การแบ่งพอร์ต
- เมื่อก่อนโตมาจากการ all in แต่พอพอร์ตโตขึ้นมาถึงประมาณหลัก 80 ล้าน โค้ชซันสอนว่า เงินที่เพิ่มขึ้นมาจาก 80 ล้านเป็น 100 ล้าน ความสุขอาจจะเพิ่มขึ้นเล็กน้อย แต่ถ้าเงิน 80 ล้านกลับไปเหลือหลักล้าน เราจะเป็นทุกข์
- จึงปรับวิธีการลงทุน เพราะการลงทุนแบบ all in มีความเสี่ยงสูง
- เมื่อก่อนเราเล่นตัวเดียว 80-90% ตอนนี้ปรับเหลือลงทุนตัวละไม่เกิน 40% ถ้ามีหุ้นที่ชอบจริง ๆ ก็อาจถือ 2 ตัว ไม่เกิน 3 ตัว
- แม้โค้ชซันจะสอนมาว่า พอร์ตโตไม่ควรไปเล่นหุ้นไซส์เล็ก แต่สำหรับโค้ชเต๋เอง หุ้นขนาดเล็ก กลาง ใหญ่ ไม่มีผล สนใจแค่ว่าหุ้นนั้นมีโอกาสเติบโตสูงหรือไม่
- นอกจากนี้ free fold มีความสำคัญ ถ้าหุ้น free fold ต่ำ หุ้นจะขึ้นลงแรง ดังนั้นจึงเลือกเล่นหุ้น free fold ต่ำ ๆ เพราะจะพาพอร์ตไปได้ไกล
- อีกข้อสำคัญ คือเลือกหุ้นที่กราฟอยู่โซนล่าง ต่อให้หุ้นพื้นฐานดี แต่กราฟโซนบน จะไม่ all in เด็ดขาด เพราะราคาหุ้นรับรู้ความคาดหวังไปหมดแล้ว
- โค้ชเต๋เสริมว่า หุ้นโซนล่าง เป็นหุ้นที่ทำให้พอร์ตโตมาจาก 40 ล้านเป็น 80 ล้าน และแม้จะใช้เวลา 3 ปีเพื่อจะโตมา 100% บางคนอาจจะมองว่านาน แต่สำหรับโค้ชเต๋ ถือเป็นหุ้นที่ถือแล้วอุ่นใจ เพราะเล่นหุ้นโซนล่าง โอกาสจะลงมาเยอะ ๆ มีน้อย โดยเฉพาะการ all in เราต้องการความมั่นใจในระดับสูงมาก
- สำหรับโค้ชเต๋ คือหุ้นที่มี free fold ต่ำกว่า 15% ที่พอรับได้คือไม่ควรเกิน 30%
- 1) หุ้นที่มีมี P/E ไม่สูง
- 2) เป็นหุ้นที่สะสมมานาน
- เริ่มจากมองว่าหุ้นนั้นมี downside จำกัดไหม และ ดู fundamental ประกอบ 70% กราฟ 30%
- ถ้าประเมิน downside แล้วว่ามีจำกัด และยังมีโอกาสเติบโตอีก หุ้นตัวนี้จะเลือกเก็บไว้เป็น favorite ติดตามข่าวสารแบบเจาะลึก
- เล่นหุ้นกลุ่มโซนล่าง เน้น turn around มากกว่าหุ้นที่เติบโตมาแล้วและจะเติบโตต่อไป
- 80% ของพอร์ตก็ได้มาจาก หุ้น turn around
- อาจจะมองสวนทางกับคนอื่น ๆ คือเรามองว่าไม่เสี่ยง เพราะหุ้นอยู่โซนล่างอยู่แล้ว รับรู้ความแย่ไปหมดแล้ว
- หากผลงานไม่เป็นไปตามเป้า มันก็จะอยู่ที่เดิมต่อไป ถ้าขาดทุนก็อาจจะขาดทุนเล็กน้อย
- แต่หุ้นที่โตตามคาดหวังไปเรื่อย ๆ พอไม่ตามเป้า ราคาก็ลงมาแรง เรียกว่ากราฟหัวทิ่มเป็นทรงภูเขาได้เลย
- โค้ชเต๋เสริมว่า หุ้นที่เคยโดนหนัก ๆ คือหุ้น inside โซนบน ลงมาที 50-60%
- เรื่องการวางเงิน ให้ลงทุนตามสัดส่วนที่ความรู้เรามี
- คนที่เพิ่งเข้ามามาใหม่ อาจลงทุนแค่ 10-20% ของเงินเก็บ พออยู่ในตลาด 4 - 5 ปีแล้ว อาจลงทุนเพิ่มขึ้นได้เป็น 40-50%
- การจะลงทุน 100% ขอวเงินเก็บ ไม่ว่ากี่ปีก็ทำไม่ได้ ถ้าเราไม่เข้าใจ
- ให้ความสำคัญพอ ๆ กับโมเดลธุรกิจ
- ส่วนตัวชอบผู้บริหารที่เป็น Gen 1 หรือเป็นผู้ก่อตั้ง เพราะจะมีความอินกับธุรกิจมากกว่า
- ที่สำคัญผู้บริหารต้องมีธรรมาภิบาล
- ส่วนตัวไม่ค่อยสนธีม แต่จะดูหุ้นที่คนไม่ค่อยสนใจ เงียบ ๆ นิ่ง ๆ มานานมากกว่า เพราะเราถือแล้วรอได้ บางทีเข้าไปถือหุ้นที่มาก่อนธีม
- "จ่ายตลาดให้จ่ายตอนตีสี่ อย่าไปจ่ายตอนคนเยอะแล้ว"
- อ่านหนังสือพัฒนาตัวเอง แนะนำหนังสือชื่อ Chip Wars
- หาหุ้นให้เจอ แต่เมื่อเจอแล้ว ให้รักหุ้นตัวนั้นแล้วดูแลหุ้นให้ดี คือติดตามข่าวสาร ไป company visit บางคนเจอหุ้นแล้ว ยังไปหาหุ้นตัวอื่น ทำให้ขาดทุน
- การหาหุ้น ให้เริ่มจากมองสิ่งใกล้ ๆ ตัว ไม่ควรเป็นเรื่องยากซับซ้อน ไม่อย่ารอสูตรสำเร็จ ไม่เช่นนั้นเราจะไม่ได้หุ้นสักที ถ้าเราศึกษา 1 2 3 4 เราจะเจอ 5 6 7 8
- ตอนแรกเราต้องเป้าหมายพอร์ต 9 หลักก่อน 30 และตอนนี้เป้าหมายนั้นก็สำเร็จแล้ว
- ตอนนี้อยากออกกำลังกาย ดูแลสุขภาพให้ดี เพราะก่อนหน้านี้เราหักโหมมาเยอะ
- เป้าหมายพอร์ตเติบโตปีละ 30% แต่เป็นภาพใหญ่ ๆ ไม่กดดันตัวเอง และไม่จำกัดระยะเวลาที่สั้นเกินไป ไม่โต 30% ทุกปี แต่ 3 ปี โตมา 100% ก็ถือว่าได้เหมือนกัน
- เคยอ่านหนังสือเจอว่า การตั้งเป้าหมายที่ดีสำหรับเป้าหมายที่ไม่สามารถทำได้แน่นอน 100% ต้องเป็นระยะยาว อย่ากดดันตัวเองเกินไป
- สำหรับนักลงทุนที่เพิ่งเข้ามาในตลาด รวมทั้งนักลงทุนที่ยังไม่ประสบความสำเร็จ ถ้าทำแนวทางเดิมไม่สำเร็จ ก็ลองแนวทางใหม่ ไม่มีใครเก่งทุกเรื่อง เราจะมีเรื่องที่ถนัดต่างกัน ตามจริตแต่ละคน
- หาแนวทางที่ชอบแนวทางเดียว ทำทีละอย่าง แต่ต้องมีไทม์ไลน์ที่หมาะสม คืออย่าเพิ่งท้อและเปลี่ยนเร็วเกินไป อาจจะ 6-12 เดือน ค่อย ๆ พัฒนาตัวเอง เรียน อ่านหนังสือ ถ้าสุดท้ายไม่สำเร็จค่อยเปลี่ยนแนวทาง
- สุดท้ายถ้ายังไม่รอด ก็ไม่มีใครเก่งได้ทุกอย่าง การลงทุนในหุ้นอาจจะไม่เหมาะกับเรา พระพุทธเจ้าบอกว่าคนฉลาดจริง ๆ คือคนที่ประเมินศักยภาพของตัวเองได้ว่าเรามีศักยภาพแค่ไหน ถ้าเรารู้ว่าไม่เหมาะกับเรื่องนี้ ให้ออกห่าง แล้วไปทำอย่างที่เหมาะกับเราเพื่อหาเงิน เพราะสุดท้ายทุกคนทำเพราะต้องการหาเงิน และหุ้นไม่ได้ตอบโจทย์ทุกคน อย่ารอให้เงินหมดแล้วค่อยออก ให้ออกตอนที่เงินยังมี แล้วเอาเงินไปต่อยอกอย่างอื่นดีกว่า