หลังจากช่วงปลายเดือนสิงหาคมถึงต้นเดือนกันยายน2565 ได้มีการเทขายประมาณ 3.05 ล้านหุ้น หรือ 1.4%โดยในเดือนสิงหาคม 2565 Berkshire ได้รายงานสัดส่วนการถือหุ้น BYD อยู่ที่ประมาณ 153.3 ล้านหุ้น จากที่มีอยู่เดิม 225 ล้านหุ้น
ทั้งนี้ Berkshire Hathaway ได้เข้าลงทุนใน BYD ผู้ผลิตรถยนต์ไฟฟ้าของจีน ตั้งแต่ปี 2551 (2008)โดยลงทุนซื้อหุ้นจำนวน 228 ล้านหุ้นด้วยเม็ดเงิน 232 ล้านดอลลาร์ หรือราคาประมาณหุ้นละ 1 ดอลลาร์เศษ ซึ่งหุ้นตัวนี้แนะนำโดย ‘ชาร์ลี มังเกอร์’ รองประธานบริษัท Berkshire ที่ถนัดการลงทุนหุ้นต่างประเทศมากกว่าบัฟเฟตต์
นักวิเคราะห์มองว่า การขายหุ้น BYD ของ Berkshire Hathaway คงจะเกิดขึ้นต่อเนื่อง เพราะบริษัทถือหุ้นมา 14 ปี ซึ่งราคาหุ้นของ BYD เด้งขึ้นมาประมาณ 30-40 เท่า โดยราคาล่าสุด (10 กุมภาพันธ์ 2566) ราคาอยู่ที่ 240 ดอลลาร์ฮ่องกง หรือประมาณ 30.57 ดอลลาร์สหรัฐต่อหุ้น ดังนั้นความเคลื่อนไหวในการขายหุ้นBYD อย่างต่อเนื่องตั้งแต่ปีที่ผ่านมาก็เพื่อเพื่อ ‘ทำกำไร’ นั่นเอง และคาดว่าจะยังมีการขายต่อในอนาคต
โดยผู้ผลิตรถอีวี BYD สามารถเติบโตอย่างแข็งแกร่งในประเทศจีนด้วยราคาที่เอื้อมถึง จนทำให้ยอดขายรถยนต์ไฟฟ้าของบริษัท BYD แซงหน้า Tesla ของอีลอน มักส์ในปี2565ที่ผ่านมานอกจากนี้ BYD กำลังเจรจากับ Ford เพื่อซื้อโรงงานผลิตในเยอรมนี ซึ่งข้อตกลงดังกล่าวจะเป็นการขยายธุรกิจในต่างประเทศครั้งใหญ่สำหรับผู้ผลิตยานยนต์ไฟฟ้าชั้นนำของจีน