Oppday Year End 2022 บริษัท ปูนซิเมนต์ไทย จำกัด(มหาชน) SCC
[SCC] บริษัท ปูนซิเมนต์ไทย จำกัด(มหาชน)
-
- Posts: 3145
- Joined: Mon Apr 17, 2023 1:05 pm
Oppday Q1/2023 บริษัท ปูนซิเมนต์ไทย จำกัด(มหาชน) SCC
Presentation https://weblink.set.or.th/dat/registrat ... 23-SCC.pdf
Presentation https://weblink.set.or.th/dat/registrat ... 23-SCC.pdf
-
- Posts: 3145
- Joined: Mon Apr 17, 2023 1:05 pm
Oppday Q2/2023 SCC บมจ. ปูนซิเมนต์ไทย
Presentation https://weblink.set.or.th/dat/registrat ... 23-SCC.pdf
Presentation https://weblink.set.or.th/dat/registrat ... 23-SCC.pdf
-
- Posts: 3145
- Joined: Mon Apr 17, 2023 1:05 pm
ผลประกอบการไตรมาสที่ 2 ปี 2566 หุ้น SCC
ที่มา: บริษัทหลักทรัพย์ โกลเบล็ก จำกัด
ที่มา: บริษัทหลักทรัพย์ โกลเบล็ก จำกัด
-
- Posts: 3145
- Joined: Mon Apr 17, 2023 1:05 pm
ผลประกอบการไตรมาสที่ 3 ปี 2566 หุ้น SCC ที่มา: Globlex Research
-
- Posts: 3145
- Joined: Mon Apr 17, 2023 1:05 pm
Oppday Q3/2023 SCC บมจ. ปูนซิเมนต์ไทย
ดาวน์โหลดเอกสารประกอบการบรรยาย
https://listed-company-presentation.set ... h/vdo/6163
ดาวน์โหลดเอกสารประกอบการบรรยาย
https://listed-company-presentation.set ... h/vdo/6163
-
- Posts: 3145
- Joined: Mon Apr 17, 2023 1:05 pm
Oppday Year End 2023 SCC บมจ. ปูนซิเมนต์ไทย
ดาวน์โหลดเอกสารประกอบการบรรยาย
https://listed-company-presentation.set ... h/vdo/6648
ดาวน์โหลดเอกสารประกอบการบรรยาย
https://listed-company-presentation.set ... h/vdo/6648
-
- Posts: 3145
- Joined: Mon Apr 17, 2023 1:05 pm
Oppday Q1/2024 SCC บมจ. ปูนซิเมนต์ไทย
ดาวน์โหลดเอกสารประกอบการบรรยาย
https://listed-company-presentation.set ... h/vdo/6740
ดาวน์โหลดเอกสารประกอบการบรรยาย
https://listed-company-presentation.set ... h/vdo/6740
-
- Posts: 3145
- Joined: Mon Apr 17, 2023 1:05 pm
Oppday Q2/2024 SCC บมจ. ปูนซิเมนต์ไทย
ดาวน์โหลดเอกสารประกอบการบรรยาย
https://www.set.or.th/th/market/product ... y-snapshot
ดาวน์โหลดเอกสารประกอบการบรรยาย
https://www.set.or.th/th/market/product ... y-snapshot
-
- Posts: 3145
- Joined: Mon Apr 17, 2023 1:05 pm
สรุปคลิป Oppday Q2/2024 SCC บมจ. ปูนซิเมนต์ไทย
H1/2024 Highlights
- ธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับซีเมนต์และผลิตภัณฑ์ก่อสร้าง ผลประกอบการเติบโตเพิ่มขึ้นเมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่ผ่านมา ถึงแม้ว่าในช่วงครึ่งปีแรกอาจจะมียอดขายที่ค่อนข้างชะลอเ นื่องจากในประเทศไทยและประเทศเวียดนาม ในประเทศไทย จะเห็นเลยว่าการเบิกจ่ายงบประมาณของภาครัฐที่ล่าช้ามีผลกระทบในส่วนนี้ด้วยเหมือนกัน ในประเทศเวียดนามจะเป็นในเรื่องของปัญหาในภาคอสังหาริมทรัพย์จะเป็นปัจจัยที่กดดันปริมาณยอดขายของกลุ่มธุรกิจ
- ธุรกิจ Chemicals ในครึ่งปีแรกของปีนี้จะมีผลกระทบหลัก ๆ สองส่วนด้วยกัน ธุรกิจ Chemicals และมีการเตรียมที่จัดสตาร์ทอัพของโครงการ LSP ซึ่ง ได้มีการรับรู้ค่าใช้จ่ายส่วนหนึ่งจากค่าเสื่อมราคา และมีค่าใช้จ่ายทางด้านดอกเบี้ยจ่ายด้วย ครึ่งปีแรกทําให้ผลประกอบการที่รวมของ LSP ขาดทุนอยู่ที่ประมาณ 4,800 ล้านบาท นอกจากนี้ในช่วงQ2ที่ผ่านมาต้องมีการรับรู้ค่าใช้จ่ายของเหตุการณ์ไฟไหม้ จะเป็นผลกระทบต่อ Net Profit ของกลุ่มธุรกิจ Chemicalsประมาณ 400 ล้านบาท แต่ถ้า ไม่รวมสองกลุ่มรายการนี้ ยังต้องบอกว่า ธุรกิจ Chemicals มี รายได้หลักอยู่ประมาณ 2,100 ล้านบาทยัง ถือว่ายังมีความเข้มแข็งการดําเนินธุรกิจในประเทศไทยอยู่
- ธุรกิจ Packaging ซึ่งกลุ่ม SCGP บันทึกกําไรอยู่ที่ประมาณ 3,178 ล้านบาทเติบโต 17% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่ผ่านมา ในส่วนนี้เกิดจากการที่ทางกลุ่มธุรกิจ Packaging มีการจัดการบริหารวัตถุดิบตลอด Supply Chain รวมถึงการบริหารจัดการทางด้านต้นทุนพลังงานด้วย ทําให้ภาพรวมและสามารถที่จะมีต้นทุนการผลิตที่ต่ำลงจากการ บริหารจัดการในส่วนนี้ได้
- ธุรกิจ Ceramic หรือว่า SCGD ต้องบอกกับผลประกอบการเติบโตทั้งEBITDAและถึงแม้ว่าจะมีสภาพสภาวะตลาดที่ยังชะลอในช่วงที่ผ่านมาอยู่
- กลุ่มธุรกิจต่อไปที่มีความสําคัญในในของกลุ่มSCGทั้งหมด คือกลุ่มของSCG Investmentและจะมีได้รับเงินปันผลในทุกไตรมาสที่สอง รอบนี้บันทึกอยู่ประมาณ3,200 ล้านบาทเงินปันผลรับ
- ธุรกิจSCGมีความหลากหลายและมี Footprint ที่อยู่ในไม่ใช่เฉพาะในประเทศไทยและยังมีการเติบโตในส่วนภูมิภาคอาเซียน โดยเฉพาะทางเวียดนามและอินโดนีเซีย
- ประเทศไทยมีสินทรัพย์รวมทั้งหมดประมาณ51% แต่ในขณะเดียวกันในอินโดนีเซียและประเทศเวียดนามรวมกันและอยู่ประมาณ41% จะแสดงให้เห็นว่ายังมีการเติบโตอย่างภูมิภาคอาเซียนที่ยังมีศักยภาพอยู่
- รายธุรกิจว่ามีสัดส่วนรายได้ต่อการดําเนินงาน
- กลุ่มธุรกิจ Chemicalsยังเป็นธุรกิจหลักอยู่ในไตรมาสที่สองและไตรมาสที่หนึ่งรวมกันอยู่ประมาณ 39% ของรายได้ทั้งหมด
- ธุรกิจอื่น ๆ ไม่ว่าจะเป็นกลุ่มของธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับซีเมนต์และผลิตภัณฑ์ก่อสร้าง กลุ่มธุรกิจPackagingและ อื่น ๆ ซึ่งจะเป็นกลุ่มที่ทางSCCไปลงทุนหรือว่า SCG Investmentเติบโตเพิ่มขึ้นเมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่ผ่านมา ยกเว้นในกลุ่มของธุรกิจChemicalsนั่นมีสาเหตุมาจากว่าต้องรับรู้ค่าใช้จ่ายของโครงการ LSP ที่เป็นส่วนประกอบหลังจากที่มาของค่าเสื่อมราคาและรับรู้ค่าใช้จ่ายของเหตุการณ์ ไฟไหม้ที่มาบตาพุดนั่นทําให้เห็นว่าจะมีผลขาดทุนจากส่วนนี้ถ้าลงไปดูถึงบรรทัดสุดท้ายที่เป็นกําไรสุทธิ
- ไปลงทุนและมีการ V กับPartnerต่าง ๆ โดยได้เงินปันผลรับจากบริษัทที่ร่วมทุนอยู่
- สองส่วนหลัก ๆ นี้ยังเป็นส่วนที่สนับสนุนการเติบโตธุรกิจSCG ทั้งหมด
- จะให้เห็นได้ว่า กลุ่มธุรกิจหลัก ๆ ที่เข้าไปร่วม JV สามารถสร้าง มูลค่าเพิ่มให้กับสินค้าปลายทางที่เป็นมูลค่าสูงหรือว่าเรียกกันว่าHigh Value Added Product เป็นอย่างให้เห็นว่ายังมีความเข้มแข็งและเติบโตไปกับPartnerไม่ได้เฉพาะเป็นคอมมิวนิตีโปรดักต์ยังผลักดัน HVA ด้วยเช่นกัน
- จะเป็นในกลุ่มหลาย ๆ ธุรกิจ ที่มีสัดส่วนการถือหุ้นเริ่มด้วยที่เครื่องจักรกลทางการเกษตรและโซลูชันทางการเกษตร กลุ่มยานยนต์ กลุ่มของเหล็กโครงสร้าง ซึ่งธุรกิจเหล่านี้สร้างส่วนแบ่งกําไรและเงินปันผลให้กับบริษัทอย่างต่อเนื่อง
- รายได้จากการขายในไตรมาสที่สองได้ รายได้จากการขายเติบโตเพิ่มขึ้นประมาณ 3 % เนื่องจากในกลุ่มธุรกิจ Chemicals มีโรงงานของ ROCกลับมาเดินเครื่องตั้งแต่ที่หยุดไปช่วงปลายเดือนมีนาคม ช่วยทําให้ยอดขายและรายได้จากการขายปรับดีขึ้น
- และถ้าเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่ผ่านมา เติบโตขึ้นประมาณ 3%
- ในQ2อยู่ที่ประมาณ 16,200 ล้านบาท เติบโตขึ้น 29% เมื่อเทียบกับไตรมาสที่หนึ่งหลัก ๆ จะมาจากที่ได้รับรู้เงินปันผลรับจากบริษัทร่วมอ
- แต่ถ้ามาเปรียบเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน ลดลง EBITDA โดยรวมลดลง 18% เนื่องจากว่าในกลุ่มธุรกิจของ Chemicals มีส่วนต่างราคาปิโตรเคมีที่ลดลง และทําให้ภาพรวมผลการดําเนินงานEBITDAและเงินปันผลรับ ปรับลดลงจากกลุ่มธุรกิจ Chemicalsเป็นหลัก
- Q2 3,708 ล้านบาท เติบโตประมาณ 53% เมื่อเทียบกับ ไตรมาสที่หนึ่ง หลัก ๆ มาจากรับรู้เงินปันผลในกลุ่มธุรกิจที่ไปร่วมลงทุน และนอกจากเงินปันผล ยังมีส่วนแบ่งกําไรที่ปรับดีขึ้นทําให้ Q2 เติบโต 53% เพิ่มขึ้นเมื่อเทียบกับไตรมาสที่หนึ่ง
- หากเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่ผ่านมา ปรับลดลง เนื่องจากต้องมีการรับรู้ ต้นทุน LSP จะมาจากฝั่งของค่าเสื่อมราคาและดอกเบี้ยจ่าย
- และไตรมาสที่สอง ยังมีการรับรู้ค่าใช้จ่ายของเหตุการณ์ไฟไหม้ด้วยทําให้กําไรเมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่ผ่านมาปรับลดลง
- ครึ่งปีแรก มีการใช้จ่ายงบประมาณไปประมาณ 17, 000 พันล้านบาทหลัก ๆ ยังเป็นส่วนของที่ต้องดําเนินของฝั่ง LSP โครงการที่เวียดนามอยู่ หากคาดการณ์ทั้งปี 2024 นี้คาดการณ์งบลงทุนอยู่ที่ประมาณส 35,000 ถึง 40,000 ล้านบาท ซึ่งต้องเน้นย้ำาว่าไม่ได้รวมการที่จะต้องเข้าไปซื้อหุ้นตามสัญญาของบริษัท Fajar ในกลุ่มธุรกิจ Packaging ถือว่ายังดําเนินการอย่างต่อเนื่องและมีการรีวิวงบลงทุนอยู่เรื่อย ๆ ว่า จะมีปรับหรือว่าเป็นประมาณไหนบ้าง
- มีสถานะทางการเงินที่แข็งแกร่งมีรายการเงินสดหรือสินทรัพย์ที่เทียบเท่ารายการเงินสด ณ สิ้นไตรมาสที่สอง อยู่ประมาณ 79,000 ล้านบาท ยังค่อนข้างแข็งแกร่งอยู่
- ส่วนหนี้สินระยะยาว ยังมีหนี้สินระยะยาวที่เป็นหุ้นกู้ประมาณ 70% และส่วนที่เหลือจะเป็นเงินกู้จากสถาบันการเงิน ส่วนสกุลเงิน หนี้สินที่กู้ยืมยังเป็นสกุลเงินบาทเป็นหลักอยู่ ประมาณ 76%
- ช่วงเดือนที่แล้วได้มีมติของคณะกรรมการบริษัทอนุมัติการจ่ายเงินปันผลระหว่างกาลครึ่งปีอยู่ประมาณที่ 2.5 บาทต่อหุ้นเงิน เทียบเทียบเท่ากับปีที่ผ่านมา และมี Payout Ratio ประมาณที่ 49% ยังเป็นไปตาม Policy ของบริษัท และมีการกําหนด0จ่ายเงินปันผลระหว่างกันนี้วันที่ 23 สิงหาคม
- ตอนนี้เราอยู่ในช่วงที่เป็นวัฏจักรขาลง แต่ว่าจริงจริงและต้องบอกว่าวัฏจักรขาลงมันคือการได้การที่เกิดกําลังการผลิตใหม่ขึ้นมาในโลก ทําให้ส่วนต่างราคาระหว่างสินค้ากับวัตถุดิบแคบลง
- ทําให้ผลประกอบการของ SCG Chemicals ช่วงครึ่งปีที่ผ่านมาติดลบอยู่ประมาณ 3,000 ล้าน แต่ว่าเลขนี้จะเป็นเลขที่รวม ค่าใช้จ่ายของทาง LSP กับค่าใช้จ่ายของกรณีไฟไหม้เข้ามา ทําให้เลขติดลบอยู่ที่ประมาณ 3,000 ล้าน
- แต่ถ้าหักมูลค่าสองอันออก การทํางานในเมืองไทยยังคงเป็นบวกอยู่ เนื่องมาจากว่าในเมืองไทยเป็นการผลิตสินค้าที่เป็นเอชพีเอและกรีนโพลีเมอร์มากขึ้น ส่งผลทําให้โอเปอเรชั่นในเมืองไทยยังคงสามารถทํากําไรได้ในระดับที่ดีอยู่
- หลังจากที่ได้มีการทําการปิดการซ่อมแซมไปเมื่อตอนช่วงไตรมาสที่สอง มีการแพลนที่จะขึ้นในช่วงเดือนสิงหาคม กันยายน ตุลาคม การเดินของโรงงานต้องเรียนให้ทราบว่าช่วงแรกอาจจะเป็นช่วงในการ Test Run ทั้งหมดก่อน
- เราพยายามทําให้โอเปอเรชั่นทั้งหมดในสองประเทศทั้งเมืองไทยเวียดนาม สามารถที่จะออพติไมซ์ได้ คือทําให้สามารถเดินได้อย่างเต็มที่ เพื่อรับรองลูกค้าทั้งในประเทศไทยทั้งในเวียดนาม และในตลาดโลกที่เป็นลูกค้าเราอยู่ ทั้งนี้อย่างที่ได้เรียนคือปัจจุบันในเมืองไทยได้มีการพัฒนาสินค้า HVA อยู่แล้ว และในอนาคตเราพยายามพัฒนาสินค้าHVA ในตลาดเวียดนามด้วยเหมือนกัน
- มาดูในตลาดเวียดนามจะสังเกตได้ว่า เวียดนามปัจจุบันมี demand ของสินค้าเม็ดพลาสติกอยู่ประมาณ 3.5 ล้านตัน แต่ว่าทั้งหมดและจะอยู่ที่ประมาณ 1.4 ล้านตัน ที่เป็น supply เข้าไปและจะมี โรงงานพีพีที่อยู่ในเวียดนามอยู่ประมาณหนึ่งล้านตัน 0จะเห็นว่ายังมีโอกาสอยู่ในประเทศนั้นอยู่ ยังไม่ได้ cover ทั้งหมดของประเทศ
- ทั้งนี้ทั้งนั้นเวียดนามมันมีปัจจัยสําคัญที่ส่งผลให้ดูว่าเป็นตลาดที่น่าสนใจคือหนึ่งคือ FDI ยังคงไหลเข้าไปในประเทศเวียดนาม รวมถึงการเติบโตของกลุ่ม middle class ทําให้ดูแล้วว่ามีโอกาสในการค้าขายมากขึ้น
- รวมถึง GDP Per Capita ที่ยังคงสูง และ %GDP Growth ของเวียดนามยังสูงถึง 7% เวียดนามยังคงมีโอกาสอยู่มาก โดยที่การที่ไปลง FDI หลัก ๆ จะเป็นทางด้าน Manufacturing / Service
- การผลิตสินค้าไม่ได้ดูแค่ตลาดโลกอย่างเดียว ไม่ได้ดูแค่สินค้าทั่วทั่วไปอย่างเดียว ได้ดูสินค้าที่มีมูลค่าเพิ่มขึ้นมากกว่าเดิม
- ทําให้ในในเมืองไทยดูแล้วยังมีกําไรในการทําธุรกิจอยู่
- ส่วนอย่างที่บอกประเทศเวียดนามหลังจากโอเปอเรชั่นได้ขึ้นมา HVA พวกนี้จะมีสินค้าที่เพิ่มขึ้นแต่ว่าต้องบอกว่าHVA จะเป็นสินค้าที่ ถูกเทเลอร์ตามลูกค้าเพราะฉะนั้นมันจะกลายเป็นว่า ดูตามตลาด ไม่ใช่ดูตามความต้องการคอมมูนิตี้
มีการผลิตสินค้าที่เป็นกรีนโพลิเมอร์เพิ่มขึ้นด้วย
- ลดการใช้พลาสติกเพื่อไปขึ้นรูปสินค้า ยกอย่างเช่น ขวดแชมพู ขวดสบู่ เป็นส่วนนึงในการลดการใช้โพลิเมอร์ลง
- อีกส่วน คือมีการที่จะไปร่วมมือหรือว่าเป็นการเข้าในตลาดของต่างประเทศ ยกอย่างเช่น เข้าไปในกลุ่มธุรกิจที่เรียกว่า Mechanical Recycling โดยที่ได้มีการขยายเข้าไปในกลุ่มประเทศยุโรปโ ดยมีการเข้าซื้อบริษัทในโปรตุเกส และ เนเธอร์แลนด์เพื่อเอาความรู้กลับมาพัฒนาประเทศ โดยการที่สองบริษัทนี้เป็นการพัฒนาสินค้า Mechanical Recycling คือการแยกขยะและกลับมาขึ้นรูปใหม่ และเอาไปใช้ในอุตสาหกรรมใหม่
- ทั้งนี้ทั้งนั้นไม่ได้มองแค่นี้ มีการมองไกลกว่านั้น คือดูว่าเมืองไทยมีสินค้าเกษตรเยอะเพราะฉะนั้นไปดูว่าเทคโนโลยีไหนที่จะเหมาะสมกับการทํากรีนพอลิเมอร์กับบ้านเรามากกว่า
- ช่วยกันทําเรื่อง Technology Development ในการจัดการขยะ มีการทําแทนที่จะทําเฉพาะสินค้าของพวกเรา มีการทําภาพของสินค้าที่กว้างมากขึ้น
- ตั้งเป้า 200,000 ตันของ Plastic Waste ภายในปี 2030 นอกจากนั้น ยังได้ร่วมมือกับทาง TOYO แต่น่าจะเสร็จสิ้นได้ภายในช่วงปี 2025
- ตลาดซีเมนต์ในประเทศไทยในช่วงครึ่งปีแรก ในส่วนที่ไปได้ดีอะคือส่วนที่เป็นทางภาคเชิงพาณิชย์ คอมเมอร์เชียล ซึ่งได้แรงสนับสนุนจากการท่องเที่ยวที่ดีขึ้น ทําให้มีการรีโนเวทอาคารพาณิชย์ ห้างสรรพสินค้า หรือแม้แต่โรงแรมต่าง ๆ โดยเฉพาะในเมืองที่เป็นหัวเมืองท่องเที่ยว
- นอกจากนี้กลุ่มที่เป็นทางอุตสาหกรรม โรงงานอุตสาหกรรมเห็นได้จากเลขของ FDI หรือว่าการลงทุนจากต่างประเทศที่ค่อนข้างดีขึ้นในช่วงปีที่ผ่านมา
- มีการเห็นแนวโน้มของการย้ายฐานการผลิตหรือมาตั้งโรงงานของบริษัทที่เป็นผู้ผลิตในต่างประเทศมาในไทยมากขึ้น
- อย่างไรตามอาจจะยังมีความท้าทายอยู่บ้าง ในกลุ่มของตลาดที่เป็นที่อยู่อาศัยโดยเฉพาะในกลุ่มที่เป็นตลาดในกลุ่มที่ของผู้มีรายได้น้อย เนื่องจากว่าตัวเลขของหนี้สิน ครัวเรือนยังอยู่ในระดับที่ค่อนข้างสูง
- โครงการที่เป็นโครงสร้างพื้นฐานหรือโครงการของรัฐต่าง ๆ ในช่วงไตรมาสหนึ่งและสองที่ผ่านอาจจะยังดู S oft ๆ อยู่บ้าง เนื่องจากว่ามีมีเรื่องของการเบิกจ่ายงบประมาณที่อาจจะยังเป็นไปไม่ได้ตามแผนเท่าไหร่นัก แต่ทางบริษัทคาดหวังว่าในช่วงครึ่งปีหลังอะจะมีการเร่งเบิกจ่ายงบประมาณเหล่านี้ ทําให้เป็นช่วยที่ช่วยผลักดันให้โครงการของรัฐมีความต้องการในการใช้ซีเมนต์และผลิตภัณฑ์ก่อสร้างมากขึ้น
- ส่วนนึงที่เป็นตัวหลักของเลยคือสินค้าที่เป็น Low Carbon หรือG reen Product ในกลุ่มของซีเมนต์มีสินค้าเรือธ ปูนซีเมนต์ที่มีคาร์บอนต่ำ
- เราได้มีการพัฒนาในการปรับสูตรการผลิตรวมถึงเปลี่ยนมาใช้เชื้อเพลิงทางเลือกมาทดแทนการใช้ถถ่านหินในการผลิต ซึ่งจะช่วยให้ลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์นอกจากนี้ยังช่วยในเรื่องของต้นทุน ในขณะที่ความแข็งแรงและคุณสมบัติต่าง ๆ ของปูนซีเมนต์ยังคงรักษาไว้ได้หรืออาจจะดีกว่าปูนซีเมนต์ที่เป็นสูตรเก่า
- ทั้งนี้SCGได้มีการปล่อยสินค้าตัวนี้ออกมาครั้งแรกในปี 2020 มีการพัฒนาต่อเนื่องมาในช่วง Gen 1 สามารถลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ได้เทียบกับ OPC มีคาร์บอนไดออกไซด์ต่ำกว่าถึง 10 - 15% ปี 2024 นี้ เพิ่งมีการปล่อยสินค้าที่เป็น Gen2 ลดคาร์บอนได้มากขึ้นไปอีกเป็น 15-20%
- ล่าสุดมีการปล่อยสินค้านี้ไม่ใช่แค่ในประเทศไทย ในเวียดนามซึ่งเป็นตลาดที่มีโพเทนเชียลมากมากและถือว่าเป็น first moverในตลาดเวียดนามการปล่อยสินค้าปูนซิเมนต์คาร์บอนต่ำา ซึ่งเป็นปูนอเนกประสงค์ใช้ได้ทั้งผ่านรากโครงสร้างและปูนฉะด้วยคุณสมบัติต่าง ๆ เทียบเท่ากับโลคาร์บอนซีเมนต์ Gen2 ที่ออกไปในประเทศไทย
- หลัก ๆ คือ Biomass ชีวมวลที่ได้มาจากเศษวัสดุเหลือใช้ทางการเกษตร เช่น ฟางอ้อย ต้นซึ่งอย่างที่ทราบกันว่าประเทศไทยเป็นประเทศทางการเกษตร ดังนั้น เศษวัสดุเหลือใช้เหล่านี้จะมีในปริมาณค่อนข้างเยอะ
- โดยที่โรงงานปูนซีเมนต์ของSCGมีตั้งอยู่ทั่วประเทศจะเป็นจุดแข็งอันนึงของเราที่สามารถไปหาพื้นที่ที่เป็น ไร่า ที่อยู่ใกล้กับโรงงานของและสามารถขนย้ายเศษวัสดุทางการเกษตรเหล่าเนี้ยเข้ามาในพื้นที่โรงงานได้
- นอกจากนี้มีเทคโนโลยี ที่มีการแปรรูปสินค้า Biomass มาเป็นในรูปเชื้อเพลิงชีวมวลอัดก้อน ข้อดีคือจะสามารถได้ความหนาแน่นของความร้อนที่ค่อนข้างสูงเทียบกับ Biomass ธรรมดา และสามารถนํามาใช้ได้ในกระบวนการการผลิตได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น
- ล่าสุดในประเทศไทยมีการใช้อัตราส่วนของใช้เชื้อเพลิงทางเลือกสูงถึง 47%และในช่วงครึ่งปีแรกที่ผ่านมา
- การใช้เชื้อเพลิงทางเลือก จะช่วยเรื่องต้นทุนได้ในอนาคต และการใช้ Solar Energy ช่วยต้นทุน ส่งผลให้ Margin ธุรกิจซีเมนต์ดีขึ้นในช่วงที่ผ่าน
- SCGมีเครือข่ายที่ค่อนข้างใหญ่ของเรื่อง distribution ในประเทศไทย
- ในต่างประเทศ มีการขยายไปในอาเซียนเหมือนกัน โดยโมเดลของการที่ขยายเป็นอาเซียน จะเป็นรูปแบบของการร่วมมือกับ Partner ที่เป็นรายใหญ่ ๆ ที่อยู่ในประเทศนั้น ๆ ยกอย่างเช่นในอินโดนีเซีย จะมีสองรายใหญ่ที่เข้าไปถือหุ้นที่เรียกได้ว่าเป็น Top5 ของธุรกิจรีเทลในอินโดนีเซียเลย
- เป็นธุรกิจน้องใหม่ของ SCG ภายใต้บริษัทที่ชื่อ SCG Clenergy เป็นบริษัทที่จะทําโซลูชันที่เกี่ยวกับพลังงานสะอาด โดยเริ่มต้นเข้าสู่การทําธุรกิจที่เรียกว่าเป็น PPA โดยมีลูกค้าที่เป็นทั้งหน่วยงานรัฐและเอกชน ซึ่งเป็นsolar solution เป็นหลัก
- โดยล่าสุดในช่วงครึ่งปีแรกที่ผ่านมา มีการปั้นพอร์ตโฟลิโอส่วนนี้ไปไ ด้500 กว่าเมกะวัตต์แล้ว และตั้งเป้าในช่วงแรกว่าในอีกประมาณ 5 ปีข้างหน้าจะต้อไปถึง 3,000 เมกะวัตต์ให้ได้
- นอกเหนือจากธุรกิจที่เป็นเรื่องของโซลาร์โซลูชันในรูปแบบของ PPA และ SCGมีการเฟ้นหาเทคโนโลยีที่เกี่ยวข้องกับพลังงานสะอาดทั้งในและต่างประเทศ มีทีมเทคโนโลยีที่คอยดูเทคโนโลยีเหล่านี้อยู่ตลอดเวลา
- ตัวที่อยากพูดถึงคือ RONDO เป็นเจ้าของเทคโนโลยี Heat Battery ซึ่งถ้าจะให้อธิบายง่าย ๆ คือว่า เมื่อใช้พลังงานสะอาดจากโซลาร์ถ้าใช้ในตอนกลางวันอาจจะไม่สามารถเก็บไปใช้ในตอนกลางคืนได้ ต้องหาแบตเตอรี่มากักเก็บพลังงานส่วนนี้ไว้เพื่อให้ไปใช้แบบออนดีมานด์เมื่อต้องการใช้เมื่อไหร่ก็ได้ RONDO จะมาตอบโจทย์ เนื่องจากว่าเค้าเป็นผู้ผลิตกลางที่เก็บความร้อนเก็บพลังงานสะอาดในรูปของความร้อนสูงถึงได้ถึง 1,000 องศาเมื่อ การที่เก็บได้ในอุณหภูมิสูงสูงมันจะช่วยในเรื่องของการนําไปใช้ให้ได้ในหลายหลายแอปพลิเคชัน
- และหลัก ๆ และลูกค้าของ RONDO จะเป็นกลุ่มของโรงงานอุตสาหกรรม พูดง่าย ๆ ว่าโรงงานอุตสาหกรรมที่มีการใช้บอยเลอร์ในการปล่อยความร้อนหรือไอน้ําที่ไปใช้ในการผลิต สามารถทดแทนได้โดยการใช้ RONDO Heat Battery ได้เลย
- บทบาทของ SCG เป็นผู้ลงทุนถือหุ้นในRONDO และนอกจากนี้เป็นซัพพลายเออร์ให้กับRONDOด้วยเนื่องจากว่าSCGมีธุรกิจของปูนซีเมนต์ในโรงงานปูนซีเมนต์ในเตาเผาจะมีส่วนที่เรียกว่าอิฐทนไฟเป็นส่วนประกอบที่อยู่ในเตาเผา ซึ่งใช้เทคโนโลยีเบสนี้มาพัฒนาร่วมกับRONDOเพื่อทําเป็นHeat Battery เพราะฉะนั้นจะมีบทบาทในการซัพพลายHeat Battery ให้กับ RONDO
- นอกจากนี้ในการที่เค้าจะมาทําตลาดในอาเซียน เราจะเป็น Comercial Partner ในอาเซียนกับRONDOด้วยซึ่งเทคโนโลยีของRONDOได้รับการยอมรับและมีการเริ่มขายยูนิตแรก ในประเทศสหรัฐอเมริกาเมื่อปีที่แล้ว
- ในไทยจะมีการเริ่มใช้ยูนิตแรกของRONDOที่โรงงานปูนซีเมนต์ เพื่อใช้ในกระบวนการช่วยในการกระบวนการผลิตในการให้ความร้อนและทดแทนการใช้พลังงานจากไฟฟ้า
- โดยที่เริ่มอาจจะมีแผนที่จะเริ่มดําเนินการใช้นี้ในช่วงประมาณต้นปีหน้า
- อยู่ในหลากหลายอุตสาหกรรม
SCG ได้ตั้งเป้าว่าภายในปี 2050 จะเป็น Net Zero
- ยังเป็นไปตามแผนอยู่เหมือนเดิม
- กลุ่มธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับซีเมนต์และวัสดุก่อสร้าง กําไรยังอยู่ในจุดที่ค่อนข้างโอเค ถึงแม้ว่าจะมีดีมานด์ลดลงในเมืองไทยและเวียดนาม
- กลุ่มธุรกิจ Chemicals จะมี Core Earning คือธุรกิจที่อยู่ในเมืองไทยเป็นบวกถึงแม้ว่า LSP ยังมีค่าใช้จ่ายเกิดขึ้น และ ส่วนนึงที่เป็นค่าใช้จ่ายของทางมาบตาพุด ไฟไหม้
- เราพยายามที่จะมีการเพิ่มส่วนของสินค้าที่เป็น HVA มากขึ้นและส่วนที่เป็น Green Product มากขึ้น และมีบางส่วนที่เพิ่มเติมเข้ามาส่วนที่เป็น Economy Segment ทําให้สามารถดูแลลูกค้าในทุกกลุ่มสินค้าได้
- กลุ่มซีเมนต์ พยายามที่จะเพิ่มสัดส่วนในการแข่งขันและขีดความสามารถต่าง ๆ ล่าสุดได้มีการไปทําโรงงาน OEM Clinker Griding ที่เวียดนาม ในภาคใต้ เนื่องจากอยากที่จะสนอง Demand ในลูกค้าในส่วนนี้
- นอกจากนี้ในกลุ่มธุรกิจนี้ยังมองการฟื้นของเศรษฐกิจไม่ว่าจะเป็นในประเทศเวียดนาม อินโดนีเซีย
- เนื่องจากในเวียดนามตัวเลขGDPสิ้นQ2ล่าสุดที่ออกมาของเวียดนามอยู่ประมาณ GDP Growth ประมาณ 6.9% ต้องบอกว่ายังมีความเติบโตและยังมีศักยภาพ
- ประเทศอินโดนีเซียหลังจากที่เค้าได้เสร็จสิ้นการเลือกตั้ง คาดว่าการที่เค้าจะกระตุ้นเศรษฐกิจและมีการใช้งบประมาณต่าง ๆ เพื่อส่งเสริมเศรษฐกิจ ยังถือว่าเป็นปัจจัยที่จะมาสนับสนุนและเป็นการเติบโตในประเทศอินโดนีเซียด้วย
- ธุรกิจของกลุ่ม Chemicals ธุรกิจปิโตรเคมียังมีความท้าทายอยู่ โดยเฉพาะกลุ่ม PP เนื่องจากยังต้องแจ้งว่ายังมีกลุ่มกําลังการผลิตใหม่ที่เกิดขึ้น ยังเพิ่มขึ้นมาอยู่ตลอดจนถึงประมาณปี 2025 ยังมีความท้าทายในด้านที่ยังมีกําลังการผลิตขึ้นมาใหม่อยู่
- ขณะเดียวกัน PE มีการดีเลย์กําลังการผลิตจาก Q2 Q3 ยังเป็นปัจจัยที่ยังท้าทายกําลังการผลิตที่เกิดขึ้นใหม่อยู่
- สิ่งที่จะต้องดูและให้ความสําคัญคือ Global Demand Groeth ยังค่อนข้างมีความท้าทายอยู่ LSP start up เมื่อไหร่ต้องมาดูมอนิเตอร์ demand ในตลาดด้วย หลัก ๆ จะมาดูการเติบโตGDPทั่วโลกจะเป็นปัจจัยที่ต้องคอยติดตาม
- ความต้องการเพิ่มประสิทธิภาพในการดําเนินงานต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็นการนําเทคโนโลยีหรือว่าในการนํา AI เข้ามาเกี่ยวข้องเพื่อบริหารจัดการทางด้านต้นทุนบริหารจัดการทางด้านกระบวนการผลิตให้มีประสิทธิภาพ ลดการใช้พลังงาน
- การที่สามารถบริหารจัดการ energy efficiency ได้ ยังมีส่วนช่วยในการลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์และยังไปช่วยการเติบโตให้เป็นไปตามเป้าในการที่จะเป็นNet Zero ในปี 2050 ยังถือว่าสอดคล้องกับแผนการดําเนินงานของธุรกิจSCG
- พยายามทําอย่างต่อเนื่องในเรื่องงบประมาณการลงทุน และยังต้องมีการทบทวนและรีวิวการลงทุนทั้งในประเทศและต่างประเทศ เพื่อทําให้ธุรกิจมีความแข่งขันได้
- นอกจากนี้ยังมีมาตรการในการบริหารจัดการเงินสด เพื่อทําให้ Workinh Capital Lean มากยิ่งขึ้น
- รีวิวธุรกิจที่อาจจะยังไม่ได้ Outperforming สม่ำเสมอ