อยากเริ่มต้นลงทุน 8 อย่างที่ควรเริ่มทำคืออะไร?
Posted: Fri Jun 30, 2023 3:21 pm
อยากเริ่มต้นลงทุน 8 อย่างที่ควรเริ่มทำคืออะไร?
หลายคนอยากเริ่มต้นลงทุน แต่ยังไม่รู้จะเริ่มยังไงดี 8 อย่างที่สามารถเริ่มทำได้เองเลย ปูทางสู่การเป็นนักลงทุน
1. เก็บเงินก่อนใช้เงิน
ลักษณะนิสัยที่เห็นได้ชัดเจนในการออมเงินของใครหลาย ๆ คน คือ “ใช้ก่อนออม” ช่วงสิ้นเดือนหรือช่วงที่เงินเดือนออก ก็มักจะนำเงินก้อนนั้นไปใช้จ่ายในชีวิตประจำวัน ซื้อของ บางครั้งอาจถึงกับเหตุการณ์ “เงินหมด” หรือ “เป็นหนี้” เพราะฉะนั้น ทริคง่าย ๆ เมื่อได้เงินมาให้แบ่งเงินออกเป็นสัดส่วนตามจุดประสงค์เลย หรือจะเปิดบัญชีเพิ่มเพื่อแยกตามแต่ละจุดประสงค์ก็ได้
2. ใช้เงินให้น้อยกว่ารายได้
หลายคนไม่รู้แต่ละเดือนใช้เงินไปกับอะไรบ้าง มากน้อยแค่ไหน หรือบางคนใช้ไปมากกว่ารายได้ที่หาได้ สิ่งที่จะช่วยให้เราสามารถวางแผนควบคุมค่าใช้จ่ายได้คือการทำสรุป “รายรับ/รายจ่าย” เพราะเมื่อเราเห็นภาพรวมการใช้เงินของเราแล้ว เราก็จะสามารถวางแผนให้เรามีเงินส่วนที่เหลือเพื่อเอาไปลงทุนได้อีกด้วย
3. มีเงินสำรองฉุกเฉิน
เป็นประเด็นที่เชื่อว่าหลายคนมักมองข้าม แต่การมีเงินสำรองฉุกเฉิน เป็นอีกหนึ่งตัวช่วยที่ทำให้มีอนาคตที่สดใสในวันข้างหน้า เพราะเราไม่สามารถรู้ได้ว่า วันที่จำเป็นต้องใช้เงินจริง ๆ จะมาถึงเมื่อไหร่ แนะนำให้มีเงินสำรองฉุกเฉินอย่างน้อย 6-12 เท่าของค่าใช้จ่ายต่อเดือน โดยเฉพาะสำหรับวัยทำงานที่อายุมากขึ้น ควรจะเก็บเงินไว้ใช้เพื่ออนาคต เนื่องจากการหางานใหม่นั้นเป็นสิ่งที่ยากมาก
4. วางแผนเกษียณ
หลายคนที่เพิ่งก้าวเข้าสู่วัยทำงาน อาจคิดว่าเป็นเรื่องของอนาคตอันยาวไกล แต่จากสถิติ อายุขัยเฉลี่ยของชายไทยจะอยู่ที่ 75 ปี และเพศหญิง 81 ปี ดังนั้น ถ้าหากวางแผนเกษียณตอนอายุ 60 ปี หมายความว่าเราต้องมีเงินเหลือมากเพียงพอที่จะใช้ชีวิตต่อไปได้อีก 15-21 ปี เหลือทีเดียว
ดังนั้น ยิ่งวางแผนเร็วเท่าไร โอกาสที่จะสามารถเกษียณได้ หรือเกษียณแล้วมีเงินพอใช้ก็ยิ่งมีโอกาสมากขึ้นไปด้วย
5. ศึกษาสวัสดิการและสิทธิประโยชน์ที่มี
เราควรศึกษาประโยชน์จากสวัสดิการต่าง ๆ ที่มีเพื่อช่วยลดภาระค่าใช้จ่าย เพราะบริษัทหรือที่ทำงานหลายแห่งจะมีสวัสดิการต่าง ๆ ให้กับพนักงาน เช่น ประกันสุขภาพ กองทุนสำรองเลี้ยงชีพ สหกรณ์ออมทรัพย์ ประกันสังคม ประกันชีวิต เป็นต้น
6. ศึกษาค่าธรรมเนียมก่อนลงทุน
ค่าธรรมเนียมเป็นสิ่งที่เราต้องคำนึงก่อนเลือกลงทุนโดยเฉพาะการลงทุนในกองทุน เพราะการเลือกลงทุนในสินทรัพย์เดียวกันแต่ค่าธรรมเนียมสูงกว่า จะทำให้นักลงทุนสูญเสียผลตอบแทนไปโดยไม่จำเป็น
เช่น ค่าธรรมเนียม 1% เมื่อผ่านไป 10 ปี เท่ากับ 10% ต่อปี หากเราลงทุน 1,000,000 บาท ในเวลา 10 ปี จะเสียค่าธรรมเนียม 100,000 บาท เพราะยิ่งนานวันค่าธรรมเนียมก็จะเพิ่มขึ้นตามการเติบโตของพอร์ต จึงมีคำพูดที่ว่า “ผลตอบแทนเป็นสิ่งที่ไม่แน่นอน แต่ค่าธรรมเนียมต้องเสียแน่นอน”
7. กระจายการลงทุน
การกระจายการลงทุนจะเป็นตัวช่วยในการลดความเสี่ยงและนำไปสู่โอกาสการสร้างผลตอบแทนที่ดีกว่า หรือที่คนมักพูดว่าอย่าใส่ไข่ไว้ในตะกร้าใบเดียว โดยคำแนะนำ คือ ควรกระจายการลงทุนอย่างน้อย 5 ตัว ที่อยู่ต่างอุตสาหกรรม เพราะแต่ละตัวมีความผันผวนที่แตกต่างกันตามเหตุการณ์ของเศรษฐกิจ แต่หากเลือกลงทุนในกองทุนรวม ควรกระจายความเสี่ยงในประเทศที่เลือกลงทุน
8. ลงทุนในสิ่งที่มีความรู้
บางคนที่เป็นนักลงทุนมือใหม่อาจจะยังไม่มีความเข้าใจด้านการลงทุน การวางแผน จึงจำเป็นที่จะต้องหาผู้แนะนำที่ไว้ใจได้อาจจะเป็นคนใกล้ชิด เช่น เพื่อน ญาติ ครอบครัว หรืออาจจะเป็นสังคมโซเชียลมีเดียต่างๆ ที่น่าเชื่อถือ
อีกหนึ่งทางเลือกคือที่ปรึกษาทางการเงิน คอยให้คำแนะนำการลงทุนในช่วงเริ่มต้นอาจจะเป็นเรื่องที่ดีกว่า ถ้าเราต้องเจอกับตลาดขาลงในช่วงวิกฤต หรือราคาสินทรัพย์ในพอร์ตร่วงอย่างหนักแบบลำพัง ซึ่งสิ่งสำคัญในการเลือกที่ปรึกษาทางการลงทุน คือ ประสบการณ์ในการลงทุน นอกจากนี้การไปงานสัมมนา หรือการอ่านหนังสือ บทความต่างๆ แล้วนำมาปรับใช้ให้เข้ากับสไตล์การลงทุนของตัวเรา
อ้างอิงข้อมูล: https://youtu.be/_02ShEyXCzc