[ WORK ] บริษัท เวิร์คพอยท์ เอ็นเทอร์เทนเมนท์ จำกัด (มหาชน)
-
- Posts: 3145
- Joined: Mon Apr 17, 2023 1:05 pm
ผลประกอบการไตรมาสที่ 2 ปี 2566 หุ้น WORKที่มา: บริษัทหลักทรัพย์ โกลเบล็ก จำกัด
-
- Posts: 3145
- Joined: Mon Apr 17, 2023 1:05 pm
Oppday Q2/2024 WORK บมจ. เวิร์คพอยท์ เอ็นเทอร์เทนเมนท์
ดาวน์โหลดเอกสารประกอบการบรรยาย
https://www.set.or.th/th/market/product ... y-snapshot
ดาวน์โหลดเอกสารประกอบการบรรยาย
https://www.set.or.th/th/market/product ... y-snapshot
-
- Posts: 3145
- Joined: Mon Apr 17, 2023 1:05 pm
สรุปคลิป Oppday Q2/2024 WORK บมจ. เวิร์คพอยท์ เอ็นเทอร์เทนเมนท์
ภาพรวมผลการดำเนินงาน
- ครึ่งปีแรก รายได้ 1,121.8 ล้านบาท -11% YoY กำไร 58.5 ล้านบาท -24%
- โครงสร้างรายได้ไม่ต่างจากเดิมมากนัก TV 71% NON TV 29%
- ครึ่งปีที่ผ่านมามีการลงทุนในบริษัทร่วม ในกลุ่มอุตสาหกรรมภาพยนต์และกลุ่มอุตสาหกรรมออนไลน์ บริษัท ‘โคตรคูล
- ธุรกิจรายการโทรทัศน์ ได้รับผลกระทบอย่างหนัก จากเศรษฐกิจที่มีการชะลอตัว รายได้ 6M/2024 ลดลง 11% มาอยู่ที่ 801 ล้านบาท
- คอนเสริ์ตและละครเวที รายได้ 6M/2024 ลดลง 32% มาอยู่ที่ 129 ล้านบาท ซึ่งปีที่แล้วคอนเสิร์ตใหญ่จะไปอยู่ช่วงครึ่งปีแรก แต่ปีนี้คอนเสิร์ตใหญ่อยู่ในช่วงครึ่งปีหลัง ทั้งคอนเสิร์ตที่เป็นศิลปิลในสังกัดและศิลปินต่างประเทศ
- รับจ้างจัดงาน ครึ่งปีแรก เติบโต 55% มาอยู่ที่ 137 ล้าน เนื่องจากลูกค้าเปลี่ยนกลยุทธ์แทนที่จะซื้อสื่อโฆษณาเพียงอย่างเดียว เริ่มหันมากระตุ้นยอดขายโดยการจัดการ event มากขึ้น
- ขายสินค้าและบริการอื่น
- ค่าใช้จ่ายอื่น ๆ บริษัทยังสามารถบริหารจัดการได้อย่างมีประสิทธิภาพ
- ค่าใช้จ่ายบริหาร เพิ่มขึ้นเนื่องจากมีค่าใช้จ่ายที่เป็น one time
- รายได้อื่นเติบโตขึ้น จากการที่นำสภาพคล่องที่รอในการลงทุนไปซื้อหุ้นกู้เพื่อเป็นการลงทุนชั่วคราว เพื่อให้เกิดผลตอบแทนที่ดีกว่าการฝากบัญชีออมทรัพย์ทั่วไป
- กำไรพิเศษทางบัญชี หลัก ๆ เกิดขึ้นจากสองเหตุการณ์ ได้แก่ ได้อำนาจควบคุม T-Pop และ จากการซื้อสินทรัพย์ จากบริษัท FWR โดยการซื้อหุ้นคืน
- เงินลงทุนในกิจการต่าง ๆ เดิมขาดทุนที่ 22.8 ล้าน ปัจจุบันกลับมาเป็นบวกที่ 22 ล้าน ธุรกิจที่กำไรเยอะมากคือธุรกิจภาพยนตร์
- เศรษฐกิจชะลอตัว ค่อนข้างยากลำบากในการทำธุรกิจ แต่ workpoint มีแผนธุรกิจที่ตอบโจทย์ความต้องการลูกค้า จึงทำงานกับลูกค้าเป็นรายการ Tailor made และ กิจกรรม On Ground
- จัดหา concert ศิลปินต่างประเทศ และเพิ่มการจัด concert ของศิลปินในสังกัด เพื่อสร้างฐานแฟนคลังให้แข็งแกร่ง
- ครึ่งปีแรกจัดไปแล้ว 33 งาน เทียบปีที่แล้วที่มีจำนวน 15-16 งาน
- และขนาดของงานก็จัดใหญ่ขึ้นด้วย
- ทำให้รายได้กลุ่มนี้โตขึ้นค่อนข้างมาก
- ด้วยขนาดของโรงละคร รับผู้ชมได้เต็มที่ 1,000 ที่นั่ง เหมาะกับการจัดงาน FAN MEET / MINI Concert ทำให้มีงานลักษณะนี้เข้ามาต่อเนื่อง ถ้าจองคิววัน ศ-ส-อา ตอนนี้อาจต้องจองข้ามไปปีหน้าแล้ว
- ครึ่งปีแรกได้กำไรค่อนข้างเยอะ ทั้งจาก ธุรกิจภาพยนต์และบริษัทโคตรคูล
- ภาพยนต์ อนงค์ Box Office กว่า 150 ล้านบาท ลงทุนร่วมกับ Karman Line / Jungka
- รายการของโคตรคูลยังคงได้รับความนิยม ผู้ติดตามมากกว่า 3.27 ล้าน
- แผนยกเลิกการผลิตและออกอากาศรายการละคร ตั้งแต่ปี 2568 เป็นต้นไป ต้นทุนลดลงกว่า100-150 ล้านบาทต่อปี ปัจจุบันมีละครเหลือใน stock 4-5 เรื่อง หลังจากนั้นจะหยุดและใช้กลยุทธ์เดิมคืองานวาไรตี้ เกมโชว์ ที่ตอบโจทย์ลูกค้ามากกว่า
- สร้างรายได้เพิ่มกับ OTT Platform นำรายการบางส่วนให้ผู้ชมรับชมย้อนหลังผ่านแพลตฟอร์มต่าง ๆ ปีละ 2-3 รายการต่อปี
- เดินหน้าขยายธุรกิจ concert อย่างเต็มตัว ทั้งศิลปินจากต่างประเทศและ ศิลปินในสังกัด ตั้งเป้ารายได้เพิ่มขึ้น 15%-20% ในปี 2025
- เอาสื่อและความรู้ที่มีมาสร้างมูลค่าเพิ่มกับลูกค้าที่เข้าร่วมโปรแกรมการทำ Brand แบบ Exclusive ตั้งเป้ารายได้ไม่น้อยกว่า 20-30 ล้านบาทปี 2025
- สร้างศิลปินรุ่นใหม่ในกุ่ม T POP อย่างต่อเนื่อง เปิดตัวศิลปินรุ่นใหม่ XOXO NEXT GEN ในปี 2024 ตั้งเป้ารายได้ไม่น้อยกว่า 400 ล้านบาทใน 3 ปี
- ตั้งเป้าลงทุนกลุ่มภาพยนต์อย่างน้อย 3 เรื่อง โดยทุกเรื่องปิดความเสี่ยงโดยการที่เจรจาล่วงหน้าในการตกลงมูลค่าสัญญา OTT Platform แต่ละเจ้า ปัจจุบันคุยกับทาง Netflix และครึ่งปีหลังจะเห็นรายการใหม่ ๆ ของโคตรคูล ทั้ง SITCOM และ วาไรตี้
- ปี 2025 ติดตั้ง solar rooftop บนหลังค่าสำนักงานทั้งหมด ประหยัดพลังงานไปได้ปีละประมาณ15ล้าน และจะมีกิจกรรมอื่น ๆ ตามมา
Business Model ที่ร่วมทำกับ RBF น้ำหวาน Hello 4EVE มีวิธีการรับรู้รายได้และแบ่งหน้าที่ความรับผิดชอบกันอย่างไร เริ่มเมื่อไหร่
- การรับรู้รายได้ เป็น revenue sharing
- ทาง RBF รับผิดชอบเรื่องการผลิตและการกระจายสินค้าทั้งหมด เราดูแลเรื่องการกระจาย media ดูแลเรื่อง branding
- เดือนกันยายน จะเริ่มเห็นสินค้ากระจายไปหลาย ๆ ที่
- ไลน์ผลิตน้ำหวานตอนนี้ที่มีหนึ่งไลน์ เต็ม capacity แล้ว RBF จะขยายอีก 5 ไลน์ผลิต ทำให้ปีหน้ายอดน่าจะโตก้าวกระโดด ปีนี้เป็นการปูตลาด จัดการกระจายสินค้าให้ทั่วพื้นที่
- คาดว่ารายได้จาก RBF จะเข้ามาในงบการเงิน 20-30 ล้านบาทต่อปีในอนาคต
- ราคาขายลดลงจากปีที่แล้วตามสภาพเศรษฐกิจ เม็ดเงินโฆษณาลดลง ค่าเฉลี่ยราคาขายอยู่ที่ 30,000-35,000 อัตราการขาย 65% เทียบปีที่แล้วที่ 40,000 อัตราการขาย 50%
- กลยุทธ์เลยกลายเป็นว่าแทนที่จะขาย spot ให้ลูกค้าอย่างเดียว ต้องเพิ่มการ Tailor made หรือการจัดกิจกรรม on ground ให้ลูกค้าเพื่อจะได้รายได้จากส่วนอื่นเพิ่มเติม
- ตั้งเป้ารายได้ 2,400 ล้านบาท
- หลัก ๆ เกิดจากธุรกิจทีวี 1,600-1,700 ล้าน Concert 250 ล้าน และ event 300 ล้าน ที่เหลือเป็นธุรกิจขายสินค้า บริการ และอื่น ๆ
- ด้านกำไร น่าจะเป็นปีที่ผลกำไรไม่ได้มากและอาจจะขาดทุน เพราะบริษัทมีความตั้งใจยุติการผลิตละคร จึงต้องรันละครทั้งหมดในปีนี้ ซึ่งจะกระทบงบการเงิน
- แต่ 2025 บริษัทจะมีกำไรทันทีหลังจากรันละครออกไปจนหมดแล้ว เพราะเฉพาะตัวละครอย่างเดียว จะช่วยลดค่าใช้จ่ายในงบการเงินไป 100-150 ล้านบาทต่อปี
- 2025 คาดจะมีรายได้ 2,500 ล้าน กำไร 100 ล้าน
- ลงทุนภาพยนต์ 3 เรื่องต่อปีอย่างน้อย เป็นธุรกิจที่แล้วแต่เรื่องว่าจะกำไรมากหรือน้อย
- ในปี 2025 2026 เราได้ secure สัญญากับ OTT Platform ไว้แล้วส่วนหนึ่ง ดังนั้น ล้อคความเสี่ยงโอกาสขาดทุนจากการพึ่งพิงเฉพาะ Box office
- บริษัท Karman Line และ Jungka เป็นบริษัทที่เราถือหุ้นด้วย การเลือกจังหวะปล่อยแต่ละเรื่องเราจะพอมีข้อมูลอยู่บ้างว่าควรออกเมื่อไหร่
- คิดว่ามี หลัก ๆ จากการปรับโครงสร้างการบริหารงานให้เหมาะสมกับธุรกิจ ว่าตัวไหนจะลุยต่อ ลงทุนเพิ่ม
- ดังนั้นปีนี้คิดว่างบการเงินอาจจะไม่ดีหนัก แต่ปีถัด ๆ ไปมั่นใจว่าตามแผนธุรกิจวางไว้ น่าจะฟื้นเป็นกำไร
- โดยสัญญา ปีละ 3 เรื่อง
- รายได้ปี secure กันไว้ ผันไปตามงบประมาณการผลิต
- การทำดีลลักษณะแบบนี้เข้าจะเชคว่าเราใช้งบเท่าไหร่
- ตัวเลขกลาง ๆ ประมาณ 30 ล้านต่อเรื่อง
- ถ้าหวือหวาก็ 40-50 แต่สเกลรายไดก็เพิ่มขึ้นตามสัดส่วน
- ดังนั้น 3 เรื่อง ปีหนึ่งน่าจะใช้ไม่เกิน 100 ล้าน
- หากเศรษฐกิจภาพรวมยังเป็นลักษณะนี้ คาดว่ารายได้น่าจะทรง ๆ ในธุรกิจรายการโทรทัศน์
- ราคาขายน่าจะใกล้เคียงเดิมที่ 30,000-35,000
- อัตราการขายเฉลี่ยทั้งปีที่ 60%
- รายได้ใกล้เคียงเดิมที่ 1,650-1,700 ล้านบาท ในกลุ่มธุรกิจรายได้จากรายการโทรทัศน์
- จึงเป็นส่วนหนึ่งของกลยุทธ์ที่กล่าวไปไม่ว่าจะเป็นการทำงานกับลูกค้ามากขึ้น รายการ Tailor made หรือการจัดกิจกรรม on ground และ online รวมถึงนำคอนเทนต์บางส่วนเข้า OTT Platform เป็นการกระจายช่องทางการหารายได้
- ศิลปินใหม่ ตั้งแต่เดือนตุลาคม
- ส่วนศิลปินเดิม ปีหน้าจะเห็นภาพของตลาดต่างประเทศชัดขึ้น
- นอกจากนี้ยังมีพาร์ทนอร์มาช่วยเราบางส่วน
- ที่ book ถึงสิ้นปีมี 20-25 event
- Concert ศิลปินในสังกัด 4 งาน
- นอกจากนี้ event ขนาดใหญ่และ concert ที่จัดเองก็มี
- และมี concert ที่เราร่วมจัด
- Concert ศิลปินต่างประเทศ 5 งาน
- น่าจะเข้าเป้าที่วางไว้ รายได้จาก concert และละครเวที 350 ล้าน และ event 300 ล้าน
- รายได้จาก online media 200-250 ล้านต่อปี
- รายได้จากการขาย OTT Platform ปีนี้น่าจะ 20 ล้าน OTT Platform ใช้วิธี bookแล้วหารเฉลี่ย 3 ปี รายได้จะเกิดซ้ำทุกปี ๆ ขึ้นกับแต่ละสัญญา
- 2 รายการ
- รายได้ที่จะเป็นตัวลีดมาจาก 2-3 ส่วน คือ ศิลปิน ที่จะมีการเปิดต้องน้องใหม่ มาพร้อมกับ concert และ event ในส่วนของสื่อทั้งทีวี ออนไลน์ และ on ground เป็นส่วนสนับสนุนในการ growth ธุรกิจ
- 3-4 ล้านบาท
- ครึ่งปีแรกโคตรคูลกำไร 9-10 ล้านบาท แต่มีความเหลื่อมในการบันทึกบัญชีเลยอาจบันทึกมาได้ไม่เต็มที่
- ยังเป็นไปตามแผน
- นอกจากปัญหาเศรษฐกิจก็เป็นเรื่องความท้าทายของทีมงาน เพราะส่วนใหญ่เป็นธุรกิจที่บริษัทเริ่มลงทุนในช่วง 3-4 ปีหลัง หลายธุรกิจเริ่มเห็นโอกาสการเติบโต ความท้าทายคือความตั้งใจที่จะให้เติบโตอย่างรวดเร็วจะเป็นไปตามแผนหรือไม่ แต่เชื่อว่าเติบโตได้ แต่เร็วหรือช้า
- ถ้าไซส์ใหญ่ กำไร 20% ของรายได้ Top line ที่ 80-120 ล้าน
- ไซส์เล็ก กำไร 15-20% ของรายได้ Top line 50 ล้าน
- ถ้าเป็นconcertไทย มีโอกาสมีรายได้อื่นประกอบด้วย เช่น souvenir หน้างาน ซึ่งหลายศิลปิน เป็นเม็ดเงินไม่น้อย