Page 1 of 1
[OR] บริษัท ปตท. น้ำมันและการค้าปลีก จำกัด (มหาชน)
Posted: Tue Apr 18, 2023 4:21 pm
by thanonlongtun_p
Oppday Year End 2022 บริษัท ปตท. น้ำมันและการค้าปลีก จำกัด (มหาชน) OR
VIDEO
Re: [OR] บริษัท ปตท. น้ำมันและการค้าปลีก จำกัด (มหาชน)
Posted: Fri May 26, 2023 4:44 pm
by thanonlongtun_p
Oppday Q1/2023 บริษัท ปตท. น้ำมันและการค้าปลีก จำกัด (มหาชน) OR
VIDEO
Presentation
https://weblink.set.or.th/dat/registrat ... 023-OR.pdf
Re: [OR] บริษัท ปตท. น้ำมันและการค้าปลีก จำกัด (มหาชน)
Posted: Thu Aug 24, 2023 6:13 pm
by thanonlongtun_p
Oppday Q2/2023 OR บมจ. ปตท. น้ำมันและการค้าปลีก
VIDEO
ดาวน์โหลดเอกสารประกอบการบรรยาย
https://listed-company-presentation.set ... h/vdo/5727
Re: [OR] บริษัท ปตท. น้ำมันและการค้าปลีก จำกัด (มหาชน)
Posted: Thu Sep 07, 2023 5:08 pm
by thanonlongtun_p
ผลประกอบการไตรมาสที่ 2 ปี 2566 หุ้น OR
ที่มา: บริษัทหลักทรัพย์ โกลเบล็ก จำกัด
Re: [OR] บริษัท ปตท. น้ำมันและการค้าปลีก จำกัด (มหาชน)
Posted: Tue Nov 28, 2023 4:52 pm
by thanonlongtun_p
Oppday Q3/2023 OR บมจ. ปตท. น้ำมันและการค้าปลีก
VIDEO
ดาวน์โหลดเอกสารประกอบการบรรยาย
https://listed-company-presentation.set ... h/vdo/6038
Re: [OR] บริษัท ปตท. น้ำมันและการค้าปลีก จำกัด (มหาชน)
Posted: Fri Feb 23, 2024 5:17 pm
by thanonlongtun_p
Oppday Year End 2023 OR บมจ. ปตท. น้ำมันและการค้าปลีก
VIDEO
ดาวน์โหลดเอกสารประกอบการบรรยาย
https://listed-company-presentation.set ... h/vdo/7628
Re: [OR] บริษัท ปตท. น้ำมันและการค้าปลีก จำกัด (มหาชน)
Posted: Thu May 23, 2024 6:36 pm
by thanonlongtun_p
Oppday Q1/2024 OR บมจ. ปตท. น้ำมันและการค้าปลีก
VIDEO
ดาวน์โหลดเอกสารประกอบการบรรยาย
https://listed-company-presentation.set ... h/vdo/7629
Re: [OR] บริษัท ปตท. น้ำมันและการค้าปลีก จำกัด (มหาชน)
Posted: Mon Sep 02, 2024 2:42 pm
by thanonlongtun_p
Oppday Q2/2024 OR บมจ. ปตท. น้ำมันและการค้าปลีก
VIDEO
ดาวน์โหลดเอกสารประกอบการบรรยาย
https://www.set.or.th/th/market/product ... y-snapshot
Re: [OR] บริษัท ปตท. น้ำมันและการค้าปลีก จำกัด (มหาชน)
Posted: Fri Oct 04, 2024 7:11 pm
by thanonlongtun_p
20241005 OR-01.jpg (302.75 KiB) Viewed 281 times
20241005 OR-01.jpg (302.75 KiB) Viewed 281 times
สรุปคลิป Oppday Q2/2024 OR บมจ. ปตท. น้ำมันและการค้าปลีก
ภาพรวมผลประกอบการ 6M/2024
ผลประกอบการของ OR ในครึ่งปีแรกมีรายได้และบริการรวมอยู่ที่ 361,922 ล้านบาท ปรับลดลงประมาณ 23,000 ล้านบาทจากของช่วงครึ่งปีแรกของปีก่อน โดยหลังจากกลุ่มธุรกิจ Mobility
EBITDA อยู่ที่ 11,000 ล้านบาทปรับลดลงประมาณ 100 ล้านบาท จากกลุ่มธุรกิจ Mobility เช่นกันที่มีกําไรขั้นต้นที่ปรับลดลง
NET Income อยู่ที่ 6200 ล้านบาทปรับเพิ่มขึ้น 500 ล้านบาทหรือประมาณ 9% เนื่องมาจากมีภาพรวมของค่าใช้จ่ายสุทธิปรับลดลง รวมถึงมีกําไรจากอัตราแลกเปลี่ยนเพิ่มขึ้นจากการที่เงินบาทอ่อนค่า
Key Driver ทางด้านล่างจะเป็นภาพรวมของจํานวนทั้งในประเทศไทยและต่างประเทศที่ OR ได้ไปดําเนินการอยู่เริ่มต้นด้วย PTT Station ณ 30 มิถุนายน มีจํานวนรวมทั้งสิ้น 2681 แห่ง แบ่งเป็นในประเทศไทย 2269 แห่งและต่างประเทศ 412 แห่ง ซึ่งเพิ่มจากสิ้นปี 2566 29 แห่ง
EV Station PluZ มีทั้งสิ้น 1802 หัวชาร์ตดีซีห ถ้ามองด้วยจํานวนโลเคชั่นอยู่ที่ 963 โลเคชั่น เพิ่มขึ้นมา 248 หัวชาร์ต และ 104 โลเคชั่นจากสิ้นปีก่อน
Cafe Amazon มีจํานวนรวมทั้งสิ้น 4652 ร้าน แบ่งเป็นในไทย 4250 ร้านและต่างประเทศ 402 ร้าน เปิดเพิ่มขึ้นได้ 100 ร้าน จากสิ้นปีก่อน และปริมาณจําหน่าย 216 ล้านแก้ว ปรับเพิ่มขึ้น 18 ล้านแก้วเมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนหรือประมาณ 9%
และในร้านสะดวกซื้อมีจํานวนรวมทั้งสิ้น 2340 ร้าน โดยแบ่งเป็นในประเทศไทย 2,253 และต่างประเทศ 87 ล้าน
จํานวนคนที่เข้ามาใช้บริการ PTT Station ต่อวัน ยังคงอยู่ที่ 3.4 ล้านคน
สัดส่วนรายได้ในครึ่งปีแรก จะมาจากกลุ่มธุรกิจ Mobility ประมาณ 89% ตามด้วยGlobal 7% และLifestyle 3%
ในขณะที่ EBITDA ช่วงครึ่งปีแรกมาจาก Mobility 63% Lifestyle 29% แล้ว global 7%
ในส่วนของ Market Share ในช่วงครึ่งปีแรก OR ยังคงเป็นผู้นําอันดับหนึ่งโดยมีภาพรวมอยู่ที่ 39.2%
Key Factors
ราคาน้ํามันดิบดูไบเฉลี่ยในไตรมาสที่สองอยู่ที่ 85.3 เหรียญสหรัฐต่อบาร์เรล ปรับเพิ่มขึ้นทั้ง QoQ แล้ว YoY โดยถ้าเป็น QoQ ปรับเพิ่มขึ้น 4 เหรียญหรือประมาณ 5% และ YoY ปรับเพิ่มขึ้น 7 เหรียญหรือว่า 9% แต่ถ้าเป็นภาพ 6 เดือนแรก ราคาน้ํามันจะอยู่เฉลี่ยที่ 85.3 ปรับเพิ่มขึ้นประมาณ 5%
ปัจจัยทางด้านอัตราแลกเปลี่ยน อัตราแลกเปลี่ยนในไตรมาสที่สองเฉลี่ยอยู่ที่ 36.7 บาทต่อดอลลาร์ ปรับอ่อนค่าขึ้น QoQ จากในไตรมาสหนึ่งที่ 35.6 ซึ่งเมื่อเงินบาทอ่อนค่า OR จะได้รับประโยชน์ ซึ่งในไตรมาสที่สอง OR มี Fx Gain อยู่ที่ 93 ล้านบาท
GDP ของประเทศไทยในไตรมาสที่สองขยายได้ 2.3 ต่อเนื่องจากไตรมาสที่หนึ่ง ซึ่งคาดการณ์ว่าภายในปีนี้จะอยู่ระหว่าง 2.3 ถึง 2.8 สถานการณ์เงินเฟ้อในไตรมาสที่สอง เงินเฟ้อทั่วไปขยายตัวจากไตรมาสก่อนมาอยู่ที่ 0.8
ธุรกิจ Mobility
PTT Station ในไตรมาสที่สองมีจํานวนรวมทั้งสิ้น 2,272 แห่ง เพิ่มขึ้นได้ 10 แห่งจากไตรมาสก่อน ปริมาณจําหน่ายน้ํามันในไตรมาสที่สอง มีปริมาณอยู่ที่ 6,388 ล้านลิต รถ้ามองในภาพสะสม 6 เดือน อยู่ที่ 12,866 ล้านลิตร ถ้าเปรียบเทียบ QoQ ลดลง 90 ล้านลิตรหรือประมาณ 1% มาจากทั้งรีเทลและคอมเมอร์เชียล โดยในตลาดรีเทลมาจากรีเซลที่ลดลงเนื่องจากว่ามีการปรับเพดานราคาขายปลีกสูงขึ้น ฝั่งคอมเมอร์เชียลเองลดลงจากน้ํามันอากาศยาน เนื่องจากเป็นช่วงโลว์ซีซั่นหรือว่าหน้าฝน และเมื่อเปรียบเทียบ YoY ปรับลดลงประมาณ 500 ล้านลิตรหรือประมาณ 7% ในรีเทลลดลงทั้งดีเซลแล้วเบนซินจากการปรับเพดานราคา รวมถึงเรามีประเด็นข่าวเฟคนิวส์ในช่วงต้นปีและตลาดคอมเมอร์เชียลมีลดลงจากดีเซลแล้วเบนซินเช่นกันจากการแข่งขันที่สูงขึ้นถ้าเป็นภาพสะสม 6 เดือน ปรับลดลงประมาณ 1,000 ล้านลิตรหรือ 7% ในรีเทลคือลดลงจากดีเซลและเบนซินจากกระแสข่าวเฟคนิวส์ ส่วนคอมเมอร์เชียลปรับลดลงจากดีเซลแล้วน้ํามันเตา เนื่องจากว่าในไตรมาสที่หนึ่งของปีก่อน OR มี Extra Vlume เพิ่มขึ้นจากการที่จําหน่ายให้กับกลุ่มโรงไฟฟ้า แต่ถ้ามองในปริมาณจําหน่ายของน้ํามันอากาศยาน ปรับเพิ่มขึ้นเนื่องจากมีการเดินทางที่เพิ่มขึ้น และมีลูกค้ารายใหม่เข้ามา
EV Station PluZ ณ 30 มิถุนายน มีอยู่ 1802 หัวชาร์จฟาสต์ชาร์จ ปรับเพิ่มขึ้น 54 หัวชาร์จ เมื่อเทียบเมื่อนับจากไตรมาสก่อน โลเคชั่น 963 โลเคชั่น จะแบ่งเป็นในสถานีบริการทั้งหมด 760 และนอกสถานีบริการ 203 แห่ง
ธุรกิจ Lifestyle
ร้าน Cafe Amazon ภายใต้กลุ่มธุรกิจ Lifestyleมีจํานวนรวมทั้งสิ้น 4,277 ร้านเปิดเพิ่มขึ้นได้ 56 ล้านจากไตรมาสก่อน โดยที่เปอร์เซ็นต์ของfranchiseยังคงเป็นที่ 80 และ OR ดําเนินการเอง 20% ร้านค้า Cafe Amazon ในต่างประเทศที่ดําเนินการโดยแฟรนไชส์ซีภายใต้กลุ่มธุรกิจ Lifestyl eมีอยู่ 27 ร้าน
ปริมาณ Cups sold ในไตรมาสที่สองเรามีปริมาณจําหน่ายอยู่ที่ 102 ล้านแก้วซึ่งถือเป็น New Racod สูงสุดของ OR เมื่อเปรียบเทียบ QoQ ปริมาณ cups sold เพิ่มขึ้น 4 ล้านแก้วหรือประมาณ 3% โดยหลักจากกิจกรรมส่งเสริมการขายต่าง ๆ ถ้าเปรียบเทียบ YoY เพิ่มขึ้น 9 ล้านแก้วหรือประมาณเกือบ 10% และถ้าสะสม 6 เดือนเพิ่มขึ้น 17 ล้านแก้วหรือประมาณ 9% โดยหลักมาจากการขยายเครือข่ายการค้า
ร้านค้าปลีกอื่น ๆ ในไตรมาสที่สองมีจํานวนรวมอยู่ทั้งสิ้น 219 ร้าน แบ่งเป็น Pacamara 26 Taxas 97 และ Pearly Tea 96 ซึ่งได้มีการปิดร้านที่ Non Perform พร้อมลงไปประมาณ 7 ร้านจากในไตรมาสที่หนึ่ง
ร้านสะดวกซื้อมีจํานวนรวมทั้งสิ้น 2,281 ร้านบวกเพิ่มขึ้นมาจากไตรมาสก่อน 12 ร้าน
ธุรกิจ Global
จํานวนสถานีบริการ PTT Station ในกลุ่มธุรกิจ Global มีจํานวนรวมทั้งสิ้น 409 แห่ง ซึ่งแบ่งเป็นในกัมพูชา 181 ฟิลิปปินส์ 117 ลาว 55 ถ้าเปรียบเทียบจากไตรมาสก่อนเพิ่มขึ้นมา 7 แห่ง
ร้าน Cafe Amazon ภายใต้กลุ่ม Global มีจํานวนทั้งสิ้น 375 ซึ่งเป็นร้านค้าที่ดําเนินการโดยบริษัทลูก OR ในต่างประเทศทั้งหมด โดยอยู่ในกัมพูชา 245 ฟิลิปปินส์ 14 ลาว 92 เวียดนาม 24
ร้านสะดวกซื้อมีจํานวนรวมทั้งสิ้น 59 ร้าน โดยที่เป็นร้านที่อยู่ในกัมพูชาทั้งหมด
ปริมาณจําหน่ายน้ํามัน ไตรมาสที่สองปริมาณจําหน่ายน้ํามันในกลุ่มGlobalอยู่ที่ 550 ล้านลิตร เพิ่มขึ้นทั้ง QoQ YoY แล้วภาพสะสม โดยหลักมาจากประเทศฟิลิปปินส์เป็นหลัก ถ้าเปรียบเทียบ QoQ เพิ่มขึ้น 100 ล้านลิตรหรือประมาณ 22% โดยหลักจากฟิลิปปินส์ที่เพิ่มขึ้นในเกือบทุกผลิตภัณฑ์ กัมพูชาเองเพิ่มขึ้นจากน้ํามันเตาที่มีการจําหน่ายให้กับโรงไฟฟ้า ถ้าดูภาพเปรียบเทียบ YoY เพิ่มขึ้นประมาณ 40 ล้านลิตรหรือประมาณ 7% ด้วยเหตุผลเดียวกับ QoQ และ ภาพสะสม 6 เดือนปริมาณจําหน่ายน้ํามันอยู่ที่ 1,000 ล้านลิตรปรับเพิ่มขึ้นประมาณ 96 ล้านลิตรหรือประมาณ 10% โดยหลักจากฟิลิปปินส์ที่เพิ่มขึ้นในน้ํามันเบนซินจากการขยายเครือข่ายสถานีบริการ และมีน้ำมันอากาศยานรวมถึง LPG ส่วนกัมพูชาเพิ่มขึ้นจากน้ํามันเตาเป็นหลัก
Financial Performance
รายได้ในไตรมาสที่สอง อยู่ที่ 183,000 ล้านบาท ถ้าสะสม 6 เดือนจะอยู่ที่ 361,000 ล้านบาท เมื่อเปรียบเทียบ QoQ จะปรับเพิ่มขึ้นประมาณ 6,000 ล้านบาทหรือประมาณ 3% โดยเพิ่มขึ้นในทุกกลุ่มธุรกิจ หลัก ๆ คือ Mobility และ Globalการเปรียบเทียบ YoY ปรับลดลง 3,800 ล้านบาทและถ้าเป็นภาพสะสม 6 เดือนปรับลดลง 23,000 ร้อยล้านบาท โดยหลักจาก Mobility
รายละเอียดรายได้แยกตามกลุ่มธุรกิจ กลุ่มธุรกิจ Mobility มีรายได้อยู่ในไตรมาสที่สองที่ 168,000 ล้านบาทสะสม 6 เดือนอยู่ที่ 332,000 ล้านบาท ซึ่งเปรียบเทียบ QoQ ปรับเพิ่มขึ้น 4,300 ล้านบาทอยู่ประมาณ 2% จากราคาขายเฉลี่ยที่ปรับสูงขึ้น แม้ภาพรวม Volume จะลดลงเล็กน้อย ถ้าเปรียบเทียบ YoY รายได้ลดลง 5,900 ล้านบาทหรือประมาณ 3% จากภาพรวม Volume ที่ปรับลดลงและภาพสะสม 6 เดือนปรับลดลง 27,600 ล้านบาทประมาณ 7% จากภาพรวVolume ที่ลดลงเช่นกัน
ถัดมากลุ่มธุรกิจ Lifestyle รายได้ของ Lifestyleในไตรมาสที่สองอยู่ที่ 5,900 ล้านบาทซึ่งสะสม 6 เดือนอยู่ที่ 11,700 ล้านบาทเมื่อเปรียบเทียบ QoQ แล้วรายได้ปรับเพิ่มขึ้นเล็กน้อยจากทั้งที่มีปริมาณจําหน่าย Cup sold พิ่มขึ้นรวมถึงค้าปลีกอื่น ๆ ที่มียอดขายเพิ่มขึ้นถ้าเปรียบเทียบ YoY เพิ่มขึ้นประมาณ 300 ล้านบาทหรือ 5% จากทาง F&B และธุรกิจค้าปลีกอื่น ๆ จากการขยายเครือข่ายร้านค้า ถ้าเป็นภาพสะสม 6 เดือนปรับเพิ่มขึ้นประมาณ 800 บาทหรือ 8% ด้วยเหตุผลเดียวกัน
กลุ่มธุรกิจ Global รายได้ในไตรมาสที่สองอยู่ที่ 15,800 ล้านบาทสะสม 6 เดือนอยู่ที่ 28,700 ล้านบาท เมื่อเปรียบเทียบ QoQ เพิ่มขึ้น 2,900 ล้านบาทหรือ 23% จากในทุกประเทศเลย โดยหลักจาก Volume ที่เพิ่มขึ้นในภาพรวมประมาณหนึ่ง 100 ล้านลิตรหรือ 22% ซึ่ง contribute หลักมาจากฟิลิปปินส์ เปรียบเทียบ YoY ปรับเพิ่มขึ้น 2,500 ล้านบาทหรือ 18% จากในทุกประเทศจากที่ราคาขายเฉลี่ยปรับสูงขึ้นพร้อมกับ Volume เพิ่มขึ้นประมาณ 7% ถ้าสะสม 6 เดือนเพิ่มขึ้น 3,700 ล้านบาทหรือประมาณ 15% โดยหลักจะ volume แล้วราคาขายที่ปรับสูงขึ้น
EBITDA
EBITDA ในไตรมาสที่สอง อยู่ที่ 4,800 ล้านบาทสะสม 6 เดือน 11,000 ล้านบาทโดยภาพรวมเปรียบเทียบ QoQ EBITDA ปรับลดลง 1,300 ล้านบาทหรือ 21% YoY ปรับลดลง 300 ล้านบาทประมาณ 7% แล้วถ้าสะสม 6 เดือนปรับลดลงประมาณ 100 ล้านบาท 1%
Mobility EBITDA ของกลุ่มธุรกิจ Mobility ในไตรมาสที่สองอยู่ที่ 2,700 ล้านบาทสะสม 6 เดือนอยู่ที่ 7,000 ล้านบาทถ้าเปรียบเทียบ QoQ EBITDA ของ Mobility ลดลง 1,400 ล้านบาทหรือประมาณ 34% จากการที่ GP per liter ปรับตัวอ่อนค่าลง 20 สตางค์ จากที่เคยอยู่ที่ 1.1 บาทในไตรมาสที่หนึ่งเป็น 0.9 บาทในไตรมาสที่สอง ซึ่ง EBITDA Margin ในไตรมาสที่หนึ่งอยู่ที่ 1.7 ปรับลดลงจาก 2.6 ในไตรมาสก่อน เปรียบเทียบ YoY แล้ว EBITDAของMobility ปรับลดลงประมาณ 500 ล้านบาทจากปริมาณจําหน่ายที่ลดลง รวมถึงภาพรวม GP per liter ปรับลดลงประมาณ 6 สตางค์ EBITDA Margin จะปรับลดลงจาก1.9 เป็น1.7 ภาพสะสม 6 เดือน Mobility EBITDA ลดลงประมาณ 490 ล้านบาทหรือประมาณ 6% จะภาพรวม volume ที่ปรับลดล งรวมถึงในขณะที่มีค่าใช้จ่ายการดําเนินงานปรับลดลงจากพวกค่าใช้จ่ายส่งเสริมการขายแล้วซ่อมแซมบํารุงรักษา EBITDA Margin อยู่ที่ 2.1 เท่า ใกล้เคียงกับช่วงเดียวกันของปีก่อน
กลุ่มธุรกิจ Lifestyle ไตรมาสที่สองอยู่ที่ 1,600 ล้านบาทถ้าสะสม 6 เดือนอยู่ที่ 3,200 ล้านบาท ถ้าเปรียบเทียบ QoQ EBITDA ของ Lifestyle ปรับเพิ่มขึ้น 22 ล้านบาทหรือประมาณ 1% โดยหลักจากที่เพิ่มขึ้นจากกําไรขั้นต้นที่เพิ่มขึ้นซึ่ง EBITDA Margin ปรับเพิ่มขึ้นจากที่อยู่ที่ 27.2 ในไตรมาสที่หนึ่งเป็น 27.3 ในไตรมาสนี้ ถ้าเปรียบเทียบภาพของ YoY EBITDA ปรับเพิ่มขึ้น 100 ล้านบาทประมาณ 7% โดยหลักจะ F&B รวมถึงภาพรวมค่าใช้จ่ายการดําเนินงานสุทธิ ทั้งโฆษณ าประชาสัมพันธ์แล้วส่งเสริมการขายปรับลดลง EBITDA Margin จะเพิ่มขึ้นจากที่อยู่ที่ 26.9 เป็น 27.3 ภาพสะสม 6 เดือนปรับเพิ่มขึ้น 400 ล้านบาทหรือประมาณ 15% ด้วยเหตุผลเดียวกับ YoY และ EBITDA Margin ปรับเพิ่มขึ้นจาก 25.7 เป็น 27.3
EBITDA ของกลุ่มธุรกิจ Global ในไตรมาสที่สองอยู่ที่ 530 ล้านบาท ถ้าสะสม 6 เดือนอยู่ที่ 856 ล้าน บาท ภาพเปรียบเทียบ QoQ ปรับเพิ่มขึ้นประมาณ 200 ล้านบาทหรือ 63% โดยหลักจากฟิลิปปินส์ที่มี GP per liter ที่ปรับเพิ่มขึ้นรวมถึงมีรายได้จาก Project ONE เข้ามาเพิ่มขึ้น ในขณะที่กัมพูชา GP per liter ปรับเพิ่มขึ้นในทุกผลิตภัณฑ์ แต่ในสปป.ลาว EBITDA ปรับลดลงเล็กน้อยจาก GP per liter ของเบนซินที่อ่อนลงซึ่ง EBITDA Margin ในกลุ่ม Global ในไตรมาสที่สองอยู่ที่ 3.3 ปรับดีขึ้นจากไตรมาสก่อนที่ 2.5 ถ้าเป็นเปรียบเทียบ YoY ปรับเพิ่มขึ้นประมาณ 80 ล้านบาทหรือ 18% โดยหลักจากฟิลิปปินส์ด้วยเหตุผลเดียวกัน ในขณะที่กัมพูชาและลาวปรับลดลงจาก GP per liter ที่ลดลง EBITDA Margin ใกล้เคียงกัน อยู่ที่ 3.3 จาก 3.4 ถ้าเป็นสะสม 6 เดือนอ่า EBITDA ของ Global ปรับเพิ่มขึ้นเล็กน้อย 10 ล้านบาทด้วยเหตุผลเดียวกับ YoY EBITDA Margin อยู่ที่ 3% ลดลงจาก 3.4 ในช่วงเดียวกันของปีก่อน EBITDA เมื่อแบ่งรายประเทศแล้ว ทั้งในภาพของไตรมาสแล้วสะสม 6 เดือนน จะพบว่าสัดส่วนหลักยังคงมาจากกัมพูชามากกว่า 50%
กำไรสุทธิ
กําไรสุทธิของ OR ในไตรมาสที่สองอยู่ที่ 2,500 ล้านบาท ปรับลด ทั้ง QoQ และ YoY จากการอ่อนตัว ของธุรกิจ Mobility ในขณะที่ถ้าเป็นภาพสะสม 6 เดือนปรับดีขึ้นโดย QoQ ปรับลดลง 1,100 ล้านบาทหรือประมาณ 32% จากผลการดําเนินงานของMobility ที่ลดลงรวมถึงมีผลขาดทุนจาก Fx ในขณะที่ YoY ปรับลดลงเช่นกันประมาณ 200 ล้านบาทหรือ 8% โดยหลักจาก Mobility เช่นกัน ถ้าเป็นภาคสะสม 6 เดือนปรับเพิ่มขึ้น 500 ล้านบาทหรือประมาณ 9% โดยหลักจากค่าใช้จ่ายภาพรวมสุทธิที่ลดลง รวมถึงมีกําไรจากอัตราแลกเปลี่ยนที่เพิ่มขึ้น
งบแสดงฐานะการเงิน
สินทรัพย์รวมของ OR ณ 30 มิถุนายน อยู่ที่ 218,667 ล้านบาทปรับลดลงจากสิ้นปีก่อน จํานวน 1,569 ล้านบาท โดยหลักมาจากเงินสดและรายการเทียบเท่าเงินสดที่มีการจ่ายคืนเงินกู้ยืมที่ครบกําหนด และมีการจ่ายเงินปันผล ในขณะที่ Current Asset ปรับเพิ่มขึ้นประมาณ 10,000 ล้านบาท โดยหลักมาจากสินค้าคงเหลือที่ปรับเพิ่มขึ้นประมาณ 6,000 ล้านบาท จากที่ปริมาณสินค้าคงเหลือเพิ่มขึ้น และอีกส่วนหนึ่งคือมาจากลูกหนี้การค้าและลูกหนี้อื่นประมาณ 3,600 ล้านบาทจากกองทุนน้ํามันเชื้อเพลิง
หนี้สินจะเห็นว่าปรับลดลงประมาณ 48,00 ล้านบาทโดยหลักมาจากเงินกู้ที่ลดลง
ส่วนของผู้ถือหุ้นอยู่ที่ 112,777 ล้านบาท ปรับเพิ่มขึ้น 3,200 ล้านบาทจากกําไรที่ดําเนินงานที่สุทธิในรอบในงวดหักกับที่เรามีการจ่ายเงินปันผลไป
อัตราส่วนทางการเงินซึ่งยังคงแข็งแกร่งและเป็นไปตาม Governance
กระแสเงินสด
20241005 OR-01.jpg (302.75 KiB) Viewed 281 times
20241005 OR-01.jpg (302.75 KiB) Viewed 281 times
20241005 OR-01.jpg (302.75 KiB) Viewed 281 times
20241005 OR-01.jpg (302.75 KiB) Viewed 281 times
OR มีเงินสด ณ สิ้นไตรมาสสองอยู่ที่ 39,620 ล้านบาท ปรับลดลงจากเมื่อสิ้นปี 2566 11,816 ล้านบาท มาจากกิจกรรมดำเนินงานที่มีเงินสดเพิ่มขึ้น 1,476 ล้านบาทเป็นเงินสดที่ได้รับจากกําไรจากการดําเนินงาน รวมถึงมีการใช้ไปใน working capital ต่าง ๆ กิจกรรมลงทุนได้ใช้เงินไป 3,391 ล้านบาท เป็นการลงทุนในที่ดินแล้วอุปกรณ์ในการขยายเครือข่ายของ OR รวมถึงมีการลงทุนในบริษัท PTT Digital และยังมีผลตอบแทนจากดอกเบี้ยแล้วเงินปันผลรับต่าง ๆ
ทางด้าน Financing มีการใช้เงินไป 10,177 ล้านบาทโดยหลักมาจากการจ่ายชําระคืนเงินกู้ยืมและมีการจ่ายเงินปันผลผลประกอบการในครึ่งหลัง 2566
Business Outlook
การขยายของเศรษฐกิจโลกซึ่ง IMF ประมาณการไว้ที่ ง 3.2 ปีนี้ และปีหน้าอยู่ที่ 3.3 เรียกว่าใกล้เคียง
ในส่วนของเศรษฐกิจไทย มีผลต่อผลประกอบการของ OR อย่างมากซึ่ง สภาพัฒน์ได้มีการประมาณการการขยายตัวเศรษฐกิจของปีนี้อยู่ในระดับ 2.3 - 2.8 ซึ่งถ้าเทียบกับเมื่อปีที่แล้ว actual อยู่ที่ 1.9 เรียกว่าดีขึ้นเล็กน้อย ซึ่งถ้าเกิดเทียบกับ GDP ของประเทศในภูมิภาคนี้ซึ่งเป็นประเทศที่ OR ดำเนินการอยู่ไม่ว่าจะเป็นกัมพูชา ลาวเวียดนาม ฟิลิปปินส์ จะพบว่าอัตราการเจริญเติบโตของประเทศในภูมิภาคในสูงกว่าประเทศไทย ซึ่งอันนี้มีผลดีต่อ OR ว่าเป็นโอกาสของ OR ในการดําเนินธุรกิจในต่างประเทศว่าจะมีทิศทางหรือมีโอกาสที่ดีขึ้น ทั้งในเรื่องของ Volume ของการขายน้ํามันในต่างประเทศแล้วการขายของ Non Oil หรือ Cafe Amazon
ภาคท่องเที่ยว มีผลกับเศรษฐกิจไทยอย่างมาก ภาพที่เกิดขึ้นจริงใน 6 เดือนปีนี้มีจํานวนนักท่องเที่ยวอยู่ประมาณ 17.5 ล้านคนแล้วมองทั้งปีอยู่ที่ 35.5 ล้านคนซึ่งเมื่อเทียบกับปีที่แล้วถึง 28 ล้านคน เรียกว่าดีขึ้นมากแต่ว่ายังไม่ไม่เท่าตอนก่อนปีโควิดที่อยู่ที่ 41 ล้านคน อันนี้จะดีต่อ OR ในส่วนของน้ํามันอากาศยานหรือว่าการจับจ่ายใช้สอยของนักท่องเที่ยว
ในส่วนของเศรษฐกิจ มีภาคท่องเที่ยวที่ช่วยทําให้ GDP ดีขึ้นแต่อย่างไรตาม ยังต้องเฝ้าระวังในส่วนของ challenge ต่างต่างหรือว่า Risk ที่จะเกิดขึ้นทั้งในส่วนของการนโยบายการเงินของทางต่างประเทศซึ่งค่อนข้างเข้มงวด มีผลต่อตลาดในเอเชียหรือว่าในส่วนของ Geopolitic ต่าง ๆ หรือว่าในเรื่องของ Trade war การที่ประเทศในฝั่งยุโรปหรืออเมริกาพยายามที่จะขึ้นกําแพงภาษีสกัดกั้นสินค้าจากจีน ทั้งทั้งหมดทั้งปวงมีผลต่อประเทศอย่างประเทศไทยที่อยู่ในเอเชีย
รวมทั้งในส่วนของสงครามด้วยที่ยังปะทุกันอยู่ เพราะฉะนั้นทําให้เกิดมีความผันผวนในเรื่องราคาน้ํามัน ซึ่งเป็นปัจจัยที่สําคัญที่มีผลต่อผลประกอบการของ OR มีการประมาณการราคาดูไบของปีนี้อยู่ใน range ที่ 79- 89 เหรียญต่อบาร์เรล
ในส่วนของอัตราแลกเปลี่ยนอยู่ที่ประมาณ 34.5 ถึง 37.5
Q&A
แนวโน้มค่าการตลาดในไตรมาสที่ 3
คาดว่าจะใกล้เคียงกับไตรมาสที่สองอยู่ในระดับ 0.90-1.00 บาท
ปริมาณขายที่ลดลงเนื่องจากเสีย Market Share เรามีวิธีที่จะรับมือเพื่อแก้ไขสถานการณ์อย่างไร
มีการทําโปรโมชัน และทําแผนการตลาดเพื่อพยายามแก้ไข Volume ให้กลับมา ซึ่งเราจะเห็นว่าในไตรมาสสอง จนถึงปัจจุบัน Volume ค่อย ๆ กลับคืนมาแต่ถ้าเทียบกับครึ่งปีก่อนยังกลับมาไม่ร้อย แต่ว่าแนวโน้มดีขึ้นเรื่อย ๆ
พ.ร.บ. ค้าน้ํามันใหม่ที่กําลังร่าง คาดว่าจะส่งผลกระทบกับบริษัทอย่างไรบ้าง
อาจจะยังเร็วไปที่จะสรุป ในภาพรวมรัฐบาลมีนโยบายที่จะพยายามที่จะให้ประชาชนได้ใช้ราคาน้ํามันในราคาที่พยายามที่ให้ต่ำลง แต่ว่าอย่างไรตาม ราคาน้ํามันอันใหม่ยังไม่ได้ไฟนอล ในตลาดของน้ํามันค้าปลีกเป็นตลาดแข่งขันอ ดังนั้นถ้าโดยภาพรวมแล้วอย่างไรตาม เข้าใจว่ารัฐบาลคงต้องใช้กลไกลไม่ว่าจะเป็นกองทุนหรือว่าภาษี มาจัดการเพื่อให้ราคาน้ํามันเป็นไปตามที่รัฐบาลอยากให้น้อยลง แต่ว่าอย่างไรตามค่าการตลาดคงจะต้องอยู่ใน range ที่ผู้ประกอบการในเมืองไทย ที่มีประมาณ 7-8 เจ้าสามารถอยู่ได้ ซึ่งเรื่องนี้เราได้มีการพูดคุยกับหน่วยงานรัฐของที่เกี่ยวข้องของกระทรวงพลังงานอยู่เป็นเนือง ๆ
ค่าเงินบาทที่แข็งค่าขึ้นจะส่งผลอย่างไรบ้าง
ถ้าค่าเงินบาทอ่อนจะดีกับเรา เพราะว่าโดยรวมเราจะเป็น Net รับดอลลาร์ถ้าค่าเงินบาทแข็งจะทําให้กําไรจาก FX ของเราจะน้อยลง
Outlook ในแต่ละ Segment
ไตรมาสไตรมาสที่ 3 ถ้าในส่วนของ Mobility ในส่วนของ volume คิดว่าน่าจะอ่อนลงตาม Seasonal ที่เป็นช่วงหน้าฝน ในส่วนของ Marketing Margin น่าจะรักษาระดับนึงประมาณ 90 สตางค์ถึงบาท ในส่วนของ Lifestyle จะเห็นว่าอัตรา EBITDA Margin มีอยู่ประมาณ 27 คิดว่าจะยังรักษาระดับ 27% หรืออาจจะดีขึ้นไปถึงระดับ 28% ได้ ซึ่งในส่วนของ Cup sold ของ Cafe Amazon ทํา New High ตลอดไตรมาสที่ 3 เรายัง Conservative ไว้ก่อน คิดว่า 100 ล้านแก้วน่าจะยังได้อยู่ งั้นไม่มีไม่มีความกังวลในส่วน Lifestyle ส่วน Global เป็นทิศทางที่ดี จาก Volume ในส่วนของฟิลิปปินส์กลับมาแล้ว เพราะฉะนั้น ทั้งฟิลิปปินส์ ทั้งกัมพูชาจะสามารถcontributeในส่วนของ Volume ที่เพิ่มขึ้น แล้วอัตรากําไรที่เพิ่มขึ้น โดยรวมแล้วคิดว่าในไตรมาส 3 ผลประกอบการน่าจะใกล้เคียงกับไตรมาสที่ 2 อาจจะอ่อนนิดหน่อยอย่างเช่น อาจจะมีกําไรจากอัตราแลกเปลี่ยนที่ลดลง
คาดการณ์แนวโน้มรายได้ และ EBITDAยังเป็นไปตามเป้าหมายหรือไม่ อย่างไร ของปีนี้ตั้งเป้าว่าจะเติบโตเท่าไหร่เทียบกับปีที่แล้ว
ในส่วนของการเติบโตทั้งปี ถ้าดูในเชิงของ Volume อย่างเช่น Mobolity ซึ่งเป็นธุรกิจหลัก แล้วตอนนี้เข้ามาในส่วนของ OR ถึงประมาณ 70% จากที่เราเจอเรื่อง Fake news ทำให้ Market shares หายไปเล็กน้อย เพราะฉะนั้นในภาพรวมแล้ว volume อาจจะมีความลดลงเมื่อเทียบกับปีที่แล้วประมาณ 3-5%
ในส่วนของ Lifestyle ยังเติบโตอย่างต่อเนื่อง แม้ว่าไตรมาสที่ 3 อาจจะเป็นช่วงฝนตกเยอะ Cup sold อาจจะไม่ได้มากเหมือนไตรมาสที่สองที่เป็น 102 ล้านแก้ว แต่ในภาพรวมแล้วคิดว่าในไตรมาสที่ 4 จะสามารถบูสต์ขึ้นมาได้แล้วทําให้คิดว่าน่าจะเป็น new high ของทั้งปีเมื่อเทียบกับปีที่แล้วเพิ่มขึ้นแน่นอน
ในส่วนของ Margin ด้วยเพราะว่าไตรมาสที่ 4 จะเป็นไตรมาสที่มีเทศกาลเยอะ คิดว่าอยู่ในระดับ 27-28% หรือถ้าดีกว่านั้นดีที่สุดก็แตะ 29% ได้เลย
Global เช่นเดียวกันล้อกันคือว่า volume ดีขึ้นแล้ว EBITDA Margin กลับมาแล้วฟิลิปปินส์ เพราะฉะนั้น EBITDA Margin ของGlobalก ลับมาในระดับ 3-4% แล้ว
ภาพรวมในทั้งปี กําไรน่าจะใกล้เคียงกับเมื่อปีที่แล้ว
แผนขยายสาขาของปีนี้
แผนการขยันสาขาของปีนี้ ถ้าในส่วนของปั๊ม PTT Station เราตั้งเป้าไว้ที่ 100 ส่วนในส่วนของ Cafe Amazon เราตั้งเป้าที่จะขยายประมาณ 300 และในส่วนของ Global น่าจะเป็นสักประมาณ 20 รวมทั้ง EV Location ของ EV จะปรับเพิ่มขึ้นทั้งปีที่พูดถึงทั้งปีคืออีกประมาณ 550 โลเคชั่น
ที่มา: https://www.youtube.com/watch?v=jY-RTBKVAeQ