5 ลักษณะของหุ้นที่ควรรู้
Posted: Thu Jul 27, 2023 9:15 am
5 ลักษณะของหุ้นที่ควรรู้
ใครหลายคนมักพูดว่า “การเล่นหุ้น” เป็นเรื่องที่ยาก เพราะมันคือโลกของการลงทุนที่มีทั้งกำไรและขาดทุน มีความผันผวนตามภาวะเศรษฐกิจ จึงทำให้คนที่กำลังคิดที่จะเริ่มลงทุน เกิดความวังกลใจ หรือวิตกกับคำพูดเหล่านี้
ซึ่งสำหรับมือใหม่ที่จะเริ่มต้นลงทุนในหุ้น สิ่งที่ควรรู้ของหุ้นแต่ละตัวในตลาดมีลักษณะที่แตกต่างกัน ทั้งพื้นฐาน ลักษณะของการเคลื่อนไหว หรือแม้แต่ลักษณะนิสัยของนักลงทุนเอง
แล้วเราจะรู้ได้อย่างไรว่าหุ้นตัวไหนมีลักษณะอย่างไร? ถ้าลงทุนไปแล้วจะได้ผลตอบแทนดีหรือไม่? วันนี้นี้จะพาเราไปรู้จักกับ 5 ลักษณะของหุ้นที่นักลงทุนควรต้องรู้
1. หุ้นเติบโต
คือ หุ้นที่มีสินทรัพย์ รายได้ กำไรสูง และขยายตัวมากกว่าหุ้นตัวอื่นที่อยู่ในกลุ่มอุตสาหกรรมเดียวกัน ประเด็นสำคัญคือหุ้นตัวนั้นมี “วิธีโต” อย่างไร ที่จะทำให้เรามีความมั่นใจว่าการเติบโตนั้นจะไม่หดตัวลงในภายหลัง ซึ่งดูได้จาก
- การขยายฐานลูกค้า ขยายสาขา ไปในที่ที่มีกำลังซื้อมาก
- มียอดขายสูงขึ้นต่อเนื่อง หรือบางครั้งก้าวกระโดด
- กิจการได้เปรียบทางการตลาดสูง หรือการแข่งขันของสินค้าเป็นแบบผูกขาด
- ต้นทุนต่ำ กำไรสุทธิสูง โตขึ้นทุกปี
หุ้นลักษณะนี้ มีข้อดีคือ “นักลงทุนมีโอกาสได้รับผลตอบแทนสูง” ส่วนข้อเสียของ
หุ้นเติบโตคือ “ได้รับเงินปันผลต่ำ”
2. หุ้นฟื้นตัว
คือ หุ้นที่เคยแย่หรือขาดทุนมาก่อน แต่เริ่มจะมีสัญญาณการฟื้นตัวชัดเจนขึ้น จึงมีโอกาสทำกำไรได้มาก แต่ความเสี่ยงก็มากด้วย ในบรรดาหุ้นทุกกลุ่ม กลุ่มนี้มีความเคลื่อนไหวสัมพันธ์กับตลาดน้อยที่สุด และมีความคาดหวังน้อยที่สุด เพราะเป็นหุ้นที่โตช้า แต่ถ้าหากว่าเราเลือกถูกตัว แล้วเมื่อหุ้นนั้นรอดกลับมาได้ มันจะให้ผลตอบแทนอย่างมหาศาล
หุ้นลักษณะนี้ มีข้อดีคือ “ราคาต่ำ” ส่วนข้อเสียของหุ้นคือ “ความเสี่ยงไม่กลับมาฟื้นตัว”
3. หุ้นปันผล
คือ หนึ่งในหุ้นหุ้นประเภทที่นักลงทุนต้องการมีเก็บไว้ในพอร์ตลงทุน เพื่อหวังที่จะได้เงินปันผลเป็นรายได้เสริม หรือรายได้หลักหลังเกษียณ หรือมีหุ้นปันผลเพื่อลดความเสี่ยงและให้มีอัตราผลตอบแทนที่ดีกว่าตลาด (Outperform) ในช่วงที่ตลาดหุ้นผันผวน เนื่องจากหุ้นลักษณะนี้ส่วนใหญ่จะเป็นบริษัทขนาดใหญ่ที่มีธุรกิจที่อิ่มตัวแล้วนั่นเอง
หุ้นปันผลนี้ มีข้อดีคือ “มั่นคง และได้รับปันผลสูง” ส่วนข้อเสียของหุ้นคือ “ธุรกิจเติบโตช้า” เพราะมีความอิ่มตัวแล้ว
4. หุ้นปลอดภัย
คือ หุ้นที่ไม่ค่อยได้รับผลกระทบจากภาวะเศรษฐกิจ เช่น ธุรกิจโครงสร้างพื้นฐาน
หรือเรียกได้ว่า หุ้นกลุ่มนี้จะเน้นเรื่องความมั่นคงเป็นหลัก เนื่องจากยังมีความต้องการใช้สินค้าหรือบริการของบริษัทอย่างต่อเนื่อง ทำให้กำไรของบริษัทยังคงที่เช่นเดิม แต่ในช่วงที่เศรษฐกิจขยายตัว หุ้นกลุ่มนี้ก็มักจะทำผลตอบแทนได้ดีไม่เท่ากับหุ้นอื่น ๆ ในตลาดเช่นกัน
หุ้นลักษณะนี้ มีข้อดีคือ “มีความผันผวนต่ำ” และข้อเสียคือ “ช่วงเศรษฐกิจเติบโต มักจะมีผลตอบแทนที่ต่ำกว่าตลาด”
5. หุ้นวัฏจักร
คือ หุ้นกลุ่มที่มียอดขายขึ้นและกำไรขึ้นลงเป็นประจำสม่ำเสมอ โดยเป็นไปตามกลไกของ Demand และ Supply ซึ่งสิ่งที่จำเป็นในการเข้าซื้อหุ้นวัฏจักรนั้นต้องรู้สัญญาณ หรือตัวบ่งชี้บางอย่างที่สามารถบอกได้ว่า ธุรกิจกำลังตกต่ำลงหรือดีขึ้น เนื่องจากการเข้าซื้อหุ้นวัฏจักรในจังหวะที่ผิด อาจจะทำให้เราสูญเสียเงินเป็นจำนวนมหาศาล
หุ้นลักษณะนี้ มีข้อดีคือ “ได้รับผลตอบแทนสูง เมื่อซื้อถูกจังหวะ” และข้อเสียคือ “คาดการณ์ผลประกอบการได้ยาก” เนื่องจากขึ้นอยู่กับปัจจัยภายนอก
จะเห็นว่าหุ้นแต่ละตัวมีลักษณะที่แตกต่างกัน ซึ่งเราไม่จำเป็นต้องถนัดลงทุนในหุ้นทุกชนิด แต่เราควรเข้าใจและศึกษาถึงเบื้องลึกของหุ้นที่เราสนใจ เพื่อลดความเสี่ยงในการลงทุน
อ้างอิง
https://www.finnomena.com/bottomliner/6 ... of-stocks/
https://portal.set.or.th/th/investnow/a ... k-dividend
https://www.setinvestnow.com/th/knowled ... k-dividend
https://www.setinvestnow.com/th/stock/t ... sive-stock