Page 1 of 1
[ WORK ] บริษัท เวิร์คพอยท์ เอ็นเทอร์เทนเมนท์ จำกัด (มหาชน)
Posted: Wed Nov 01, 2023 3:18 pm
by thanonlongtun_p
ผลประกอบการไตรมาสที่ 2 ปี 2566 หุ้น WORK
ที่มา: บริษัทหลักทรัพย์ โกลเบล็ก จำกัด
Re: [ WORK ] บริษัท เวิร์คพอยท์ เอ็นเทอร์เทนเมนท์ จำกัด (มหาชน)
Posted: Wed Aug 28, 2024 9:23 am
by thanonlongtun_p
Oppday Q2/2024 WORK บมจ. เวิร์คพอยท์ เอ็นเทอร์เทนเมนท์
VIDEO
ดาวน์โหลดเอกสารประกอบการบรรยาย
https://www.set.or.th/th/market/product ... y-snapshot
Re: [ WORK ] บริษัท เวิร์คพอยท์ เอ็นเทอร์เทนเมนท์ จำกัด (มหาชน)
Posted: Wed Sep 18, 2024 9:06 pm
by thanonlongtun_p
work-01.jpg (218.32 KiB) Viewed 1012 times
work-01.jpg (218.32 KiB) Viewed 1012 times
สรุปคลิป Oppday Q2/2024 WORK บมจ. เวิร์คพอยท์ เอ็นเทอร์เทนเมนท์
ภาพรวมผลการดำเนินงาน
ครึ่งปีแรก รายได้ 1,121.8 ล้านบาท -11% YoY กำไร 58.5 ล้านบาท -24%
โครงสร้างรายได้ไม่ต่างจากเดิมมากนัก TV 71% NON TV 29%
ครึ่งปีที่ผ่านมามีการลงทุนในบริษัทร่วม ในกลุ่มอุตสาหกรรมภาพยนต์และกลุ่มอุตสาหกรรมออนไลน์ บริษัท ‘โคตรคูล
รายได้รวมแบ่งออกเป็น 4 กลุ่มธุรกิจ
ธุรกิจรายการโทรทัศน์ ได้รับผลกระทบอย่างหนัก จากเศรษฐกิจที่มีการชะลอตัว รายได้ 6M/2024 ลดลง 11% มาอยู่ที่ 801 ล้านบาท
คอนเสริ์ตและละครเวที รายได้ 6M/2024 ลดลง 32% มาอยู่ที่ 129 ล้านบาท ซึ่งปีที่แล้วคอนเสิร์ตใหญ่จะไปอยู่ช่วงครึ่งปีแรก แต่ปีนี้คอนเสิร์ตใหญ่อยู่ในช่วงครึ่งปีหลัง ทั้งคอนเสิร์ตที่เป็นศิลปิลในสังกัดและศิลปินต่างประเทศ
รับจ้างจัดงาน ครึ่งปีแรก เติบโต 55% มาอยู่ที่ 137 ล้าน เนื่องจากลูกค้าเปลี่ยนกลยุทธ์แทนที่จะซื้อสื่อโฆษณาเพียงอย่างเดียว เริ่มหันมากระตุ้นยอดขายโดยการจัดการ event มากขึ้น
ขายสินค้าและบริการอื่น
ค่าใช้จ่ายอื่น ๆ บริษัทยังสามารถบริหารจัดการได้อย่างมีประสิทธิภาพ
ค่าใช้จ่ายบริหาร เพิ่มขึ้นเนื่องจากมีค่าใช้จ่ายที่เป็น one time
รายได้อื่นเติบโตขึ้น จากการที่นำสภาพคล่องที่รอในการลงทุนไปซื้อหุ้นกู้เพื่อเป็นการลงทุนชั่วคราว เพื่อให้เกิดผลตอบแทนที่ดีกว่าการฝากบัญชีออมทรัพย์ทั่วไป
กำไรพิเศษทางบัญชี หลัก ๆ เกิดขึ้นจากสองเหตุการณ์ ได้แก่ ได้อำนาจควบคุม T-Pop และ จากการซื้อสินทรัพย์ จากบริษัท FWR โดยการซื้อหุ้นคืน
เงินลงทุนในกิจการต่าง ๆ เดิมขาดทุนที่ 22.8 ล้าน ปัจจุบันกลับมาเป็นบวกที่ 22 ล้าน ธุรกิจที่กำไรเยอะมากคือธุรกิจภาพยนตร์
กลยุทธ์ธุรกิจโทรทัศน์
เศรษฐกิจชะลอตัว ค่อนข้างยากลำบากในการทำธุรกิจ แต่ workpoint มีแผนธุรกิจที่ตอบโจทย์ความต้องการลูกค้า จึงทำงานกับลูกค้าเป็นรายการ Tailor made และ กิจกรรม On Ground
กลยุทธ์ธุรกิจ Concert
จัดหา concert ศิลปินต่างประเทศ และเพิ่มการจัด concert ของศิลปินในสังกัด เพื่อสร้างฐานแฟนคลังให้แข็งแกร่ง
กลยุทธ์ธุรกิจ Event
ครึ่งปีแรกจัดไปแล้ว 33 งาน เทียบปีที่แล้วที่มีจำนวน 15-16 งาน
และขนาดของงานก็จัดใหญ่ขึ้นด้วย
ทำให้รายได้กลุ่มนี้โตขึ้นค่อนข้างมาก
กลยุทธ์ Goods & Service
ด้วยขนาดของโรงละคร รับผู้ชมได้เต็มที่ 1,000 ที่นั่ง เหมาะกับการจัดงาน FAN MEET / MINI Concert ทำให้มีงานลักษณะนี้เข้ามาต่อเนื่อง ถ้าจองคิววัน ศ-ส-อา ตอนนี้อาจต้องจองข้ามไปปีหน้าแล้ว
การลงทุน
ครึ่งปีแรกได้กำไรค่อนข้างเยอะ ทั้งจาก ธุรกิจภาพยนต์และบริษัทโคตรคูล
ภาพยนต์ อนงค์ Box Office กว่า 150 ล้านบาท ลงทุนร่วมกับ Karman Line / Jungka
รายการของโคตรคูลยังคงได้รับความนิยม ผู้ติดตามมากกว่า 3.27 ล้าน
แผนงานและพัฒนาการที่สำคัญในอนาคต
แผนยกเลิกการผลิตและออกอากาศรายการละคร ตั้งแต่ปี 2568 เป็นต้นไป ต้นทุนลดลงกว่า100-150 ล้านบาทต่อปี ปัจจุบันมีละครเหลือใน stock 4-5 เรื่อง หลังจากนั้นจะหยุดและใช้กลยุทธ์เดิมคืองานวาไรตี้ เกมโชว์ ที่ตอบโจทย์ลูกค้ามากกว่า
สร้างรายได้เพิ่มกับ OTT Platform นำรายการบางส่วนให้ผู้ชมรับชมย้อนหลังผ่านแพลตฟอร์มต่าง ๆ ปีละ 2-3 รายการต่อปี
เดินหน้าขยายธุรกิจ concert อย่างเต็มตัว ทั้งศิลปินจากต่างประเทศและ ศิลปินในสังกัด ตั้งเป้ารายได้เพิ่มขึ้น 15%-20% ในปี 2025
เอาสื่อและความรู้ที่มีมาสร้างมูลค่าเพิ่มกับลูกค้าที่เข้าร่วมโปรแกรมการทำ Brand แบบ Exclusive ตั้งเป้ารายได้ไม่น้อยกว่า 20-30 ล้านบาทปี 2025
สร้างศิลปินรุ่นใหม่ในกุ่ม T POP อย่างต่อเนื่อง เปิดตัวศิลปินรุ่นใหม่ XOXO NEXT GEN ในปี 2024 ตั้งเป้ารายได้ไม่น้อยกว่า 400 ล้านบาทใน 3 ปี
ตั้งเป้าลงทุนกลุ่มภาพยนต์อย่างน้อย 3 เรื่อง โดยทุกเรื่องปิดความเสี่ยงโดยการที่เจรจาล่วงหน้าในการตกลงมูลค่าสัญญา OTT Platform แต่ละเจ้า ปัจจุบันคุยกับทาง Netflix และครึ่งปีหลังจะเห็นรายการใหม่ ๆ ของโคตรคูล ทั้ง SITCOM และ วาไรตี้
กลยุทธ์ด้านความยั่งยืน
ปี 2025 ติดตั้ง solar rooftop บนหลังค่าสำนักงานทั้งหมด ประหยัดพลังงานไปได้ปีละประมาณ15ล้าน และจะมีกิจกรรมอื่น ๆ ตามมา
Q&A
Business Model ที่ร่วมทำกับ RBF น้ำหวาน Hello 4EVE มีวิธีการรับรู้รายได้และแบ่งหน้าที่ความรับผิดชอบกันอย่างไร เริ่มเมื่อไหร่
การรับรู้รายได้ เป็น revenue sharing
ทาง RBF รับผิดชอบเรื่องการผลิตและการกระจายสินค้าทั้งหมด เราดูแลเรื่องการกระจาย media ดูแลเรื่อง branding
เดือนกันยายน จะเริ่มเห็นสินค้ากระจายไปหลาย ๆ ที่
ไลน์ผลิตน้ำหวานตอนนี้ที่มีหนึ่งไลน์ เต็ม capacity แล้ว RBF จะขยายอีก 5 ไลน์ผลิต ทำให้ปีหน้ายอดน่าจะโตก้าวกระโดด ปีนี้เป็นการปูตลาด จัดการกระจายสินค้าให้ทั่วพื้นที่
คาดว่ารายได้จาก RBF จะเข้ามาในงบการเงิน 20-30 ล้านบาทต่อปีในอนาคต
อัตราการขาย และรายได้ค่าโฆษณาเป็นอย่างไร
ราคาขายลดลงจากปีที่แล้วตามสภาพเศรษฐกิจ เม็ดเงินโฆษณาลดลง ค่าเฉลี่ยราคาขายอยู่ที่ 30,000-35,000 อัตราการขาย 65% เทียบปีที่แล้วที่ 40,000 อัตราการขาย 50%
กลยุทธ์เลยกลายเป็นว่าแทนที่จะขาย spot ให้ลูกค้าอย่างเดียว ต้องเพิ่มการ Tailor made หรือการจัดกิจกรรม on ground ให้ลูกค้าเพื่อจะได้รายได้จากส่วนอื่นเพิ่มเติม
รีแคปเป้าหมาย 2024
ตั้งเป้ารายได้ 2,400 ล้านบาท
หลัก ๆ เกิดจากธุรกิจทีวี 1,600-1,700 ล้าน Concert 250 ล้าน และ event 300 ล้าน ที่เหลือเป็นธุรกิจขายสินค้า บริการ และอื่น ๆ
ด้านกำไร น่าจะเป็นปีที่ผลกำไรไม่ได้มากและอาจจะขาดทุน เพราะบริษัทมีความตั้งใจยุติการผลิตละคร จึงต้องรันละครทั้งหมดในปีนี้ ซึ่งจะกระทบงบการเงิน
แต่ 2025 บริษัทจะมีกำไรทันทีหลังจากรันละครออกไปจนหมดแล้ว เพราะเฉพาะตัวละครอย่างเดียว จะช่วยลดค่าใช้จ่ายในงบการเงินไป 100-150 ล้านบาทต่อปี
2025 คาดจะมีรายได้ 2,500 ล้าน กำไร 100 ล้าน
เล่าเพิ่มเติมธุรกิจภาพยนตร์
ลงทุนภาพยนต์ 3 เรื่องต่อปีอย่างน้อย เป็นธุรกิจที่แล้วแต่เรื่องว่าจะกำไรมากหรือน้อย
ในปี 2025 2026 เราได้ secure สัญญากับ OTT Platform ไว้แล้วส่วนหนึ่ง ดังนั้น ล้อคความเสี่ยงโอกาสขาดทุนจากการพึ่งพิงเฉพาะ Box office
บริษัท Karman Line และ Jungka เป็นบริษัทที่เราถือหุ้นด้วย การเลือกจังหวะปล่อยแต่ละเรื่องเราจะพอมีข้อมูลอยู่บ้างว่าควรออกเมื่อไหร่
จะมีค่าใช้จ่าย one time อีกหรือไม่ ในครึ่งปีหลัง
คิดว่ามี หลัก ๆ จากการปรับโครงสร้างการบริหารงานให้เหมาะสมกับธุรกิจ ว่าตัวไหนจะลุยต่อ ลงทุนเพิ่ม
ดังนั้นปีนี้คิดว่างบการเงินอาจจะไม่ดีหนัก แต่ปีถัด ๆ ไปมั่นใจว่าตามแผนธุรกิจวางไว้ น่าจะฟื้นเป็นกำไร
ตั้งเป้างบลงทุนในธุรกิจภาพยนต์ไว้เท่าไหร่
โดยสัญญา ปีละ 3 เรื่อง
รายได้ปี secure กันไว้ ผันไปตามงบประมาณการผลิต
การทำดีลลักษณะแบบนี้เข้าจะเชคว่าเราใช้งบเท่าไหร่
ตัวเลขกลาง ๆ ประมาณ 30 ล้านต่อเรื่อง
ถ้าหวือหวาก็ 40-50 แต่สเกลรายไดก็เพิ่มขึ้นตามสัดส่วน
ดังนั้น 3 เรื่อง ปีหนึ่งน่าจะใช้ไม่เกิน 100 ล้าน
ความคาดหวังราคาขายโฆษณา และอัตราการขาย ในปี 2025
หากเศรษฐกิจภาพรวมยังเป็นลักษณะนี้ คาดว่ารายได้น่าจะทรง ๆ ในธุรกิจรายการโทรทัศน์
ราคาขายน่าจะใกล้เคียงเดิมที่ 30,000-35,000
อัตราการขายเฉลี่ยทั้งปีที่ 60%
รายได้ใกล้เคียงเดิมที่ 1,650-1,700 ล้านบาท ในกลุ่มธุรกิจรายได้จากรายการโทรทัศน์
จึงเป็นส่วนหนึ่งของกลยุทธ์ที่กล่าวไปไม่ว่าจะเป็นการทำงานกับลูกค้ามากขึ้น รายการ Tailor made หรือการจัดกิจกรรม on ground และ online รวมถึงนำคอนเทนต์บางส่วนเข้า OTT Platform เป็นการกระจายช่องทางการหารายได้
ศิลปินใหม่จะเปิดตัวช่วงไหน
ศิลปินใหม่ ตั้งแต่เดือนตุลาคม
ส่วนศิลปินเดิม ปีหน้าจะเห็นภาพของตลาดต่างประเทศชัดขึ้น
นอกจากนี้ยังมีพาร์ทนอร์มาช่วยเราบางส่วน
ครึ่งปีหลัง มี concert ในมือกี่งานและมากกว่าปีที่แล้วเท่าไหร่
ที่ book ถึงสิ้นปีมี 20-25 event
Concert ศิลปินในสังกัด 4 งาน
นอกจากนี้ event ขนาดใหญ่และ concert ที่จัดเองก็มี
และมี concert ที่เราร่วมจัด
Concert ศิลปินต่างประเทศ 5 งาน
น่าจะเข้าเป้าที่วางไว้ รายได้จาก concert และละครเวที 350 ล้าน และ event 300 ล้าน
สัดส่วนรายได้จาก online media และขายสิทธิ์ให้ OTT Platform ประมาณเท่าไหร่ต่อปี
รายได้จาก online media 200-250 ล้านต่อปี
รายได้จากการขาย OTT Platform ปีนี้น่าจะ 20 ล้าน OTT Platform ใช้วิธี bookแล้วหารเฉลี่ย 3 ปี รายได้จะเกิดซ้ำทุกปี ๆ ขึ้นกับแต่ละสัญญา
รายการใหม่ ๆ ครึ่งปีหลัง
หลังจากนี้มุ่งหวังการเติบโตจากธุรกิจใดเป็นหลัก
รายได้ที่จะเป็นตัวลีดมาจาก 2-3 ส่วน คือ ศิลปิน ที่จะมีการเปิดต้องน้องใหม่ มาพร้อมกับ concert และ event ในส่วนของสื่อทั้งทีวี ออนไลน์ และ on ground เป็นส่วนสนับสนุนในการ growth ธุรกิจ
ครึ่งปีแรก มีส่วนแบ่งกำไรจาก โคตรคูลเท่าไหร่
3-4 ล้านบาท
ครึ่งปีแรกโคตรคูลกำไร 9-10 ล้านบาท แต่มีความเหลื่อมในการบันทึกบัญชีเลยอาจบันทึกมาได้ไม่เต็มที่
ยังเป็นไปตามแผน
มีความกังวลเรื่องอะไร ที่ทำให้รายได้และผลการดำเนินงานไม่เป็นไปตามเป้าหมาย
นอกจากปัญหาเศรษฐกิจก็เป็นเรื่องความท้าทายของทีมงาน เพราะส่วนใหญ่เป็นธุรกิจที่บริษัทเริ่มลงทุนในช่วง 3-4 ปีหลัง หลายธุรกิจเริ่มเห็นโอกาสการเติบโต ความท้าทายคือความตั้งใจที่จะให้เติบโตอย่างรวดเร็วจะเป็นไปตามแผนหรือไม่ แต่เชื่อว่าเติบโตได้ แต่เร็วหรือช้า
Concert ไทย ต่างประเทศ อัตรากำไรต่างกันหรือไม่
ถ้าไซส์ใหญ่ กำไร 20% ของรายได้ Top line ที่ 80-120 ล้าน
ไซส์เล็ก กำไร 15-20% ของรายได้ Top line 50 ล้าน
ถ้าเป็นconcertไทย มีโอกาสมีรายได้อื่นประกอบด้วย เช่น souvenir หน้างาน ซึ่งหลายศิลปิน เป็นเม็ดเงินไม่น้อย
ที่มา: https://www.youtube.com/watch?v=boziHB8Mpzo