[ BBIK ] บริษัท บลูบิค กรุ๊ป จำกัด (มหาชน)
Posted: Tue Jan 24, 2023 2:14 pm
- 20230120_BBIK(ไม่มีภาพ).png (716.57 KiB) Viewed 1366 times
- 20230120_BBIK(ไม่มีภาพ).png (716.57 KiB) Viewed 1366 times
Page 1 of 1
Re: [ BBIK ] บริษัท บลูบิค กรุ๊ป จำกัด (มหาชน)
Posted: Tue Apr 18, 2023 10:10 am
Oppday Year End 2022 บริษัท บลูบิค กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) BBIK
Re: [ BBIK ] บริษัท บลูบิค กรุ๊ป จำกัด (มหาชน)
Posted: Fri May 19, 2023 5:54 pm
Oppday Q1/2023 บริษัท บลูบิค กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) BBIK
Presentation https://weblink.set.or.th/dat/registrat ... 3-BBIK.pdf
Presentation https://weblink.set.or.th/dat/registrat ... 3-BBIK.pdf
Re: [ BBIK ] บริษัท บลูบิค กรุ๊ป จำกัด (มหาชน)
Posted: Sat Sep 09, 2023 4:19 pm
Oppday Q2/2023 BBIK บมจ. บลูบิค กรุ๊ป
ดาวน์โหลดเอกสารประกอบการบรรยาย
https://listed-company-presentation.set ... h/vdo/5812
ดาวน์โหลดเอกสารประกอบการบรรยาย
https://listed-company-presentation.set ... h/vdo/5812
Re: [ BBIK ] บริษัท บลูบิค กรุ๊ป จำกัด (มหาชน)
Posted: Mon Nov 13, 2023 4:35 pm
Oppday Q3/2023 BBIK บมจ. บลูบิค กรุ๊ป
ดาวน์โหลดเอกสารประกอบการบรรยาย
https://listed-company-presentation.set ... h/vdo/5930
ดาวน์โหลดเอกสารประกอบการบรรยาย
https://listed-company-presentation.set ... h/vdo/5930
Re: [ BBIK ] บริษัท บลูบิค กรุ๊ป จำกัด (มหาชน)
Posted: Wed May 15, 2024 7:23 pm
Oppday Q1/2024 BBIK บมจ. บลูบิค กรุ๊ป
ดาวน์โหลดเอกสารประกอบการบรรยาย
https://listed-company-presentation.set ... h/vdo/6446
ดาวน์โหลดเอกสารประกอบการบรรยาย
https://listed-company-presentation.set ... h/vdo/6446
Re: [ BBIK ] บริษัท บลูบิค กรุ๊ป จำกัด (มหาชน)
Posted: Tue Aug 13, 2024 7:41 pm
Oppday Q2/2024 BBIK บมจ. บลูบิค กรุ๊ป
ดาวน์โหลดเอกสารประกอบการบรรยาย
https://www.set.or.th/th/market/product ... y-snapshot
ดาวน์โหลดเอกสารประกอบการบรรยาย
https://www.set.or.th/th/market/product ... y-snapshot
Re: [ BBIK ] บริษัท บลูบิค กรุ๊ป จำกัด (มหาชน)
Posted: Mon Aug 19, 2024 8:03 pm
- 20240818 BBIK-01.jpg (302.92 KiB) Viewed 511 times
- 20240818 BBIK-01.jpg (302.92 KiB) Viewed 511 times
สรุปคลิป Oppday Q2/2024 BBIK บมจ. Bluebik กรุ๊ป
Bluebik Overview
- ภาพรวมของ Bluebik เป็นบริษัทที่ปรึกษาด้าน Digital Transformation แบบครบวงจร ทําตั้งแต่งานที่วางกลยุทธ์ ไปจนถึงงานความซับซ้อนต่าง ๆ
- โดยปัจจุบันบริษัทในกลุ่มของมีการขยายตัวมีบริษัทย่อยต่าง ๆ มากมาย ได้ขยายทั้งตัว product และ service เป็นในด้านต่าง ๆ ปัจจุบันมีพนักงานร่วมกันอยู่ในกรุ๊ปประมาณพันคน โดยที่กระจายอยู่ใน 4 ประเทศคือที่อังกฤษ อินเดีย เมืองไทย แล้วที่เวียดนาม
- เซิร์ฟลูกค้าในหลายหลายประเทศด้วยเช่นกัน แล้วได้มีการทํางานลักษณะServiceที่ค่อนข้างครอบคลุมมากขึ้นในช่วงที่ผ่านมา
- นอกจากนี้เองเป็นบริษัทที่มีการเติบโตค่อนข้างสูงในช่วงที่ผ่านมา สามารถเติบโตได้ทุกปีต่อเนื่องกัน 10 ปีที่ผ่านมา
- แล้วมีค่าเฉลี่ยในการเติบโตอยู่ในระดับที่สูงมากอย่างในช่วงของตัว 6 ปีหลังสุดเติบโตเฉลี่ยอยู่ที่ประมาณ 82% แล้วProfitในปีที่แล้วเติบโตถึง 133%
- เป็นPartnerกับบริษัทเทคโนโลยีแพลตฟอร์มต่าง ๆ ที่เป็นชื่อดัง เช่น Microsoft SAP และ ยังมีพาร์ทเนอร์ที่ร่วมกันก่อตั้งJVแล้วมีโปรดักต์ที่เป็นแพลตฟอร์มที่ช่วยในการเสิร์ฟลูกค้าองค์กรต่าง ๆ ด้วย
- ตรงนี้จะเป็นภาพธุรกิจที่ให้เห็นว่าทาง Bluebik มีการเติบโตและมีการพัฒนาต่อเนื่องกันมา
- ได้รับการยอมรับจากหลายหลายหน่วยงานชั้นนํา ว่าเป็นองค์กรที่มีการบริหารจัดการที่ดี รวมไปถึงเรื่องของตัว CG ด้วยที่เราเองให้ความสําคัญกับเรื่องนี้ ทําให้Bluebikได้รับรางวัลแจากองค์กรต่าง ๆ มากมาย
- กลุ่มแรกยังเป็นกลุ่มที่เป็น core business ของเป็นกลุ่มที่สร้างรายได้และผลกําไรเป็นหลัก คือจะเป็นกลุ่มงานที่ปรึกษาหรือว่า consulting service
- ในส่วนที่สองจะเป็นกลุ่มธุรกิจที่เรียกว่า digital platform อันนี้จะเป็นการนําแพลตฟอร์มที่เป็นแพ็กเกจซอฟต์แวร์ต่าง ๆ นํามา customize ให้กับลูกค้าองค์กรให้ได้ใช้แพลตฟอร์มเหล่านี้ ซึ่งจะมีทั้งแพลตฟอร์มของPartnerของเรา แล้วแพลตฟอร์มที่เป็นเจ้าของตัวแพลตฟอร์มเองด้วย
- ในกลุ่มธุรกิจที่สามจะเป็น joint ventureที่ไปPartnerกับไม่ว่าจะเป็นลูกค้าหรือพันธมิตร ในการสร้างธุรกิจใหม่ขึ้นมา ซึ่งในกลุ่มธุรกิจนี้ อาศัยจุดเด่นของเราที่มีขีดความสามารถของบุคลากรที่ครบถ้วน ตั้งแต่ระดับบริหารถึงระดับ execution ไม่ว่าจะเป็นด้าน business / tech เข้าไปช่วยในการบริหารจัดการตัวบริษัทเหล่านี้ แล้วใช้จุดแข็งของพาร์ทเนอร์เช่นกันเข้ามาเสริม เพื่อทําให้สามารถสร้างเป็นธุรกิจใหม่ขึ้นมาได้ใช้ ecosystem และPartnerของเรา ซึ่งตรงนี้ถือว่าเป็นอีกกลุ่มธุรกิจหนึ่งที่มีอัตราการเติบโตที่ดี
- ในกลุ่มธุรกิจสุดท้ายคือเป็นกลุ่มของธุรกิจต่างประเทศหรือว่าที่ใช้คําว่า global businesses ซึ่งกลุ่มนี้จะเป็นกลุ่มที่จะมา support ในกลุ่มธุรกิจทั้งสามกลุ่มแรกเพื่อนําServiceแล้วโปรดักส์ของทางBluebikไปสู่ตลาดโลก รวมถึงการสรรหาบุคลากรที่มีความสามารถต่าง ๆ จากประเทศอื่น ๆ เข้ามาจอยในบลูบิค กรุ๊ปให้มี ศักยภาพของคนที่สูงขึ้นด้วย
consulting service
- เริ่มจากตั้งแต่งานที่เป็น Management Consulting ให้คําปรึกษาด้านกลยุทธ์ไม่ว่าจะเป็นกลยุทธ์ขององค์กรกลยุทธ์ของโปรดักส์ กลยุทธ์ด้านดิจิทัลต่าง ๆ จะช่วยในการวิเคราะห์หาทั้งในเรื่องของเทรนด์ ในเรื่องของ competitive advantage ในเรื่องของการวางแผนการลงทุนและ roadmap ต่าง ๆ ที่จะทําให้เกิด return on investment สูงที่สุดให้กับลูกค้า
- Digital Excellence & Delivery จะเป็นงานที่ให้คําปรึกษาด้านเทคโนโลยี ให้คำแนะนำกับลูกค้าไม่ว่าจะเป็นเรื่องของการวางสถาปัตยกรรมของระบบ การทําเรื่อง process ต่าง ๆ นอกจากนี้ยังช่วยในงานโครงการที่มีความซับซ้อนสูงอย่างระบบขนาดใหญ่ที่จะต้องมีการรองรับจํานวน transaction จํานวนมาก แล้วมีความเสถียรในระดับสูง หรือว่ามีฟังก์ชันฟีเจอร์ที่อาจจะมีความซับซ้อนในการออกแบบเยอะ
- งานเกี่ยวกับ big data แล้ว ai ซึ่งอันนี้จะเป็นเกี่ยวข้องกับการนําเทคโนโลยี เป็นเรื่องของAIเข้ามาช่วยให้แก้ไขปัญหาทางธุรกิจตั้งแต่การสร้าง data platform ไปจนถึงการทําเรื่องของ machine learning model ต่าง ๆ เรื่องgenerative a i ด้วยที่เป็นเรื่องล่าสุดที่เติมเข้ามา เรื่องของCyber Security เป็นอีกด้านนึงที่เราเองมีความเชี่ยวชาญ
- ไปจนถึงการบริหารจัดการโครงการขนาดใหญ่ที่มีความซับซ้อนสูง
- คือนักการนําแพ็กเกจซอฟต์แวร์ต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็น แพ็คเกจซอฟต์แวร์จากทาง Partnerที่เป็น บริษัทเทคระดับโลกหรือในฝั่งแพลตฟอร์มที่พัฒนาขึ้นเองโดยบริษัทในเครือ
- ในฝั่งแพลตฟอร์มที่เป็น international อย่างเช่น SAP aws ในฝั่งของที่เราเป็นเจ้าของ ไม่ว่าจะเป็นระบบ HR ระบบที่นํา ERP ขึ้นมาใช้บนมือถือ ระบบที่ทําเรื่อง E Signature รวมไปจนถึงเรื่องของระบบที่วางตัวโครงสร้างให้กับแอปพลิเคชันที่ต้องใช้ทรานแซคชันจํานวนมาก
- ซึ่งปัจจุบันJVที่เป็นตัวหลัก ๆ ของทางBluebikมีอยู่ 3 ตัวจะประกอบด้วย
- Orbit Digital ดิจิทัลที่ทํากับทาง OR เน้นไปที่ ช่วยทําให้ORทําการทําดิจิทัลทรานส์ฟอร์เมชันORเป็นไปได้อย่างสมบูรณ์ รวมไปถึงทําเรื่องของ data moneyization ด้วย
- Sauce skills ที่ทําร่วมกับทาง the standard เพื่อทําให้สามารถที่ offer งานที่เป็นลักษณะของ leadership training เข้าไปสู่องค์กรชั้นนําได้
- ECOx เน้นไปที่เรื่องของกรีนเทคโนโลยีและเรื่องของคาร์บอนแอคเคาท์ติ้ง
- เรามีการทํางานกับลูกค้าในประเทศอื่น ๆ ที่ไม่มีออฟฟิศด้วยไม่ว่าจะเป็นทางสิงคโปร์ทางอินโดนีเซีย แต่ว่าเราเองยังมองหาตลาดใหม่ ๆที่จะบุกต่อไป
- สองไตรมาสที่ผ่านมา เป็นช่วงที่ได้เห็นถึงสถานการณ์ที่มีความไม่แน่นอนในเชิงของเศรษฐกิจแล้วก็ในภาพใหญ่ของลูกค้าองค์กรขนาดใหญ่ต่าง ๆ อาจจะมีความกังวลในการลงทุนอยู่บ้าง ทําให้มีการชะลอตัวในหลายส่วน
- สะท้อนลงมาให้เห็นถึงผลประกอบการเช่นกัน แต่ต้องบอกว่าทาง Bluebik ยังทําได้ค่อนข้างดี ถ้าดูผลประกอบการ 6 เดือนที่ผ่านมาเทียบกับปีที่แล้ว ท็อปไลน์ยังสามารถรักษาการเติบโตได้ดีมาก เติบโตอยู่ที่ระดับถึงประมาณ 17% เลย ซึ่งในสภาวะแบบนี้ถือว่ายังเติบโตได้ค่อนข้างดี
- แต่ Net Profit เทียบ YoY แล้ว ครึ่งปีที่ผ่านมาลดลงประมาณ 14% สาเหตุส่วนนึงถึงแม้ว่า Top Line จะโตต้องบอกว่าในปีที่ผ่านมามีการขยาย Capacityและมีค่าใช้จ่ายที่เพิ่มขึ้นจากการลงทุน ที่คาดหวังว่าปีนี้จะมีการเติบโตที่สูงกว่านี้ แต่ว่าด้วยสภาวะที่เกิดขึ้น และการบริหารจัดการที่อาจจะยังไม่สมบูรณ์ทําให้ไม่สามารถที่จะหารายได้เข้ามาได้เพียงพอในช่วงครึ่งปีแรก คือเติบโตน้อยกว่าที่คาดการณ์ไว้
- ทําให้ค่าใช้จ่าย เลยอาจจะโตเกินกว่าที่คาดการณ์ไว้ด้วยเช่นกันทําให้กําไรลดลงอันนี้คือปัญหาที่หนึ่งแต่ว่าจริงแล้วยังบอกว่ายังมีปัญหาอื่น ๆ ที่เป็น one time พอสมควรที่เป็นตัวปัจจัยกดดันกําไร อย่างเช่น เรื่องของค่าเงินบาทที่ในช่วงครึ่งปีแรกที่ผ่านมามีการอ่อนตัวค่อนข้างเยอะและทําให้ต้นทุนที่เป็น Licnese ต่าง ๆ ได้รับผลกระทบตรงนี้พอสมควร
- รวมถึงจะมีค่าใช้จ่าย one time ที่เป็นในด้านของภาษี
- แน่นอนว่าอีกส่วนนึงที่เป็นปัจจัยที่ที่สําคัญไม่แพ้กันคือว่า เราเองมีการขยายกลุ่มธุรกิจใหม่ ๆ ที่ตอนนี้อาจจะอยู่ในช่วงอินเวสเมนท์ด้วย ตัว profit ต่าง ๆ อาจจะยังไม่ได้สูงมาก เป็นช่วงเปิดตลาดในหลายหลายServiceใหม่ ๆ เป็นปัจจัยกดดันกําไร
- แต่ว่าทั้งนี้ทั้งนั้น ทางบริษัทยังมองว่าเราถือว่าประคองตัวมาได้ผลกําไร แต่ว่าแน่นอนให้เห็นถึงศักยภาพของบริษัทว่าในช่วงครึ่งปีที่ผ่านมา แสดงแนวโน้มของการเติบโตในฝั่ง Top line ได้ดีน่าจะเป็นจุดที่ทําให้ทุกคนสบายใจได้มากขึ้นกับการเติบโตในอนาคตต่อไปว่าเรายังอยู่ในช่วงที่สามารถที่จะเติบโตต่อได้ในระดับที่สูง
- ถ้ามองย้อนกลับไป เราทําNew Highมาได้ทุกปีแล้วสร้างการเติบโตปีต่อปีได้ระดับที่สูง เพราะฉะนั้นเป้าหมายปีนี้ยังเป็นเป้าหมายที่อยากจะสร้างNew Highต่อไป ทั้งรายได้ และ กำไร
- Backlogในไตรมาสนี้ถือว่าเป็นประวัติการณ์นะค สูงสุดเท่าที่เคยทํามาBacklogในภาพรวมตั้งแต่ตัวบริษัทแม่ จนถึงบริษัทลูก และจอยซ์เวนเจอร์รวมกันอยู่ที่ 1,377 ล้าน ซึ่งถือว่าสูงที่สุดเลย ถือว่าเราได้แก้ปัญหาได้ดีในช่วงไตรมาสหนึ่ง ไตรมาสสองที่ผ่านมาคงเป็นผลส่วนหนึ่งจากการที่ทํา reorganization ในช่วงครึ่งปีแรกด้วยที่ทําให้การทํางานของมีความลงตัวมากขึ้นแล้วได้ leadership ที่ค่อนข้างแข็งแรงเข้ามาจอย ตรงนี้ช่วยให้บริษัทสามารถสร้างผลงานต่าง ๆ ได้ดีขึ้น
- ยังรักษาฐานrecurringอยู่ในระดับที่สูง ตอนนี้ 50% ของรายได้ทั้งหมด
- รายได้ยังมีการเติบโตเพิ่มขึ้น ถ้าเทียบ 6 เดือนปีนี้ปีที่แล้ว เพิ่มขึ้นประมาณ 100 ล้านหรือคือเกือบเกือบ 17%
- ต้นทุน ค่าใช้จ่าย มีสัดส่วนสูงขึ้นอันนี้คือตามการเติบโตของเรา ที่ผ่านมามีการจ้างบุคลากรที่เพิ่มขึ้น ลงทุนใน office เพิ่มขึ้น การขยายตัวต่าง ๆ
- ส่วนที่มีตัวเลขที่ลดลงอย่างมีนัยสำคัญจะเป็นใน part ของกําไรที่ปันให้กับ minority interest คือส่วนที่ปันให้กับผู้ถือหุ้นส่วนน้อย ลดลงค่อนข้างเยอะ หลัก ๆ คือมาจากที่ต้นปีนี้มีการ aquire portion ของบริษัทอินโนวิชเพิ่มเติมอีกประมาณ 30% เลยทําให้กําไรสุทธิที่เป็นสําหรับตัวบริษัทใหญ่ในช่วงครึ่งปีแรกอยู่ที่ 110 ล้านบาท อันนี้คือลดลงจากปีที่แล้วอยู่ที่ประมาณ 12%
- รายได้ของครึ่งปีนี้ 708 ล้าน มีการแยก Segment เพิ่มเติม
- DX คืองานที่เป็ นส่วนของ IT Consult รวมไปถึงการพัฒนาระบบที่เป็นระบบคัสตอมเมท ไม่ได้ผูกกับตัวดิจิทัลแพลตฟอร์มโดยเฉพาะ
- แต่ว่าแยกออกมาเป็นส่วนสีฟ้าอ่อน ตัวนี้ตัวดิจิทัลแพลตฟอร์มเนชั่นหลัก ๆ คือในพาร์ทของ ERP CRM ซึ่งรายได้หลักตรงนี้คือตัว Microsoft ไดนามิกที่ทํากับตัว SAP
- ปีนี้ในรูปแบบของการServiceงานในการ ไปขายงานพยายามทําให้เป็นอินดิเกรตมากขึ้นคือผสมผสานงานที่เป็นฝั่งของ Business เข้าไปในงาน Tech เพิ่มเติม
- 6 เดือนปีนี้ ส่วนที่เพิ่มขึ้นมาอย่างมีนัยยะสำคัญเลยจะเป็นตัวportionที่อยู่บนสุด สีดําอันนี้จะเป็นในเรื่องของรายได้ที่มาจาก corporate training มีการเติบโตในไตรมาสสองที่ค่อนข้างมาก
- ในไตรมาสสองนี้ในการเติบโตเกิน 100%เมื่อเทียบกับรายได้ปีที่แล้วของเค้าทั้งปี แล้วในส่วนนี้ expect ว่ารายได้ของ corporate training เมื่อลูกค้าได้มีโอกาสใช้บริการเราทคืออาจจะหลีดไปสู่งาน core Serviceอื่น ๆ ของด้วยเช่นเดียวกัน
- ตัวเลข 6 เดือนอยู่ที่ 317 ล้านมีการเติบโตจาก 6 เดือนของปีที่แล้วอยู่
- แต่ถ้ามาดู GPM เทียบกับปีที่แล้วตัวเลขอาจจะดูลดลงหลัก ๆ เกิดจากผลในเรื่อง short term สามสี่เรื่อง
- ในเรื่องแรกคือ ในช่วงไตรมาสสองมีการได้รายได้มาน้อยไปกว่าที่ตั้งเป้าไว้ คือส่วนนึงมาจากส่วนของรายได้ต่างประเทศที่ตัวเลขที่ได้รับรายได้จริงไม่เท่ากับที่ประเมินไว้ตอนต้น
- ส่วนที่สองคือจะเป็นส่วนของในบางโปรเจกต์ที่มีความจําเป็นเร่งด่วนที่จะต้องใช้เอาท์ซอร์สในสกิลที่ขาดแล้วยังไม่สามารถที่จะเมเนจบุคลากรภายในหรือว่ารีสกิลได้ทันอันนี้คือเป็นชอร์ตเทอมที่เกิดในช่วงไตรมาสสองที่ผ่านมา
- แล้วรวมถึงครึ่งปีแรกมีค่าเงินบาทที่อ่อนตัวลง เลยทําให้ต้นทุนในส่วนsubscriptionเพิ่มสูงขึ้น
- หากดูที่สัดส่วนรายได้ที่โตขึ้นในรอบนี้อย่างเช่นCooperate Trainingอันนี้เป็นรายได้ส่วนที่ GPM อาจจะต่ำกว่าตัวที่เป็น ฉนพำ Serviceปกติของเรา เนื่องจากว่าต้องมีต้นทุนในการ outsourceต่าง ๆ เพิ่มเติม แต่ว่าคาดหวังว่าในส่วนนี้แม้ GP อาจจะน้อยหน่อยแต่ว่าต้องลีดมาสู่รายได้ที่ใหญ่ขึ้นเพิ่มเติมในกลุ่มงานอื่น ๆ
- รวมไปถึงรายได้ ERP ที่มีการเติบโตในส่วนนั้นมีรายได้ที่เป็นการ ฑResale Licenseอยู่ รายได้ที่เป็นไลเซนส์อย่างที่ทราบกันคือGPMจะไม่ได้เทียบเท่ากับGPMในส่วนงานที่เป็น Core Serviceอยู่แล้ว แต่ว่าในส่วนนั้นจะเป็นrecuringรายได้ที่คาดหวังในอนาคตด้วย
- จะเห็นว่าตัวเลขกําไรสุทธิลดลงเมื่อเทียบ 6 เดือนอยู่ที่ 114 ล้านลดลงมาแล้วNPMลดลงด้วยจากประมาณ 20% บวกลงมาอยู่ในระดับประมาณ 16% อันนี้หลัก ๆ คือจากปัจจัยของ GPM ที่ได้อธิบายไป รวมไปถึง ค่าใช้จ่าย selling admin ที่มีการเพิ่มสูงขึ้นจากการที่มีการ reorganize และส่วนของ one time expense ภาษีของตัวกลุ่มบริษัทที่เกิดจากการต้องจ่ายภาษีเพิ่มเติมในปีที่ผ่านผ่านมามูลค่าประมาณ 4 ล้าน ซึ่งหากตัดออกไป กําไรที่เกิดจาก normal operation ของเราควรจะอยู่ที่ประมาณ 118 ล้านสําหรับครึ่งปีนี้
- เมื่อเปรียบเทียบกับสิ้นปีที่แล้ว สินทรัพย์ลดลงประมาณ 200 กว่าล้านหลัก ๆ คือจะมาจาก cash ที่ลดลงจากการที่ไป acquire สัดส่วนอิโนวิชที่เพิ่มเติมขึ้นมาในช่วงต้นปีแล้วในฝั่งของหนี้สินตัวเลขลดลง
- ส่วนของผู้ถือหุ้นที่ลดลงจริงๆคือมีกําไร สําหรับ 6 เดือนที่เข้ามา แต่ว่ามีขาของdividendที่จ่ายไป รวมไปถึงมี share discount ที่เกิดจากการ acquireอิโนวิชที่เพิ่มเติมขึ้นมาด้วยเช่นเดียวกัน
- D/E Ratio ยังแข็งแรงอยู่ แทบจะไม่ได้มี IBD โดย D/E อยู่ที่ระดับ 0.23 เท่า
- ROA ROE ตัวเลขอาจจะดรอปลงจากไตรมาสที่ผ่านมาเนื่องจากกําไรของไตรมาสนี้ที่ย่อลงมาเล็กน้อย ROA 14% ROE 15% แต่อย่างไรตามตัวเลขนี้เป็นตัวเลขที่ค่อนข้างสูงถ้าเปรียบเทียบกับตลาด
- ในช่วงครึ่งปีแรกมีสถานการณ์หลายหลายอย่างที่คิดว่าค่อนข้างที่จะท้าทาย แต่เรามีความมั่นใจมากขึ้นในครึ่งหลังของปีนี้ เพราะว่าคิดว่าในหลายหลายส่วนที่พยายามที่จะทําในครึ่งปีแรก ได้เริ่มส่งผลแล้ว
- ยกตัวอย่าง อย่างเช่นเรื่องของการทํา reorganization ในช่วงที่ผ่านมาเราก็ได้leadershipมาเพิ่มไม่ว่าจะเป็นในกลุ่มของผู้บริหารระดับสูง เคยประสบการณ์ทํางานกับบริษัท consulting ระดับโลก แล้วเคยบริหารงานบริษัทขนาดใหญ่ในต่างประเทศ และล่าสุดมีการแต่งตั้งกรรมการเพิ่มเติม เข้ามาช่วยเป็นหนึ่งในกรรมการที่ช่วยกํากับดูแลทางบริษัทด้วย เช่นเดียวกับ ทีมเซลล์ต่าง ๆ มีการ reorganization ทำเพิ่มเติมทําให้ทีมงานของมีความพร้อมมากขึ้น ตอนนี้เรียกได้ว่า 90% แล้วที่ได้เดินกันมา ถือว่าเริ่มลงตัวมากขึ้น คิดว่าจะช่วยให้งานของอนาคตสามารถเดินไปได้อย่างมีประสิทธิภาพสูงขึ้น
- ที่ผ่านมาอีกอย่างนึงที่พยายามจะโฟกัสมาก ๆ จะเป็นเรื่องของการ improve resource utilization เนื่องจากปีที่แล้วเองมีการทํา acqusition ใหญ่ ๆ สองบริษัท resource utilization ก่อนที่จะเข้ามารวมอาจจะอยู่ในระดับต่ำประมาณสัก 50% โดยที่ Target ที่ทําปกติทําอยู่ที่ประมาณ 70% คิดว่า Gap ตรงนี้เราพยายามที่จะอิมพรูฟให้ได้ซึ่ง ตอนนี้สามารถทําได้ในระดับนึง แต่ว่ายังไม่ได้เต็มที่คือจาก 50% ในกลุ่มนั้น ขึ้นมาได้ถึงประมาณสัก 55% แต่ว่ายังมีความคาดหวังจะอัพลิปตรงนี้ขึ้นไปถึงระดับประมาณสัก 60% ซึ่งตรงนี้จะทําให้สามารถรีดศักยภาพของทีมงานขึ้นมาได้มากขึ้น แล้วจะช่วยเรื่องการทำกำไรได้ดีขึ้น เพราะว่าตอนนี้ประเด็นที่เห็นคือว่ามีงานเข้ามา แต่ในเรื่องresourceค่อนข้างตึงตัว
- อีกส่วนหนึ่งจะเป็นเรื่องของการที่พยายามที่จะเริ่มสตีลแชร์จากผู้เล่นที่เป็นโกลบอลเฟิร์มมากขึ้น ซึ่งตรงนี้เราเอง เดินมาค่อนข้างถูกทางหลายหลายส่วน ได้รับการrecognized จากลูกค้าเป็นโปรเจกต์ที่เป็นสิ่งสําคัญว่าสามารถช่วยเค้าได้ได้ดีกว่าคู่แข่งหลายหลายเจ้าด้วย ทําให้ตอนนี้เองได้รับการยอมรับมากขึ้น แล้วเริ่มที่จะได้ส่วนแบ่งตลาดที่ดีขึ้นเรื่อย ๆ
- แล้วเชื่อว่าจากที่ทํามาทั้งหมดตอนนี้เริ่มเห็นว่าการที่ pipeline ของโฟลว์ของงานที่ผ่านมือเข้ามา มีความชัดเจนมากขึ้น แล้วมีโอกาสที่น่าสนใจสูงขึ้น
- ในครึ่งหลังของปี เรายังมีความคาดหวังใน External Factor หลาย ๆ อย่างด้วยอย่างเช่นในเรื่องของการฟื้นตัวของเศรษฐกิจ ซึ่งแน่นอนว่าในช่วงครึ่งปีที่ผ่านมาต้องบอกว่าเราได้พูดคุยกับหลายหน่วยงาน หลายองค์กร ทุกคนจะพูดเป็นสิ่งเดียวกันว่ามีความยากลําบากมาก แต่ทุกคนยังมีความคาดหวังว่า ในช่วงครึ่งปีหลังหรือแม้กระทั่งเป็นปีหน้า ปีถัดถัดไป สถานการณ์หวังว่าจะคลี่คลายมากขึ้น เพราะว่าคาดหวังว่าด้วยเศรษฐกิจแบบนี้น่าจะมีคนที่สนใจที่จะมาลงทุนใน valuation ที่ถูกหรืออะไรในบริษัทต่าง ๆ ที่ตอนนี้เป็นอยู่ หรือว่าtourismอะไรต่าง ๆ higi season จะมาช่วงประมาณปลายปีหวังว่าจะช่วยมาผลิตฟื้นให้ธุรกิจดีขึ้นได้ด้วย
- แล้วในเรื่องของ Technology Investment ต้องบอกว่า demand ยังแข็งแกร่งมากบริษัทหลายหลายบริษัทที่มีการชะลอไปจริงจริงแล้วแผนระยะยาวเค้ายังไม่ได้เปลี่ยนเท่าที่ไปคุยคือแผนลงทุน 3 ปี 5 ปียังเหมือนเดิมโดยเฉพาะ เมกะเทรนด์ที่เข้ามาเช่นAIจะเป็นบูสเตอร์ในช่วงสองสามปีข้างหน้าที่จะทําให้เกิดการลงทุนอีกเวฟนึงเพราะฉะนั้นในส่วนนี้ยังเห็นถึงแผนการข้างหน้าที่ชัดเจน ว่าทุกบริษัทยังลงทุนหรือแม้กระทั่งเรื่อง cloud Provider ที่บุกเข้ามาในประเทศไทยเพื่อที่จะมาเปิดเดต้าเซ็นเตอร์เป็นเรื่องดี เพราะทําให้ธุรกิจต่าง ๆ ที่ต้องการที่จะทรานซ์ฟอร์มขึ้นคลาวด์จะมีตัวเลือกที่เขาสามารถใช้โลคัลดาต้าเซ็นเตอร์ได้ ที่ provide โดย cloud provider
- งบประมาณภาครัฐ เป็นอีกปัจจัยหนึ่งที่เชื่อว่ามีผลกับเศรษฐกิจ เพราะว่าตอนนี้จะเห็นได้ว่ารัฐบาลเริ่มมีการกลับมาลงทุน มีการเบิกจ่าย ทําให้ภาคเอกชนมีความมั่นใจมากขึ้น
- เราเองมีการกระจายความเสี่ยงพอร์ตโฟลิโอ มีการเข้าไป explore ในงานของภาครัฐมากขึ้น เพื่อจะดูว่าในส่วนที่เรา Provide Serviceต่าง ๆ มีส่วนไหนที่สามารถที่จะนําไปสร้างประโยชน์ให้กับทางหน่วยงานภาครัฐได้บ้าง ซึ่งตรงนี้เริ่มมีงานที่เข้ามาบ้าง แต่ว่าแน่นอนว่าโฟกัสภาคใหญ่ ๆ ของเรายังเป็นองค์กรเอกชน
- ปีนี้ได้ BOI กับบริษัทในเครือหลัก ๆ ได้ค่อนข้างครบถ้วนแล้ว ที่เห็นค่าใช้จ่ายภาษีที่อาจจะสูงขึ้นมาเป็น one time เพราะฉะนั้นถ้าnormalizeส่วนนั้นออกไป เราเริ่มเข้าไปตามเป้าหมายของแล้ว เชื่อว่าปีนี้จะได้รับ benefit ได้เต็มหน่วยมากขึ้นเมื่อเทียบกับปีที่แล้ว ตรงนี้จะช่วยให้ตัว Bottomline ของเราดูดีขึ้น
- ในส่วนที่สองจะเป็นเรื่องของการทำ integration เพื่อให้เกิด economy of scaleพอมีสเกลแล้วหลายส่วนอาจจะเรื่องของต้นทุนที่เป็นคนต้นทุนคงที่ น่าจะสามารถลดได้ด้วย
- In-organic Growth ปีนี้มีการเดินหน้าคือมีการซื้อหุ้นส่วน 30% ของอินโนวิชเข้ามาตรงนี้น่าจะช่วย โดยเฉพาะในครึ่งปีหลังที่มีความคาดหวังว่าตัวธุรกิจจะมีการ pick up มากขึ้นของทางอินโนวิช ถ้าเกิดว่ามีกําไรเพิ่มเข้ามา เราก็จะได้ส่วนแบ่งกําไรที่อยู่ในระดับถึง 85% ส่วน M&A เรายังมีการ explore เพิ่มเติมอยู่เรื่อย ๆ ฟกัสของคงจะเป็นไปที่บริษัทที่ size เล็กมากมากหน่อยที่ไม่ต้องใช้เงินทุนเยอะ แต่มองว่ามี strategic fit กับทาง group ของเราเป็นหลักแล้ว
- ในกลุ่มของ global market expantion ยังเชื่อว่าตลาดต่างประเทศหลายหลายตลาดมีศักยภาพสูงมาก และด้วย quality ของ service ที่เรา provide ไม่ได้แพ้บริษัทที่เป็น global firm แน่นอนเ พราะงั้นตรงนี้ตลาดต่างประเทศยังเป็นแผนที่เรายังบุกต่อไป
- Core Service ที่ยังมีโมเมนตัมที่ดีอย่างที่ได้เรียนไปตอนต้นว่าปีนี้เน้นเรื่องของการ Integrate ตัวServiceมากขึ้น เพราะตรงนี้จะเป็นจุดแตกต่างของเรา ทําให้ตอนนี้งานลักษณะที่เป็นการIntegrateร่วมกันในหลายหลายServiceมีจํานวนสูงขึ้นแล้วมีโมเมนตัมที่ดี เป็นกลยุทธ์ที่เชื่อว่าจะสามารถจะสร้างgrowthได้ในปีนี้ แล้วในปีนี้โฟกัสที่เหลืออยู่ทั้งปีน่าจะเป็นในเรื่องของ execution เพื่อดูว่าจะสามารถexecuteยังไงเพื่อไม่ให้ cost ของเราเพิ่มเติมมากขึ้นเนื่องจากว่าจํานวนงานที่เข้ามาตอนนี้เมื่อเมื่อ match จํานวนคนแล้วยังค่อนข้างตึงตึงอยู่ในเชิงว่าจํานวนคนอาจจะจะไม่เพียงพอได้ แต่พยายามควบคุมว่า เรายังสามารถดึงศึกยภาพออกมาจากบุคลากรในบริษัทได้ตรงนี้ยังเป็นแผนที่ทางบริษัทยังต้องพยายามดําเนินหน้าต่อไปเพื่อให้เกิด Efficiency สูงขึ้น แล้วเชื่อว่าในปีนี้เรื่องของสถานการณ์ เมื่อเทียบกับไตรมาสที่ผ่านมาตอนนี้มีความมั่นใจมากขึ้นกับการทํางาน
Q&A
ภาพรวมของBacklogในช่วงไตรมาสสอง ถ้าเกิดว่าเปรียบเทียบกับไตรมาสแรกจะเห็นว่าเพิ่มขึ้นมาประมาณ 5 ร้อยล้านบาท พอจะมีความเป็นไปได้หรือไม่ที่ในช่วงไตรมาสสามและสี่ อัตราการเพิ่มขึ้นจะใกล้เคียงกับระดับเดิม และถ้าเกิดว่าสามารถเมนเทนอัตราการเพิ่มได้ตามที่แจ้งไปเบื้องต้นจะส่งผลยังไงบ้างต่อเป้าหมายการเติบโตในปี 68
- คิดว่าในไตรมาสถัดไป pipeline ตอนนี้ถือว่าดูแน่นกว่าช่วงต้นปีเยอะพอสมควรเพราะฉะนั้นโดยทิศทางน่าจะยัง convert งานได้ในระดับที่สูงอยู่แต่ถามว่าจะเท่ากับไตรมาสสองหรือไม่หรือจะเยอะกว่าหรือจะน้อยกว่าตอบกันได้ยากมาก เพราะว่าแน่นอนว่าในแต่ละคนเจคในแต่ละงานจะมีชาเลนจ์ของมันเอง ซึ่งตอนนี้ก็เห็นทั้งมีทั้งโปรเจกต์ไซซ์ใหญ่ ไซซ์เล็ก
- ช่วงปีที่เหลือคือเราโฟกัสการทําให้บริษัทมีผลกําไรเป็น new high และผลrevenueเป็น new high ตรงนี้ยังเป็น focus ที่สําคัญที่สุดอยู่ แล้วแน่นอนbacklogที่ build ขึ้นมาตอนนี้ไปถึงปีหน้า เชื่อว่าตอนนี้ที่บิวด์ได้เพิ่มเติมจะช่วยเสริมความมั่นใจในการเติบโตของปีหน้าได้มากขึ้น เป็นเป็นสิ่งที่คาดหวัง
- แต่ถ้าเป็นเบสท์เลยได้งานมาเยอะมาก อันนี้แน่นอนว่าปีหน้าอาจจะเหนื่อยน้อยลง แต่ว่าอยากให้มองในมุมนี้มากกว่าว่าตอนนี้จริงจริงผู้บริหารเองคงไม่สามารถทํานายได้ว่า Backlog จะเข้ามาไตรมาสละเท่าไหร่ แต่ว่าถ้าถาม indicator ในทรงปัจจุบันต้องบอกว่าดูดีกว่าในครึ่งปีแรก
- ไตรมาสสองอาจจะเป็นไตรมาสที่ปิดได้เยอะเป็นพิเศษนิดนึงอันนี้คงจะมีการสวิงเป็นไปได้บ้าง ต้องดูในจังหวะและในแต่ละโปรเจคอีกทีหนึ่งว่าจะปิดเข้าแต่ละไตรมาสไหน
- อาจจะขออนุญาตไม่แจกแจงเป็นรายประเทศแต่ว่าถ้าเทียบเป็นงานต่างประเทศตอนนี้ยังเป็นสัดส่วนที่ไม่ได้เยอะมาก ส่วนใหญ่ตอนนี้ยังโฟกัสกับงานที่เราเวิร์กมาในตั้งแต่ต้นปี เพื่อให้ปิดงานได้
- แต่งานที่ต่างประเทศ สองสามประเทศที่เวิร์กอยู่เป็นอยู่ในสเตจที่เป็นลีดอยู่ ยังไม่ได้ convert
- ต้องบอกว่าอันนี้ส่วนใหญ่จะมาจาก project อันนึงอะที่อยู่ในต่างประเทศซึ่งจริงจริงแล้วที่ผ่านมาคิดว่าเรื่องการเบเงินในไตรมาสนี้น่าจะจบสิ้นไม่มีปัญหาจริงจริงแล้วเค้ามีการทํา process เรื่องของการจ่ายเงินไปแล้ว เพียงแต่ว่าเรามีการขอเปลี่ยนเรื่องของบัญชีรับเงินนิดนึงอะ เลยทําให้ process ต้องไปเริ่มใหม่ ไม่น่าไม่น่ามีปัญหาถ้าตอนนี้จะถามคือค่อนข้างมั่นใจว่าได้เงินเร็ว ๆ นี้แล้วอะเพราะว่าเค้า process มาแล้วแต่ขอเค้าเปลี่ยนเองไ ม่มีประเด็นอะไร แต่ส่วนที่เป็นส่วนอื่น ๆ ที่ยังเป็นเศษเหลืออยู่อันนี้เป็น normal operation
- เข้ามาเป็นกรรมการไม่ได้มีส่วนในการบริหารตัวบริษัทแต่แน่นอนว่าหน้าที่หลักของกรรมการคือการกํากับดูแล และ ให้ทิศทางให้กลยุทธ์กับทางผู้บริหารนําไปปฏิบัติต่อซึ่งโดยดร. สันติธาร เองเป็นผู้มีความรู้ความสามารถโดยเป็นผู้บริหารระดับสูงในองค์กรต่างประเทศ ไม่ว่าจะเป็นในสายของ Financial Service มาจนถึงในสายของเทคอย่างเป็น managing director หรือว่ากรรมการผู้จัดการใหญ่ ของบริษัทซีกรุ๊ปซึ่งเป็นบริษัทเทคระดับโลกเป็นเจ้าของทั้งอีคอมเมิร์ซทั้งเกมทั้งซอฟต์แวร์เพย์เมนต์อะไรต่าง ๆ แล้วปัจจุบันเองยังเป็นหนึ่งในกรรมการนโยบายดอกเบี้ยด้วยแล้ว ถือว่าเป็นหนึ่งในที่ปรึกษาด้านของ future ready transformation เป็นผู้ที่มีประสบการณ์แล้วน่าจะเข้ามาช่วยเสริมมุมมอง ช่วยชี้ทิศทางให้แนวทางกับผู้บริหารได้ในการที่จะผลักดัน Bluebik ให้เติบโตต่อไป
- แนวโน้มตอนนี้ถ้าเทียบกับครึ่งปีที่ผ่านมาดีขึ้น ดีขึ้นชัดเจน เชื่อว่าอย่างที่ได้เรียนไปส่วนนึงคือเป็น sentiment ในตลาดที่พอรัฐบาลมีการกล้าลงทุนมากขึ้น ทําให้เอกชนมีความกล้าลงทุนตามมา
- แน่นอนว่าในเชิงเศรษฐกิจเชื่อว่าในภาพเศรษฐกิจอย่างมีความแน่นอน อันนี้ทุกคนเข้าใจตรงกัน แต่ในฝั่ง Tech เอง มองว่าถ้ามองกันจริงแล้ว Tech ยังเป็นสิ่งที่จําเป็นปัจจุบันทุกอย่างรันด้วยเทคโนโลยี เพราะฉะนั้นงานนี้ไม่ว่าจะอั้นมายังไงสุดท้ายจะต้องมีงานต่อไป
- แต่ว่าจะปิดงานได้เท่าไหร่นี้ จะเป็นสิ่งที่ทํานายได้ยากแต่ถ้าดูอินดิเคเตอร์ ปัจจุบันดูดีกว่าไตรมาสที่ผ่านมาแน่นอนแล้ว
- เป้าหมายการเติบโตปีแรกคงเป็นระดับสูงระดับ 20-30% คงเป็นหนึ่งใน Target แน่แน่ที่เรา set up กัน แต่ว่าแน่นอนว่า formal target คงจะมาคุยกันในไตรมาสถัดไปที่จะเป็นช่วงปลายปีที่คงจะต้องมีการหลังจากที่ทําแผน strategy ปีถัดไปเสร็จแล้ว
- งานที่เกี่ยวข้องกับทั้ง MC AI PMO จะดูเหมือนลดลง แต่จริงจริงแล้วจํานวนงานไม่ได้ลดลง จะกลายมาเป็นส่วนงานนึงของงานอื่น ๆ มากขึ้น เป็น Integrated Serviceมากขึ้น รายได้ที่เข้าตรงกับ BU มีอยู่น้อยลง แต่ในเชิงจริงจริง ต้องบอกว่าตอนนี้งานที่มีเรื่องของAIมีเรื่องเดต้ามาแตะจริง ๆ เป็นสัดส่วนที่ค่อนข้างเยอะ เทียบกับภาพรวม
- ตรงนี้เป็นโฟกัสเลย อย่างน้อยเป้าหมายแรกคืออยากจะทําให้เป็น new high อันนี้เราค่อนข้าง on track เลย และดูดี
- แน่นอนว่าชาเลนจ์เป็นในภาพของผลกําไรที่คงจะต้องควบคุมเรื่องของต้นทุนกันต่อไป เพราะว่าในช่วงที่ capacity ไม่สามารถที่จะเพิ่มขึ้นได้ทันทีทันใด ไม่อยากที่จะ อยู่ดีดีไปเพิ่มค่าใช้จ่ายที่ไม่จําเป็น เพราะว่ารายได้ที่เข้ามาในครึ่งปีหลัง โอเคดูค่อนข้างเยอะแต่ถ้าเพิ่มรายจ่ายไปด้วย กําไรจะเข้ามาไม่ไม่เต็มเม็ดเต็มด้วย
- การใช้ outsource อะไรต่าง ๆ จะเป็นสิ่งที่จะหลีกเลี่ย ตรงนี้เป็นสิ่งที่ท้าทาย เป็น priority ของผู้บริหารในครึ่งหลังเลย
- เชื่อว่ายังมีความเป็นไปได้ แน่นอนว่ายังเป็นโจทย์ที่ท้าทายมากเพราะว่ามีหลายปัจจัยเพราะว่า ปัจจัยนึงที่ตอนนี้มีผลสูงมากคือความเชื่อมั่น อย่างประเทศเราตอนนี้จะเห็นได้ว่าความเชื่อมั่นจากนักลงทุน ในต่างประเทศถดถอยไปค่อนข้างเยอะเพราะฉะนั้นตรงนี้จะมีผลกับเรื่อง valuation ซึ่งทําให้เป็นส่วนที่คงจะต้องมาพิจารณากันเหมือนกันว่าจะสร้างความเชื่อมั่นเหล่านี้ยังไงให้กับกลุ่มนักลงทุนต่าง ๆ
- แต่ว่าแน่นอนว่าแผนการในการเติบโตในเชิง operation คิดว่าในสถานการณ์ ณ วันนี้ สามารถบอกได้ว่าดีกว่าในช่วงสองไตรมาสที่ผ่านมา
- ถ้า operation เราเติบโต แล้วสามารถสร้างความมั่นใจได้ดีขึ้น โอกาสที่ที่จะเข้าไปใน SET100 ยังมีความเป็นไปได้
- การเข้าไปช่วยทาง DGA ในการพัฒนาตัว goverment super app ซึ่งจริงจริงแล้วต้องบอกว่า DGA เป็นผู้พัฒนาเองอยู่แล้ว เป็นเป็นระบบที่ดีเจได้พัฒนามาหลายปีแล้ว เป็นระบบที่มีการใช้งานกันจริงอยู่แล้ว เพียงแต่ว่าล่าสุดจะต้องมีการปรับปรุงเรื่องมีศักยภาพมีประสิทธิภาพมีฟังก์ชันฟีเจอร์มากขึ้น อย่างเช่น การมีระบบลงทะเบียนที่ต้องรองรับผู้ใช้งานระดับ 50 ล้านรายได้ ซึ่งอันนี้เป็นความเชี่ยวชาญของโรคอยู่แล้วในการที่จะทําระบบขนาดใหญ่ถือว่าระบบนี้มีน่าจะมีผู้ใช้งานเข้ามาใช้น่าจะเยอะที่สุดในประเทศไทยเท่าที่เคยมีมา ถือว่าเราสามารถทําไปได้ด้วยดีในส่วนแรก แต่ว่ายังมีส่วนอื่น ๆ อีกที่ต้องพัฒนากันต่อไป มีฟังก์ชันอื่น ๆ ที่จะต้องช่วยเสริมทัพ DGA แล้วมีเรื่องของ UI UX เรื่องของการ set up cloud infrastructure อะไรต่าง ๆ ที่ตรงนี้ทางฝั่งมีผู้เชี่ยวชาญอยู่หลายส่วนที่จะเข้าไปช่วย แน่นอนว่างานยังไม่จบยั งมีส่วนที่ต้องทําเพิ่มเติม ถามว่าอาจจะมีงานต่อยอดหรือไม่ อันนี้ขอให้เป็นopportunity อื่น ๆ ที่พยายาม explore ต่อไปแต่ว่าเชื่อว่าสิ่งนึงที่เกิดขึ้นหลังจากที่ทําโปรเจกต์นี้คือน่าจะมีหน่วยงานหลายหน่วยงานรู้จักทาง bluebik มากขึ้นแล้วมีความเชื่อมั่นมากขึ้นในการที่จะเห็น bluebik deliver โปรเจคขนาดใหญ่ให้กับภาครัฐได้
- ตรงนี้คงเป็นหนึ่งใน sentiment ที่ดีสําหรับบริษัท แต่แน่นอนว่าคงไม่ได้มองว่างานภาครัฐจะกลายมาเป็นภาครัฐจะกลายมาเป็นลูกค้าที่ใหญ่ที่สุดของอันนี้คงไม่ใช่ แต่คงจะสามารถกระจายพอร์ตมาสู่ในภาครัฐได้มากขึ้น
- แน่นอนว่าประโยชน์มีทั้งทางตรงทางอ้อม คือส่วนหนึ่งมีการให้บริการที่ให้กับสถาบันการเงินและบริษัทที่เกี่ยวข้องกับการเงินอยู่เยอะอยู่แล้ว เพราะฉะนั้นมีผู้เชี่ยวชาญในด้านนี้เยอะ มี success case ต่าง ๆ ค่อนข้างเยอะ เชื่อว่าตอนนี้เราเองมีการพูดคุยกับ candidate ที่ apply ตัว license virtual banking อยู่ พยายามจะหาจุดที่เข้าไปช่วยได้
- ว่าต้องบอกว่าตอนนี้ early state จริง ๆ หลายหลายเจ้ายังมีการปรับเปลี่ยน อะไรต่าง ๆ เยอะยังมีความไม่แน่นอนอยู่พอสมควร
- แต่ว่าทาง bluebik เองมีการengageมีการพูดคุยกับทาง candidate เหล่านี้อยู่เรื่อยเรื่อย
- หวังว่าทางตรงคือถ้าจะได้อานิสงส์คือจะเป็นงานที่เข้ามาหาได้โดยตรง แต่แน่นอนว่าในทางอ้อมต้องบอกว่าเวลามีลักษณะนี้ทั้ง industry ได้ประโยชน์กันทั้งหมดอยู่แล้ว