สรุปคลิป Oppday Q2/2024 GLOBAL บมจ. สยามGlobalเฮ้าส์
Update ไตรมาส 2
- ผ่านการรับรองจากการต่อต้านของคอร์รัปชัน เป็นของภาคเอกชนไทยซึ่งรัปชันจะเป็นส่วนหนึ่งใน เรื่อง ESG ในส่วนของตัว G (Good Governance) ทําให้บริษัทดูแล้ว มีความน่าเชื่อถือยิ่งขึ้น
- ได้รับรางวัล Yearbook USA ถือว่าเป็น 16 บริษัทที่เป็นธุรกิจค้าปลีกใน 306 บริษัทที่ได้ผ่านการคัดเลือกเข้าไป ถือว่าเป็นบริษัทของคนไทยใน 47 บริษัท
- รางวัล ESG Rating AA 1 ใน193 บริษัท
- เดินด้วยแผนกลยุทธ์การขยายสาขา ซึ่งในช่วง 6 เดือนที่ผ่านมา มีการเปิดสาขาไปจวบจนวันนี้มีทั้งหมด 87 สาขา ในแผนที่วางไว้ในถึงสิ้นปีอยู่ประมาณ 91 สาขา ซึ่งเป็นไปได้อยู่แล้วที่จะทําให้ได้ตามเป้าหมาย โดยในปีถัดไปจะทําเพิ่มเพื่อให้บรรลุถึง 101 สาขาเป็นแผนที่จะกระจายสาขาให้ครอบคลุมในแต่ละพื้นที่
- โดยในปีนี้ที่ผ่านมาเปิดสาขาไปแล้ว 4 สาขา ครึ่งปีหลัง จะมีสาขาที่อยู่ในพื้นที่ทางอีสานแล้วทางภาคเหนือด้วย จะมีอีก 4 สาขา
- ส่วนที่เปิดไปแล้ว จะเห็นว่ามีเปิดสาขาที่กัมพูชาไปเพิ่มอีกหนึ่งสาขา
- มีทั้งหมด 87 สาขา แล้วมีสาขาในต่างประเทศ ในต่างประเทศทั้งหมดรวมรวมกันแล้วคือ 34 สาขา รวมเป็น 100 กว่าสาขา
- ณ ปัจจุบันนี้แล้วยังเดินหน้าขยายธุรกิจขยายสาขาร่วมกับ Partner ของในต่างประเท
- กัมพูชา มีทั้งหมด 2 สาขา
- ลาว 7 สาขา แล้วแผนขยายสาขากับพาร์ทเนอร์ร่วมกันที่จะขยายสาขาเพื่อต่อยอดธุรกิจไป มีสาขาที่จะขยายในปีนี้ที่ได้ก่อสร้างมาแล้ว แล้วคาดว่าจะเปิดได้ในไตรมาส3 ไตรมาส 4 นี้อีกสองสาขา มีสาขาที่หลวงพระบางแล้วมีสาขาที่อยู่ในนครหลวงเวียงจันทร์อีกหนึ่งสาขา ทั้งหมดพอถึงสิ้นปีที่เวียงจันทน์จะมีทั้งหมด 9 สาขา
- ส่วนในประเทศพม่า มีทั้งหมดตอนนี้ 12 สาขา ในสาขาที่พม่า เรื่องการเมืองเรื่องอะไรยังมีอยู่ เพียงแต่ว่าเศรษฐกิจหรือการก่อสร้างหรือว่าการที่จะต้องซ่อมแซมบ้านยังต้องเดินต่อเนื่องไป คุยกับ Partner แล้วสามารถที่จะประกอบธุรกิจหรือว่าต่อยอดธุรกิจไป ที่ประเทศพม่าเป็นยอดการขายที่ดีมาก ๆ แล้วผลประกอบการอะไรถือว่าดีขึ้น มีปัญหาในประเทศก็จริง แต่สามารถผ่านพ้นมาได้แล้วแก้ปัญหาได้ในพื้นที่ มีวางแผนขยายสาขา เพียงแต่ว่า License ขยายสาขาต้องขึ้นอยู่กับทีมทหาร หรือว่าการเมือง แต่ว่าขออนุญาตก่อสร้างได้ ในปีในปีนี้ คาดว่าอาจจะไม่ทัน คาดว่าจะเปิดอีกสาขาหนึ่งเป็น 13 สาขาคือในต้นปีหน้า เพราะว่าที่ผ่านมาจะไปติดขัดในใบขออนุญาตก่อสร้าง มีการปรับปรุงรีโนเวทเพื่อให้ภาพลักษณ์ตอบโจทย์เป็นที่ยอมรับของลูกค้าในพื้นที่ ทันสมัย
- ส่วนในประเทศอินโดนีเซียมีทั้งหมด 13 สาขา ในอินโดนีเซียตลาดค่อนข้างมีโอกาสทางการตลาดค่อนข้างสูง คุยกับพาร์ทเนอร์จะมีการขยายสาขา จะมีการขยายสาขาในปีนี้ คาดว่าถ้าไม่ได้ติดอะไรเพิ่มเติมจะมีการเปิดสาขาในช่วงไตรมาส 3-4 อีก 3 สาขา
- ยอดขายเติบโตจากไตรมาสเดียวกันปีที่แล้วโตขึ้นมา 2.75% ซึ่งจากที่ผ่านผ่านมาหลายไตรมาส ยอดขายติดลบ
- ไตรมาสที่สองเป็นทิศทางที่ดี ที่ยอดขายกลับมาบวกและถ้าเทียบ YoY ว่าถ้าดูเป็น SSSG ยังติดลบอยู่เล็กน้อย ลบ 2.2%
- ค่อนข้างทําได้ดีมาก เพราะว่าที่ 26.2% ถือว่าเป็น GP ที่สูงที่สุดที่เคยทํามาในไตรมาสต่อไตรมาส ซึ่งถ้าเทียบกับปีที่แล้วโตขึ้นมา 123 bps และ ถ้าเทียบกับไตรมาสที่แล้วโตขึ้นมาอีก 164 bps
- สาเหตุหลัก ๆ คือจากสินค้า house brand ซึ่งทําได้ดีขึ้น แล้วราคาเหล็ก ซึ่งราคาจะปรับสูงขึ้นนิดหน่อยถ้าเทียบกับไตรมาสหนึ่ง
- อยู่ที่ 18% ซึ่งสาเหตุหลักคือมาจากการที่ขยายสาขาเพิ่มขึ้นมา 4 สาขา ทําให้ยังมีค่าใช้จ่ายพนักงาน เรื่องส่งเสริมการขายที่เกิดจากการเปิดสาขาใหม่เพิ่มขึ้นมา
- 1,337 ล้านบาท หรือ 15.34% สูงกว่าปีที่แล้ว 75 bps ถือว่าทําได้ค่อนข้างโอเค
- 764 ล้านบาท margin 8.77% เพิ่มขึ้น 48 bps จากปีก่อน
- Net Debt/EBITDA ลดลงมาที่ 1.94 แสดงให้เห็นว่าสถาการเงินแข็งแรงขึ้นเรื่อย ๆ
- D/E Ratio 0.63 ต่ำที่สุดเหมือนกัน หลัก ๆ คือมีการชําระเงินกู้ให้สถาบันการเงินเพิ่มขึ้น
- Free Cash Flow ยังเป็นบวกต่อเนื่อง โดยไตรมาสสองนี้อยู่ที่ 1,221 ล้านซึ่งเป็นบวกมาตั้งแต่ปี 2020
- Cash Flow Operation อยู่ที่ 1488 ล้าน ครึ่งปีถือว่ายังได้ดี
- สําหรับรอบบัญชี ณ วันที่ 30 มิถุนาบริษัทมีการเปลี่ยนแปลงสินทรัพย์เพิ่มขึ้น 495 ล้านบาท ซึ่งส่วนใหญ่เกิดจาก ที่ดิน อาคาร อุปกรณ์ เพิ่มขึ้น 185 ล้าน Stock ลดลงได้ 41 ล้าน
- หนี้สินรวม ลดลง 187 ล้าน
- เงินกู้ระยะยาวลดลง 1156 ล้าน
- เงินเบิกเกินบัญชีและเงินกู้ยืมระยะสั้นเพิ่มขึ้น 956 ล้าน
- ส่วนผู้ถือหุ้น เพิ่มขึ้น 682 ล้าน ถือว่าภาพรวม Balance Sheet ยังแข็งแรงมาก
- ไตรมาสที่สองมีเปิดสาขาไปที่ทางพื้นที่ภาคใต้ในสาขาปัตตานี กลุ่มลูกค้าที่อยู่ในพื้นที่ภาคใต้ ตอบรับที่ดีมากมาก ไม่ว่าจะเป็นทางหน่วยงานในพื้นที่ หรือว่าทางกลุ่มพนักงาน หรือว่าลูกค้า
- ส่วนใหญ่จะไม่มีธุรกิจหรือว่าร้านค้ามาเปิดอยู่ในพื้นที่ ลูกหลานของชาวพื้นที่จะไปทํางานอยู่ในต่างจังหวัด โดยส่วนใหญ่อาจจะขึ้นมาตอนบนหน่อยอาจจะมาที่สงขลา หาดใหญ่ นครศรีธรรมราช สุราษฎร์ พัทลุง ซึ่งพอไปเปิดแล้วถือว่าตอบรับดีมาก
- กลุ่มลูกค้าบางทีมาช่วยกันรีวิว แล้วมาจับจ่ายใช้สอยกัน
- จะเห็นว่าในอีกสาขาหนึ่งเปิดพร้อม ๆ กันใกล้เคียงกัน ในโซนพื้นที่จังหวัดสงขลา เป็นพื้นที่อําเภอรอยต่อกัน
- วางแผนไปเปิดสาขาให้ครอบคลุมในพื้นที่
- ที่ผ่านมาร่วมกับทางแบงก์กรุงไทย ทางบริษัทมีคะแนน Global Club ร่วมกับแบงก์กรุงไทย
- ลูกค้าสามารถใช้แต้มที่ซื้อสินค้าผ่านกับทาง Siam Global House แล้วสามารถชําระเงินผ่านร้านค้าถุงเงินที่มีร้านค้าอยู่ประมาณเกือบ 2 ล้านร้านค้า เอาแต้มแลกเป็นเงินได้เลย
- เป็นอีกช่องทางหนึ่งจับจ่ายใช้สอย แล้วสามารถเอาคะแนนมาแลกชําระเงินได้
- มีการตอบโจทย์ที่ดีมาก ณ วันนี้มีบัตรที่ขยายผลไปถึงลูกค้า ไม่ว่าจะเป็นลูกค้ากลุ่มเจ้าของบ้าน กลุ่มช่าง กลุ่มอะไรทั้งหลาย มีที่เป็นบัตรเครดิตให้กับลูกค้าทั้งหมดร่วมแสนใบ ลูกค้าใช้ได้ โดยได้รับส่วนลด 3% ในตัวสินค้าที่เป็นค่าบริการได้รับส่วนลด 5%
- แล้วยิ่งกว่านั้นทางบริษัททําโปรแกรมร่วมกับทางttb ผ่อนให้ทั้งร้าน 0% โดยที่เป็นสินค้าตกแต่งบ้าน หรือสินค้าเครื่องใช้ไฟฟ้า สามารถผ่อนได้ถึง 10 เดือน
- ส่วนสินค้าที่เป็นสินค้า โครงสร้างต่าง ๆให้ผ่อน 3 เดือน ซึ่งระยะเวลาจะไปถึงสิ้นไตรมาสสาม แล้วจะดู feedback ถ้าทุกอย่างลูกค้าตอบโจทย์หรืออะไรต่าง ๆ จะดูโปรแกรมที่จะตอบโจทย์ให้กับกลุ่มลูกค้าที่ถือบัตร
- ทําการปรับปรุงหรือว่าพัฒนาเพิ่มประสิทธิภาพการทําธุรกิจให้ต่อเนื่องแล้วให้ยั่งยืนตอบโจทย์ ESG
- สาขาทุกทุกสาขาถ้านักลงทุนได้เห็นคือติดตั้งโซลาร์เพื่อลดโลกร้อน
- สังคม มีการอยู่ในพื้นที่ช่วยเหลือสังคมกับทางในพื้นที่อย่างต่อเนื่อง แต่ละหน่วยงานหน่วยงานภาครัฐหน่วยงานเอกชนมีการช่วยเหลือทางสังคมในพื้นที่อยู่แล้ว
- ในแง่ของบรรษัทภิบาล ความโปร่งใส พยายามทําสิ่งที่สามารถตรวจสอบได้แล้วทําให้โปร่งใส ได้ใบรับรองกันต่อต้านคอร์รัปชันอะไร
- ในส่วนที่ความยั่งยืนอย่างที่บอกไว้มีการขยายสาขา จะขยายสาขาจนหาที่ดินไม่ได้แต่จะมองเรื่องแพลตฟอร์มออนไลน์ แม้สัดส่วนจะยังไม่เยอะมาก แต่เพิ่มขึ้นทุกปี เรา พยายามจะเรียนรู้แล้วเพิ่มไปพัฒนาต่อยอดไปเรื่อย ๆ
- การที่รีโนเวทสาขาเป็นการตอบโจทย์ลูกค้า ติดโซลาร์รูฟ ติดแอร์ เปลี่ยนไฟปรับบรรยากาศภายในร้านสามารถทํา เปลี่ยนเรื่องพวกนี้ไปจนณวันนี้อย่างที่บอกมีโซลาร์รูฟทุกสาขา 87 สาขา ติดแอร์ 87 สาขา เปลี่ยนไฟ 87 สาขาทําใหม่หมดทุกทุกสาทําให้ตอบโจทย์กับกลุ่มลูกค้าของเรา
- ที่ผ่านมาทํามีการทำ Operation Excellent เน้นการบริการให้ประทับใจลูกค้าให้ลูกค้าใช้บริการแล้วเกิดความประทับใจ กลับมาซื้อซ้ำ ทํากระบวนการทําให้ลูกค้ารู้สึกสะดวกสบาย ทําให้ลูกค้ารู้สึกรวดเร็ว
- เอาระบบ AI มาใช้เพื่อใช้กับงานต่าง ๆ ให้ให้ครอบคลุม
- และเห็นมีการถามผลกําไรจากบริษัทร่วมทุน ในปีนี้ ถึงแม้จะเห็นว่าประเทศลาวมีปัญหาค่าเงินกีบที่อ่อนค่าลงไปเยอะ แต่พาร์ตเนอร์เป็นคนในพื้นที่เค้าสามารถบริหารจัดการได้ดี ก็มีผลกําไร หรือว่าร่วมทุนกับทางพม่าแม้จะมีปัญหาความอึมครึมของการเมืองของสงครามอะไรต่าง ๆ แต่สามารถประกอบธุรกิจได้แล้วมีผลกําไรที่ดี แล้วของที่อินโดนีเซียที่ร่วมกับพาร์ทเนอร์ โอกาสทางการตลาดค่อนข้างเยอะ เพราะว่ามีจํานวนประชากรเยอะมาก แล้วมีการขยายธุรกิจอย่างต่อเนื่อง ยอดการขายที่อยู่ในต่างประเทศทั้งหมด เกือบครึ่งเลยประมาณ 16,000 - 17,000 ล้าน ในแต่ละปี เพียงแต่สัดส่วนยังมีกับทางพาร์ทเนอร์ 20-30% เราก็อยากจะไปเพิ่มทุนในบางพื้นที่ อยากให้ความมั่นใจกับทางนักลงทุนว่าในต่างประเทศทําผลตอบแทนได้ดี เพราะต้องมีการทํางานร่วมกับพาร์ทเนอร์ของโดยเฉพาะอย่างที่บอกในประเทศพม่า ปีนี้ %GP วิ่งไปถึง 30%
SSSG เดือนกรกฎาที่ผ่านมาเป็นอย่างไรบ้าง
- SSSG เดือนกรกฎาของยังติดลบ ซึ่งว่าหลัก ๆ นอกจากที่เป็นช่วงเดือนที่ผ่านมาที่ฝนตกพอสมควร เงินภาครัฐอยากจะไม่ได้ออกมาแบบปกติ ทําให้กําลังซื้อโดยรวมยังไม่ค่อยดีเท่าไหร่ โดยเฉพาะสินค้าโครงสร้าง ยอดขายยังไม่ค่อยดีเท่าไหร่ แต่ว่าหมวดอื่น ๆ ยังไปได้ไม่ได้แย่
- เดือน 7 ยังติดลบอยู่ คงต้องรอดูอีกทีช่วงเดือน 8-9
- จริง ๆ แล้วเหล็ก ราคาเดือน 5 กับเดือน 6 จะปรับขึ้นมาจากเดือน 4 หรือไตรมาสหนึ่งเล็กน้อย ทําให้ภาพรวมMargin เหล็กของในไตรมาสสองทําได้ดีกว่าไตรมาสหนึ่ง
- เหมือนกับที่ด้สื่อสารไป เดือนกรกฎา การเติบโตยังทรง ๆ แล้วอาจจะติดลบเล็กน้อย
- เป้าการเติบโตทั้งปี น่าจะใกล้เคียงหรือบวกเล็กน้อยจากปีที่แล้วเ พราะว่าด้วยภาพเศรษฐกิจโดยรวมยังไม่ค่อยดี
- ไตรมาสสอง New High ที่ 26.6% ครึ่งปีหลังเป้าหมายน่าจะประมาณ 26%
- หลัก ๆ แล้วส่วนแบ่งของกําไร มาจากประเทศพม่า 70-80% เลย แล้วส่วนแบ่งจากประเทศลาวและอินโดเฉลี่ยกันไป
- ต้องคุยกับทาง Partner โดยส่วนใหญ่แล้วทางบริษัทมองว่าถ้าธุรกิจไปได้ดีอยากจะเพิ่มทุนหรือว่า ขอสัดส่วนเพิ่มกับแต่ละประเทศ
- Margin เหล็กกรกฎาว่าอาจจะต่ำลงกว่าเดือน 5 เดือน 6 เล็กน้อย หรือทิศทางราคาเหล็กเดือนกรกฎาคมจะปรับตัวลงมาใกล้เคียงกับช่วงสี่เดือนแรกปีนี้
- แต่ว่าMargin รวมว่ายังโอเค น่าจะประมาณ 20% ฉะนั้นถึงราคาเหล็กจะปรับลงนิดหน่อยอย่าเพิ่งกังวล
- ตอนนี้ที่ราคาเหล็กลงมา ส่วนหนึ่งคือตาม Seasonal หน้าฝน จริง ๆ หมวดเหล็กยอดขายปีนี้ทําได้ค่อนข้างโอเค ไม่ได้แย่
- ส่วนราคาเหล็กลงที่จีนจะมีผลกระทบต่อไทยไหม ไม่ได้มาก พราะว่าเหล็กหลัก ๆ ที่ใช้ในงานก่อสร้างบ้านมี มอก. ที่จะป้องกันไม่ให้เหล็กจากจีนเข้ามาได้
- ในอีกปีถัดไป เราจะขยายไปถึง 101 สาขา ซึ่งสิ่งที่จะขยายสาขาเพิ่มมองไว้ว่าจะต้องขยายสาขาอย่างต่อเนื่องไป พยายามหาที่ดิน เพราะว่าที่ดินปัจจุบันเริ่มหายากขึ้น
- จะมีขยายไปในสาขาที่เป็นอําเภอหรือว่าเป็นอําเภอใหญ่อําเภอรองไป เพื่อสามารถเก็บฐานลูกค้าเพิ่ม
- จริง ๆ แล้ว เรามีที่ดินที่สํารองไว้ที่จะเปิดสาขา รองรับไปแล้วไปมากกว่า 100 สาขาแล้วมีทําเรื่องออนไลน์ควบคู่กันไป
- ด้วยปัจจัยภาวะเศรษฐกิจปัจจุบันอย่างที่คนได้เห็นว่า ปีนี้ยอดขายอาจจะโตไม่เยอะ GDP จะโตอยู่ประมาณสักสอง 2% อัตราการเติบโตยอดขายเราน่าจะดีกว่า
- เราพยายามให้ใกล้เคียงกับปีที่แล้ว หรือโตขึ้นนิดหน่อย แต่ว่าส่วน GP น่าจะทําได้ดีกว่าปีที่แล้ว โดยรวมแล้ว Bottom Line จะดีขึ้นจริง ๆ
- ครึ่งปีหลัง กากหลายปัจจัยไม่ว่าจะเป็นปัจจัยงบของภาครัฐที่ออกมาหรือว่าการ ควบคุมที่ที่ผ่านมาที่มีการควบคุมวงเงินเรื่องการปล่อยสินเชื่อ ถ้าทางหน่วยงานต่าง ๆ ภาคเอกชนพวกธนาคารต่าง ๆ ทําให้เม็ดเงินหมุนเวียนออกมาได้ หรือว่าการที่ทางลูกค้าเจอกู้วงเงินอะไรต่าง ๆ จะซื้อบ้าน ซื้ออะไร ถ้ามีการหมุนเวียนเวียนมาน่าจะมีการขยับขยายทําให้ยอดการขายครึ่งปีหลังจะดีขึ้น
- อีกประเด็นหนึ่ง ครึ่งปีหลังมีโอกาสที่แบงก์ชาติจะลดดอกเบี้ย ถ้าบ้านลดคงมีผลต่อ ตัวธุรกิจ
- ประมาณ 2,000 ล้าน สําหรับขยายสาขา
- ส่วนเรื่องรีโนเวท แล้วยังทําต่อเนื่อง แพลนปีนี้น่าจะรีโนเวทใกล้ใกล้ 10 สาขาเหมือนกัน เพราะว่าการที่รีโนเวทเป็นการตอบโจทย์กับกลุ่มลูกค้าในแต่ละพื้นที่แล้วตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์ของลูกค้า ที่ผ่านมาเวลารีโนเวทแล้วสามารถที่จะมียอดการขายเพิ่มมากขึ้นเพราะปรับProduct Mix ต่าง ๆ ให้สอดคล้องกับลูกค้าในพื้นที่
- กรกฎาคม ปรับลดมาเล็กน้อย ใกล้เคียงกับช่วงต้นปีหรือไตรมาสหนึ่ง ซึ่งไม่ได้ปรับลดอะไรเยอะ ราคาไม่ได้สวิงเยอะมาก ถ้าเทียบกับปี 2021 มา 2022 ดังนั้นราคาปรับลดลงมาเยอะกว่าเยอะมาก ดังนั้น ตอนนี้ ไม่ใช่เป็นประเด็นที่ต้องกังวล เราเจอที่หนักกว่านี้มาเยอะแล้ว
- น่าจะมีผลกระทบต่อบริษัทที่เป็นแพลตฟอร์มด้วยกันมากกว่า สินค้าของหลายหลายตัวเป็นสินค้าชิ้นใหญ่ สุขภัณฑ์ กระเบื้อง อ่างล้างหน้า เหล็ก ปูน ม่ได้เกี่ยวกับสินค้าที่ขายใน TEMU
- สินค้าที่เป็นชิ้นใหญ่ใหญ่หรือว่าวัตถุดิบก่อสร้างลูกค้าโดย โดยส่วนใหญ่ก่อนยังมีมาเลือกซื้อมาจับต้องที่สาขา
- เป็นแพลตฟอร์มหนึ่งที่ต้องเรียนรู้กับเขาแล้ววางแผนป้องกัน ทางทีมบริหารติดตามอย่างต่อเนื่อง ว่าจะต้องป้องกันด้วย แล้วจะต้องทําประสิทธิภาพของทางบริษัทให้ สามารถแข่งขันได้ในแต่ละด้านไม่ว่าจะเป็นทั้งออนไลน์ ออฟไลน์
- จริง ๆ ยอดขายออนไลน์ของโตมาเรื่อย ๆ แม้จะยังเป็นสัดส่วนไม่เอะ
- เท่าที่รับทราบส่วนใหญ่ของโรงงานจีนที่มาตั้งโรงงานในประเทศไทย โดยส่วนใหญ่เค้ามาตั้งเพื่อจะขายไปอเมริกาหรือยุโรป เพราะว่าโดนภาษีที่อเมริกาและยุโรป ทําให้เค้าต้องมาตั้งโรงงานที่ไทยเหล่านั้น อันนั้นเป็นวัตถุประสงค์หลัก
- เมืองไทยเป็นตลาดเล็กมากสําหรับจีน เพราะว่าสินค้าเค้าหลายหลายตัวหน้าตา ดีไซน์ การใช้งานเหมาะสําหรับลูกค้าที่เป็นอเมริกัน ยุโรปมากกว่า
- หลายรายถ้าจะมาถึงเค้าจะมาขายไทย เค้าอยากมาขายผ่าน Global House
- มองในแง่หนึ่งอาจจะดีต่อเรา จากเมื่อก่อนต้องไป ซื้อจากโรงงานที่จีน สมมุติตอนนี้ถ้าเค้ามาตั้งที่ไทยยิ่งง่ายขึ้นสําหรับเรา เพราะว่าทางเรามีสัดส่วนของการที่นําเข้า แล้วมีสินค้าที่ House Brand ของมากกว่า 20% เราถือเป็นผู้นําที่จะ Source สินค้ามา
- ถ้า TEMU มาเค้าต้องมองว่าเป็นหนึ่งในบริษัทใหญ่ที่มีกําลังพลังซื้อ ถ้ามองในมุมกลับ
- ต้องดูว่าสินค้าเค้ามีคุณภาพไหม จะมาตอบโจทย์กับกลุ่มลูกค้าในไทยไหม
- สินค้าจากจีนขายอยู่ในแพลตฟอร์มบ้านเรามาหลายปีแล้ว