคราะห์ปัจจัยใดเป็นหลักครับ
—-------
(นาที 24:38) คุณชรัช: ถ้าถามว่าปัจจัยใดจะเป็นประโยชน์มากที่สุด ไต้องบอกว่ปริมาณอ้อยเข้าหีบ ถ้าอ้อยเข้าหีบเยอะ เนี่ยทุกอย่างเนี่ยถึงแม้ว่าราคามันจะลดลง ก็ยังดำเนินธุรกิจได้อย่างมีผลประกอบการที่ดีได้สบาย ๆ
แต่ปีไหนที่ปริมาณอ้อยไม่เยอะ มันก็จะมีผลกระทบต้นทุนต่อหน่วยที่เพิ่มขึ้นนะครับ ก็ต้องนั่งดูอีกว่ากระทบ เนี่ยจะมีปัจจัยไหนมาช่วยแบ่งเบาปัจจับด้านลบด้านนี้ได้ ปัจจัยหนึ่งก็คือเรื่องราคา อย่างเช่น …(เสียงขาดหาย) …. ที่เราผลิตได้หายไป 15% ราคาขายเพิ่มขึ้น 15% ก็จะชดเชยกันพอได้
ฉะนั้นเนี่ยใช้ได้แบบเพอร์เฟคสมบูรณ์แบบจริง ๆ เนี่ยก็คือปีที่เรามีอ้อยเยอะและราคาขายดีด้วย
แต่ราคาขายเนี่ยนะครับว่า 25-26 เซนต์นี้ผมคิดว่ายังไงเนี่ยถามผมจริงๆ เนี่ยผมคิดว่ามันจะเป็นปัจจัยลบในระยะยาว เพราะว่าพอราคาขายมันขึ้นมาสูงมาก มันจะมีการขยายพื้นที่ในหลายประเทศ ซึ่งจะทำให้ระยะยาวเนี่ยอ้อยจะเพิ่มขึ้นหรือผลิตน้ำตาลเพิ่มขึ้น ทำให้ราคามีโอกาสที่จะ….(เสียงขาดหาย)
ฉะนั้นราคาที่เหมาะสมสำหรับกับเท่าที่มอง 20 - 21 เซนต์เนี่ยผมว่าพอละ ที่เหลือก็เป็นเรื่องของการแลกเปลี่ยนเพราะฉะนั้นเนี่ยเอ่อปีหน้าเนี่ยผมยังไม่ค่อยห่วงมากเพราะว่าราคาขายค่อนข้างแพงอยู่ครับแลกเปลี่ยนประเทศไทยก็ยังอยู่ในช่วงที่ค่อนข้างไม่แข็งมากนะครับ
(เสียงขาดหาย) ……ลดลงสัก 10% ราคาขายเพิ่มขึ้น 10% ก็น่าจะชดเชย
—-------
คุณอิศเรศ: ครับ ขอบคุณครับ คำถามฝากมานะครับ
ราคาขายน้ำตาลปีนี้นะครับคิดเป็นกี่บาท อยู่ที่ประมาณกี่บาทต่อตันน้ำตาลครับ
—-------
(นาที 26:56) คุณชรัช: ถ้าเทียบ spot นะครับ ถ้าเทียบ ณ วันนี้เลยเนี่ยราคาส่งออกมัน
ถ้าคูณ Exchange Rate ไปเนี่ยมันก็ 24 บาทเข้าไปแล้ว เพราะฉะนั้นเนี่ยราคาขายในประเทศเนี่ยเพิ่ง จะถ้าเป็นตัวขายบริสุทธิ์…(เสียงขาดหาย) . 20 เท่านั้นเอง
เพราะฉะนั้น …(เสียงขาดหาย) .วันนี้ส่งออกส่งได้ ทุกอย่างใด ได้ราคาดี
ก็เป็นเป็นชั่วครั้งชั่วคราว
ก็ต้องดูว่าราคามันก็ยืนขนาดนี้ได้นานแค่ไหน
—-------
คุณอิศเรศ: ขอบคุณครับ ก็ถ้านักลงทุนท่านใดต้องการส่งคำถามมาครับก็ส่งมาได้เลยนะครับ
ส่งมาแล้วนะครับ ปัจจุบันประเทศผู้บริโภคน้ำตาลมีการเก็บสต็อก แล้วก็สต็อกน้ำตาลนะครับเพื่อชะลอการสั่งซื้อหรือไม่ครับ เนื่องจากราคาที่มันปรับเพิ่มขึ้นนะครับ
—-------
(นาที 27:59)คุณชรัช: ปกติเวลาแพงเนี่ยประเทศที่ต้องพึ่งพาการนำเข้าเนี่ยก็จะเอาสต๊อกเข้ามาช่วยพยุงแต่ไม่น้ำเข้าไปเยอะ
ถ้าจะมองในภูมิภาคเนี่ยก็ประเทศจี นประเทศจีนได้จะมีสต๊อกหลายล้านตันอยู่ แต่อย่างไรก็ตามเนี่ยจีนบริโภคน้ำตาล ถึงแม้ว่าเขาจะมีทั้งน้ำตาลแท้กับน้ำตาลเทียม น้ำตาลแท้อย่างเดียวเนี่ยเดือนนึงก็ล้านกว่าตัน ในสต๊อกอาจมี 2-3 ล้านตัน 3-4 ล้านตัน มันก็มีจุดนึงเหมือนกันที่ว่ามากกว่านี้ก็มีความเสี่ยง
สภาวะสัมพันธ์ระหว่างประเทศเนี่ยวันนี้มันก็ ดังนั้นถ้าเกิดมีการคาดการณ์ว่าจะเกิดการละหอละแหในเรื่องชายแดนอะไรก็ตาม ผู้บริโภคไปเขาก็จะมีการสะสมอาหารให้
สำหรับ คิดว่าป้อนคำใหม่ขึ้นมาเนี่ยบางประเทศเค้าก็จะจะมีเวลาที่จะขอรอดูนิดหนึ่งเดือนสองเดือนสามเดือนว่าสถานการณ์อาจจะเป็นอีกนานมั้ยหรือจะลงนาม
ในขณะเดียวกันเนี่ยวิธีง่าย ๆ ของประเทศนำเข้าทั่วไปเนี่ยถ้ามันค่อนข้างงานเขาก็จะใช้ลดภาษีเอานำเข้าไป
ภาษีน้ำตาลก็จะตั้ง 60% อะไรขึ้นไปซื้อมาซื้อมา 20 บาท เสียภาษีไปอีก 10 บาท
พิจารณายกเว้นภาษีในเรื่องพวกเขาแต่นั้นดูแล้วเนี่ยแล้ว
ถ้าเกิดมันลงมาเนี่ยผมว่าก็เป็นโอกาสเพราะว่าปัจจุบันประเทศใหญ่ ๆ อย่างเดียวก็มีสต็อกเนี่ยมาใช้พอสมควรครับ นั่นเป็นซื้อกลับเข้าไปเก็บ
—-------
คุณอิศเรศ: ครับก็เมื่อกี้นักลงทุน ดูเรื่องผลิตภัณฑ์ใหม่ไม่ทันนะครับ ก็ขอให้แนะนำอีกรอบหนึ่งครับ
—-------
(นาที 30:11) คุณชรัช: อันนี้จะเป็นจะเป็นน้ำตาลประเภทใหม่ ถ้าจะเปรียบเทียบเนี่ยก็เหมือนกับว่าถ้าเราเข้าใจว่าเรากินข้าว เราห่วงเรื่องสุขภาพ มันก็เป็นบริโภคข้าวกล้องนะครับข้าวไม่ขัดสีเนี่ยเพราะอะไรเพราะข้าวกล้องมีค่าของ GI Index ต่ำ การดูดซึมเข้าร่างกายช้
เป็น Product ของเราที่เราพัฒนาร่วมกับ เพื่อจะออกน้ำตาลที่มีค่าจีไอใช้เป็นน้ำตาลธรรมชาติน้ำตาลจากอ้อยเนี่ยแหละครับ เพียงแต่ว่ามี Process ในการทำห้องนั้นซับซ้อน
ฉะนั้นเนี่ยก็จะมีการดูดซึมช้าก็เป็นทำให้สำหรับผู้ที่รักห่วงใยสุขภาพเป็นทางเลือกท่านที่ไม่อยากจะไปใช้น้ำตาลเคมีคือน้ำตาลพิเศษอื่น ๆ ก็ยังอยากจะใช้น้ำตาลธรรมชาติอยู่ ตัวนี้เป็นอีกทางเลือกหนึ่งที่ที่เรานำเสนอให้ให้กับผู้บริโภคชาวไทยนะครับ
—-------
คุณอิศเรศ: ครับ ถัดมานะครับ ก็ยังมีคำถามอยู่นะครับ
ขอทราบเป้ารายได้ของปี 2566
—-------
(นาที 31:44)คุณชรัช: 2566 อย่างเมื่อกี้ตัวเลขดูจากภาพกว้าง ๆ นะครับ
อ้อยเราเพิ่มขึ้นนิดเดียว น้ำตาลเพิ่มขึ้น ….. 10% (เสียงขาดหาย)
รายได้รวมเนี่ยน่าจะเติบโตประมาณ 10- 20% ได้
—-------
คุณอิศเรศ: ก็ยังไม่มีคำถามอะไรเพิ่มเติมเข้ามานะครับ เหลือเวลาประมาณ 10 นาที น่าจะไม่มีคำถามอะไรเพิ่มเติมจากนักลงทุนนะครับ
ก็ขอบคุณนักลงทุนทุกท่านที่สนใจเข้ามาดู KSL Opportunity Day วันนี้นะครับ ทางบริษัทและทีมงานขอขอบคุณทุกท่านแล้วพบกันใหม่ในโอกาสหน้า สวัสดีครับ