Re: [SPVI] บริษัท เอส พี วี ไอ จำกัด (มหาชน)
Posted: Thu Aug 29, 2024 12:18 pm
สรุปคลิป Oppday Q2/2024 SPVI บมจ. เอส พี วี ไอ
Business Update
- ตอนนี้มีสาขาทั้งหมด 79 สาขา ซึ่งแบ่งออกเป็นแต่ละภาคกับภาคเหนือ 21 ในภาคกลาง 30 และภาคตะวันออก 19 แล้วทางด้านตะวันตก 1 ทางภาคอีสาน 4 แล้วภาคใต้ 4
- โดยแบ่งออกมาเป็นประเภทของสาขา iStudio 6 สาขา Mobi 4 สาขา iBeat 5 สาขา U-Store 26 สาขา iCenter 6 สาขา AIS 22 สาขา A-store 9 สาขา และ iSolution 1 สาขา
- iStudio Mobi iBeat ยังคงเป็นสินค้า Apple อยู่ ส่วน Mobi จะมีส่วนที่เป็น Third Party ด้วย
- U-Store A-Store เป็นร้านที่เปิดอยู่ในมหาวิทยาลัย
- AIS ยังคงเป็นแฟรนไชส์เป็นพาร์ทเนอร์ทางด้านAIS ในนามของAIS และ Telewiz
- Center เป็นศูนย์บริการ ทั้งหมดตอนเรามี 6 สาขาด้วยกัน
- นอกจากธุรกิจที่เป็น Retail Business แล้วมีที่เป็นEnterpriseการขาย E2E เข้าไปสู่บริษัททั้งหลายที่เป็นองค์กร แล้วในที่เป็นองค์กรเรามีเซ็กเมนต์เป็นในทางด้าน Education นซึ่งเป็น โรงเรียนในระดับประถมถึงมัธยม แล้วก็ในระดับอุดมศึกษา
- ปี 2024 มีการเปิดตัวตัว Macbook และ iPad ประมาณเดือนพฤษภาคม แล้วเริ่มจําหน่ายในวันแรกเดือนพฤษภาคมเช่นเดียวกัน ซึ่งอันเป็นโปรดักส์ไฮไลท์หรือคีย์อันนึงขึ้นมาซึ่งเกิดมาในช่วงของกลางไตรมาสอันนี้พอดี
- แล้วในช่วงของประมาณมิถุนายน Appleได้มีการเปิดตัวอีกอันนึงApple Intelligence ซึ่งเป็นที่ฮือฮาอย่างมากว่าสามารถที่จะมี features ในเรื่องของAIเข้ามาอยู่ในระบบปฏิบัติการ
- ภาพรวมมาร์ทโฟนของApple มีการเติบโตอยู่ที่ประมาณ 1.5% แต่ของเราอันนี้เป็นจํานวนยูนิตที่ขายเติบโตขึ้นประมาณ 51%
- ที่ผ่านมาทั่วโลกได้มีการเติบโตอยู่ที่ประมาณ 18% แต่เราติดลบ ด้วยเหตุผลมีทราบกันอยู่การเปิดตัวมา จํานวนสินค้า จํานวนสต๊อกที่เข้ามายังไม่เพียงพอกับสิ่งที่เราควรจะทําได้ โดยเฉพาะเรื่องสี ซึ่งเป็นสิ่งที่เราคาดไม่ได้ หรือว่าสิ่งที่จะชิปเข้ามานั้นเป็นไรบ้าง
- ตลาด PC ซึ่ง Apple มีการเติบโตค่อนข้างเยอะเลย 22% แต่ในขณะที่เราติดลบไป 24% เห็นผลตรงที่ว่าราคาที่เปิดตัวออกมาค่อนข้างสูงมาก ตลาดเซกเมนต์โดยส่วนใหญ่จะเป็นตลาดทางด้านการศึกษาซึ่งคนส่วนใหญ่จะนิยมชอบใช้iPad
- ประกอบด้วย iStudio iBeat ซึ่งมียอดขายเติบโตขึ้นประมาณ 7% YoY
- ปีนี้ไม่ค่อยดีมาก ซึ่งเหตุผลอันหนึ่งที่เราได้เห็นกันอยู่คือในเรื่องของการผ่อนถึงแม้ว่าเราขยายที่จะหาบริษัทไฟแนนซ์เข้ามาเพื่อมาช่วยรองรับไรต่าง ๆ แต่ว่าด้วยเงื่อนไขที่ที่ออกมาที่นักศึกษาจะต้องรับในเรื่องของไม่ว่าจะเป็นเรื่องของเงินดาวน์ก็ดี ความยากในเรื่องของการปล่อยสินเชื่อให้กับเด็กนักเรียน เพราะฉะนั้น ตรงเลยมีผลทําให้เกิดการจําหน่ายช้าลง แล้วประกอบกับตัวiPadเองซึ่งจำนวนที่เข้ามาไม่ค่อยไม่ค่อยเยอะมาก เลยทําให้ยอดของมีผลกระทบค่อนข้างเยอะ
- เช่นเดียวกัน มีผลกระทบขึ้นมาเหมือนกัน ซึ่งตอนนี้ถามว่าตัวสินค้าที่จําหน่ายอยู่ในร้านAISถ้าเทียบกับในอดีตที่ผ่านมา เราจะขายตัวiPhoneได้ค่อนข้างเยอะ
- แต่ปีนี้ เนื่องจากว่าทางด้านตัวแอนดรอยด์มีการทําโปรโมชั่นค่อนข้างแรง แต่จริง ๆ เราขายได้จํานวนเครื่องที่ค่อนข้างเยอะเหมือนกัน แต่เพียงแต่ว่ามูลค่าของเครื่องไม่เทียบเท่ากับตัว iPhone เลยทําให้ยอดโดยรวมที่วเป็นที่เป็นเงินบาทมีการปรับลดลง
- แต่สิ่งที่เราสามารถทําได้ค่อนข้างดีการเข้าไปในกลุ่มของโรงเรียนที่เป็นระดับผมและมัธยม ซึ่งเรามีจํานวนโรงเรียนที่เซ็นเข้ามากับเรา เป็นเข้าร่วมโครงการ ราคาเพื่อการศึกษาสําหรับเด็กประถมและมัธยม
- ซึ่งมีจํานวนที่โรงเรียนที่เพิ่มมากขึ้นจาก 600 และในไตรมาสก่อนมาเป็น 621 โรงเรียนด้วยกัน
- ซึ่งตอนเราไม่ได้มุ่งในจํานวนของโรงเรียนเป็นหลักแล้ว แต่เรามามุ่งในเรื่องของการที่จะทําให้ในโรงเรียนนั้นไม่ว่าจะเป็นครูหรือนักเรียน ได้เข้ามาร่วมโปรแกรมอันนี้มากขึ้น
- ซึ่งถ้าเทียบกับYoYจํานวนจํานวนเครื่อง หรือจํานวนมูลค่าที่จําหน่ายมีการเติบโตค่อนข้างเยอะพอสมควร แต่อย่างที่บอกว่าที่จริง ๆ น่าจะมีโอกาสที่โตได้มากกว่านี้ในเรื่องของiPadเพราะว่า ตลาดส่วนใหญ่เลยจะเป็นiPadเป็นสินค้าหลักเลย
- เครื่องจักรอีกตัวในการที่จะสร้างรายได้ให้กับบริษัท คือ ช่องทางการจําหน่ายทางออนไลน์
- ถือว่ามีการเติบโต จะได้เห็นว่าสัดส่วนของออนไลน์ที่เป็น Market Place ตอนนี้เราพยายามบาลานซ์กันระหว่าง Shopee กับ Lazada ซึ่งตอนสัดส่วนค่อนข้างจะใกล้เคียงกัน
- แต่อย่างไรตาม ยังคงมีการเติบโตอย่างต่อถ้าเทียบกับQoQมีการเติบโตเล็กน้อย แต่ถ้าเทียบกับYoYมีการเติบโตประมาณ 77%
- ถือว่า เราสามารถที่จะครองอันนี้ได้ เพราะเหตุผลตรงที่ว่าเราสามารถที่จะร่วมแคมเปญอะไรต่าง ๆ ซึ่งทําให้ยอดขายได้มีการเติบโตโดยเฉพาะอย่างยิ่งในiPhone
- ของเราเอง มีการเติบโตถ้าเทียบ QoQ เติบโตประมาณ 49% ส่วนมากอีคอมเมิร์ซที่เราไปจริง ๆ แล้วเราเข้าไปเป็นส่วนช่วยที่ทําให้ช่องทางทางด้านการศึกษาทําให้มีการโต ได้ค่อนข้างดี เพราะว่าจํานวนสาขาที่เราคัฟเวอร์ไม่สามารถ cover ได้ทุกจังหวัดเพราะฉะนั้นเราเลยเอาตัวE-commerceเข้ามาเป็นส่วนช่วยเสริมในการที่จะจําหน่ายเข้าสู่ตลาดทางด้านการศึกษา
- สัดส่วนสินค้าที่มีเห็นได้ว่าiPadนั้น cover ถึงประมาณ 50% อันนี้เป็นส่วนอันนึงที่ภาคโดยรวมของตัว E-commerce
- Marketplace ถ้าเรามาดูสัดส่วน รายได้ YoY มีการเติบโต 50%
- ในช่วงไตรมาสที่ผ่านมาตัว visitor ที่เข้ามาที่ market placeใน shoppee มีจํานวนถึง 2.1 ล้านคน มูลค่าต่อ transaction เติบโตขึ้น 7% ซึ่งปัจจุบันตอนจํานวน follower เพิ่มขึ้นไปถึง 2.1 ล้านแล้ว ที่สําคัญที่สุดคอนเวอร์ชั่นของเราขึ้นไปถึงระดับ 2.26% ถือว่ามีประสิทธิภาพที่ค่อนข้างดีแล้วที่สําคัญที่สุด แคมเปญ ที่เราเข้าร่วมตลอดในช่วงไตรมาสที่สอง กับโปรเดตที่เป็น 4.4 5.5 6.6 อันนี้เป็นส่วนที่ช่วยผลักดันให้ทางด้าน shopee มีการเติบโตค่อนข้างดี
- Lazada ถ้าเทียบQoQเทียบกับ Q1 Q2 มีการเติบโตอยู่ที่ประมาณ 17% แล้วมีจํานวน visitor เพิ่มขึ้น 6% transaction เพิ่มขึ้น 9% สําหรับค่ามูลค่าต่อ transaction ลดลงไปประมาณ 2% อันนี้ถือว่า ยังมีโอกาสที่จะเติบโตไปได้อีก
ภาพรวม Q2/2024
- ภาพรวมของปี 2024 ทั้งไตรมาสหนึ่งแล้วไตรมาสสองมีการเติบโตของยอดขายได้ค่อนข้างดี โดยที่ไตรมาสหนึ่งยอดขายเราโตจากไตรมาสหนึ่งปีที่แล้วประมาณ 15% ในขณะที่ไตรมาสสอง ยอดขายมีการเติบโตเช่นกันอยู่ที่ประมาณ 13%
- แต่ว่าอาจจะมีปัจจัยหลายหลายเหตุ ที่ทําให้กําไรหดตัวลงโดยเฉพาะในช่วงไตรมาสหนึ่ง ที่ตัวกําไรอาจจะหดตัวลงไปค่อนข้างเยอะ
- ไตรมาสสอง ยอดขายที่เรายังเติบโตอยู่ หลัก ๆ แล้วมาจากพาร์ทที่เป็นออนไลน์เป็นหลัก ลูกค้าเน้นในสินค้าที่คุ้มค่ คุ้มราคามากขึ้น ซึ่งตอบโจทย์กับทางออนไลน์ที่มีส่วนลดซัพพอร์ตด้วย
- ส่วนนี้เลยทําให้ส่วนหลัก ๆ อย่างพวกiPhoneที่เป็นiPhone 11 หรือiPhone 13 ยังเติบโตได้ดีในช่องทางออนไลน์ แต่ว่าในส่วน Physical Store น่าเสียดายที่เราค่อนข้างขาดแคลนในiPadที่เป็นตัวนิวโปรดักส์ อาจจะทําให้ส่วนช่วงเดือน 6 ที่เราน่าจะทำรายได้ใน New iPadอาจจะทําได้ไม่ดีเท่าที่เราคาดการณ์ เลยทําให้กําไรของไตรมาสนี้ดรอปลง แต่ว่าดรอปลงอาจจะแค่ประมาณ 5 ล้าน ถ้าเทียบกับปีที่แล้ว
- ปลายไตรมาสสองที่ผ่านมามีการปิดสาขาที่ไม่ทํากําไ
- ลงไปด้วยบางส่วน เลยอาจจะทําให้ในช่วงของไตรมาสสองของปีนี้เรามีกําไรสุทธิที่ลดลงเทียบกับไตรมาสเดียวกันปีที่แล้ว
- รายได้ยังเติบโตโดยหลัก ๆ เติบโตรวมประมาณ 14% แต่ว่าในกําไรที่หดตัวลง จากในไตรมาสแรกเป็นส่วนสําคัญเลย ซึ่งหลัก ๆ มาจาก iPhone ที่ต้อง absorb ส่วนต่างราคาที่เราขายไปในช่วงไตรมาสหนึ่ง และสินค้า iPad ขาดแคลน ของไม่เข้ามาอย่างที่คาดการณ์ ในไตรมาสสอง ทําให้ยอดอาจจะไม่ได้ตีตามหวังในไตรมาสสอง
- แบ่งตามช่องทางการขาย มี 2 ช่องทางหลัก ๆ คือ retail และ online
- รีเทลเติบโตประมาณ 7% แล้วฝั่งออนไลน์ที่เติบโตประมาณ 77%
- ซึ่งจริง ๆ รีเทลเรามองว่าเอาจะทําได้ดีกว่านี้ แต่เจอปัญหาสินค้าขาดแคลน และจริง ๆ เดือน 7 ยอดค่อนข้างดี
- ออนไลน์ การเติบโตมาจากในiPhone Nเป็นหลัก
- EAE โปรเจคบางโปรเจคที่เราเลื่อนส่งจากเดือน 6 ไปเดือน 7 ด้วยเลยทําให้ส่วนนี้จะมีดรอปไปบ้าง
- ภาพครึ่งปีแรก รีเทลและออนไลน์เติบโตสัดส่วนรีเทล มีการเติบโตของยอดขายประมาณ 3% ในขณะที่ทางออนไลน์มีการเติบโตของยอดขายประมาณ 103%
- 3 เดือน Mac Os เป็นไปตามเทรนด์ Global คือเทรนด์ลดลง ส่งผลต่อ Apple Accessory ที่ลดลงiOS มีการเติบโตค่อนข้างดี 23% ซึ่งหลักจากตัว iPhone เป็นหลัก
- ภาพรวมงวด 6 เดือนยังเป็นภาพเดียวกันที่ Mac ดรอปลง แต่ iOS ยังเติบโตได้ดี ออนไลน์ที่อาจจะมีการเติบโตของตัวiPhone N- อาจจะทําให้นักลงทุนบางท่านอาจจะถามว่า ถ้าแล้วอย่างงี้ตัว iPhoneอื่น ๆ ที่ไม่ใช่ N- แล้วiPhone 15 เรายังขายดีอยู่ไหมแล้วiPhoneที่เป็นนิวโปรดักส์ที่อาจจะออกมาหรือลุ้น ๆ ช่วงปลายปีจะยังขายดีหรือไม่
- ทางบริษัทเรามองว่าถ้า รุ่นใหม่ใหม่จะสร้างประสบการณ์ที่ดีกว่าให้กับตัวลูกค้า เรามองว่าจริงจริงโครงการ Trade in เป็นอีกหนึ่งโครงการที่เราพยายามจะโฟกัสมากขึ้น เพื่อมาจับตลาดในช่วงครึ่งปีหลัง ถ้าลูกค้าที่มีiPhoneอยู่ในมือแล้วคิดอยากจะเปลี่ยนตัวเครื่องให้มีรุ่นที่อัพเดทขึ้นมีประสิทธิภาพที่ดีขึ้นหรือว่าอาจจะมีฟังชั่นใหม่ ๆ ที่ดึงดูดตัวลูกค้าได้มากขึ้น สําหรับตัวiPhoneที่อาจจะเปิดตัว เราอาจจะช่วยลูกค้าในการ Trade in
- โมบาย เราพยายามจะโฟกัสแต่ว่าด้วยช่องทางของทางมัลติแบรนด์เราเองที่อาจจะไม่ได้มีมากนักเมื่อเทียบกับตัว Apple แต่ว่าอย่างไรตามเรามองว่าในช่วงครึ่งปีหลังไม่ว่าจะเป็นทางซัมซุงเองหรืออื่น ๆ องที่จะเปิดตัวเข้ามาใหม่ เราพยายามจะซัพพอร์ตค่าที่อาจจะมีกําลังซื้อไม่ได้มากนักในการดันส่วนที่เป็นไฟแนนซิ่งเข้ามา เพื่อให้ลูกค้าสามารถเลือกซื้อสินค้าได้สะดวกมากขึ้น
- GP Margin ภาพรวมครึ่งปี ปิดที่ 10% โดย Q1 เราค่อนข้างดรอปแต่กลับมาได้ในไตรสสอง อาจจะเพราะว่าในพอร์ตเราขายตัวAppleได้มากขึ้นด้วยเมื่อเทียบกับปีที่แล้ว รวมถึงอาจจะมีโพรวิชั่นของ inventory ที่บวกขึ้นมานิดหน่อยแต่ว่าหลัก ๆ แล้วไม่ไม่น่ากังวลเพราะว่าหลักๆจะเป็นในเดโมเป็นหลักอยู่แล้ว
- กําไรสุทธิ Net Profit ที่อาจจะดรอปลงมาหลักๆแล้วจะมาจากในความสามารถในการทํากําไรและที่ลดลงจาก Physical Store รวมถึงการที่เราปิดสาขาที่ไม่ Perform เลยอาจจะทําให้ผลประกอบการลดลง แต่อาจจะทําให้ fix cost เราเบาลงในอนาคต และช่วยผลประกอบการในอนาคต
- Inventory ดรอปลงตามเทรนด์ เพราะ Q2 Q3 เราพยายาม lean stock iPhone ลงไปเพื่อรอรับ iPhone ใหม่ แต่ว่าอาจมีท่านนักลงทุนที่ track เป็นรายไตรมาสไตรมาสสองอาจจะโดดขึ้นมาเทียบไตรมาสหนึ่ง หลัก ๆ จาก iPad ที่เพิ่มขึ้น เพราะรุ่น Highlight ช่วงปีที่แล้วและ Q1 ยังมียอดขายที่ดี
- Inventory Turnover สามารถหมุนรอบได้ดีขึ้นจาก 9.7 เป็น 11.1 เรียกได้ว่าตัวสต๊อกที่เห็นว่าเพิ่มขึ้นยังสามารถหมุนได้ ไม่มีของสต๊อกเยอะหรือเป็นปัญหาไรเมื่อเทียบกับปีที่ผ่านมา
- แล้วในสภาพคล่องของบริษัท D/E Ratio มีสัดส่วนที่ใกล้เคียงกับปีที่แล้ว โดยลดลงเล็กน้อยจาก 1.12 เป็น 1.09 เท่า รวมถึง current ratio ให้ที่สะท้อนถึงสภาพคล่องของบริษัทใกล้เคียงเดิม 1.59 เป็น 1.58
- จาก short term ที่ลดลงจากการซื้อสินค้าที่ลดลงด้วยในช่วงปลายไตรมาส รวมถึงตัว D/E เราถ้าเทียบกับเพื่อนเพื่อนที่ที่เป็น sector เดียวกัน D/E เรายังค่อนข้างดีทีเดียวเมื่อเทียบกับเพื่อน ๆ
- ROE ROA ลดลง เนื่องจากกําไรที่อาจจะปรับลดลงไปเมื่อเทียบกับปีที่ผ่านมา ROA อาจจะดรอปลงค่อนข้างเยอะเพราะว่าจะมีช่วงของตัวสาขาของiStudioสองสาขา ณ ที่เปิดช่วงปลายปีที่แล้วหนึ่งสาขาแล้วช่วงปีที่ผ่านมาอีกหนึ่งสาขา เราพยายามจะบูสตัวรายได้ให้โคฟเวอร์ cost ทั้งหมดให้เร็วที่สุดแล้วมีปิดสาขาที่ไม่ perform ไปด้วยช่วงไตรมาสที่ผ่านมา
- คาดว่าสําหรั physical store อาจจะมี new product ที่ที่ที่ออกมาอาจจะช่วงปลายปีหรือว่าช่วงเดือน 9 จะช่วยบูสฝั่ง physical store ให้ดีขึ้น ในช่วงครึ่งปีหลัง
- ในไตรมาสที่สองที่ผ่านมาเรามีการอย่างเป็นทางการสําหรับร้าน iStudio ที่เซ็นทรัลนครสวรรค์
- ในช่วงเดือนเมษายนเราได้ทํากิจกรรมแล้ว เปิดร้านแบบ full ไม่ว่าจะเป็นศูนย์ซ่อม ตัวสินค้าที่ถูกวางไว้เต็มสเกลทั้งหมด
- ที่เรามี ROA ค่อนข้างจะน้อย เพราะว่า อันนี้เป็น Asset ก้อนใหม่ที่เพิ่งเข้ามา
- ในช่วงเวลานี้ เรามีการจัดการในเรื่องของค่าใช้จ่าย และสาขาที่ไม่ Perform
- แต่อย่างไรตามเรามองว่า สินค้าอีกตัวนึงที่เรากําลังจะทําคือ พัฒนาโปรแกรม MiHCM ที่เกี่ยวกับทางด้านบริหารจัดการบุคลากร ซึ่งตอนที่ผ่านมาได้รับการตอบรับที่ค่อนข้างดีขึ้น เราไปออกงานต่าง ๆ เปิดตัวให้คนรู้จักมากขึ้น ตอนนี้เป็นในช่วงของการ ติดต่อลูกค้ากลับไป มีการพูดคุยต่าง ๆ เพราะฉะนั้น อันนี้สิ่งที่เราคิดว่าน่าจะเป็นสิ่งอันนึงที่ช่วยกับธุรกิจของเราได้ ถึงแม้ว่าจะcontributeอาจจะเป็นส่วนน้อยแต่เพียงแต่ว่าmargingจะดีกว่าแล้วที่สําคัญที่สุดในเรื่องของการทํา requiring revenue จะมีการใช้เช่าใช้ license กันทุก ๆ ปี
- อันนี้เป็นเป็นสิ่งที่เราจะโฟกัส ในเรื่ องของการปรับปรุงประสิทธิภาพของร้าน แล้วก็ maintain ร้าน อันไหนที่ไม่ดี เราจะทําการจัดการปิด ซึ่งอันนั้นน่ะเราพยายามที่จะให้มีผลกระทบน้อยที่สุด สําหรับในเรื่องของผลประกอบการ
การที่ไปออกงานคอมมาทและโมบายเอ็กซ์โป ทางSPVI มีผลกําไรจากสองงานนี้หรือไม่ เห็นเพื่อน ๆ เราส่วนใหญ่ไปออกแล้วขาดทุน เลยอยากให้ SPVI จัดงานของตัวเองดู
- จริง ๆ แล้ว การที่เราออกงานทํานองตั้งใจว่าเราจะเอาสินค้าที่เป็นเดโมทั้งหลายออกไปจําหน่ายแล้ว ส่วนในเรื่องของมูลค่าที่โดนตั้งพรูวิชั่นไว้จะถูกบวกกลับเข้าไปแล้วจะเป็นวิธีการที่ออกได้เร็วที่สุดแต่อย่างไรตาม เรามีความคิดอยู่เหมือนกันว่าถ้าเราไปจัดงาน เป็นทางเลือกอีกทางหนึ่งที่ทางทีมงานกําลังดูว่าที่ไหนเป็นโลเคชันที่เราสามารถแล้วในเรื่องของการทําmarketingเช่นเดียวกัน เรามองว่าเราต้องการที่จะปล่อยสินค้าให้เร็วที่สุด
- เรามองว่ากลุ่มตลาดโดยส่วนใหญ่เลยจะขาย N- ซึ่ง จะเป็นกลุ่มลูกค้าที่ price conscious ในกรณีที่ว่ามูลค่าเครื่องไม่ได้ถึงขนาดที่เป็น iPhone 15 Pro หรือ iPhone 15 Pro Max ช่วงราคา ประมาณ 15,000-20,000 อันนั้นเป็นเป็นรุ่นที่เราขายค่อนข้างดี โดยเฉพาะยิ่งการขายจะผ่านไปทางช่องทางของmarket place ซึ่งเราคิดว่ากลุ่มตลาดลูกค้าพวกไม่ได้กังวลหรือไม่น่าจะให้ความสําคัญเกี่ยวกับเรื่องApple Intelligence
- แต่อย่างไรตาม รุ่นเหล่ายังคงสามารถที่จะถูกอัพเกรดไปใช้โอเอสตัวใหม่ iOS18 เพียงแต่ว่าในกรณีที่เครื่องที่มีชิฟรุ่น A17 Pro คือ iPhone 15 Pro หรือ iPhone 15 Pro Max เป็นรุ่นที่มีชิปอันนี้ สามารถที่จะใช้ตัวApple Intelligence ได้เลย
- เพราะฉะนั้นเรามองเห็นว่ากลุ่มตลาดหรือกลุ่มเป้าหมายมีความต่างกัน เพราะฉะนั้นเรียกว่าไม่น่าจะมีผลไรมาก เพราะว่าที่ผ่านมาในกลุ่มที่เรามอนิเตอร์รุ่นไฮเอนด์ที่ขายผ่านทางแชนแนลออนไลน์ค่อนข้างจะไม่ค่อยมีผลมาก ยกเว้นว่า ถ้าขายผ่านในหน้าร้านเอง จะเป็นรุ่นที่ค่อนข้างจะเป็นรุ่นที่ไฮเอนด์ เพราะฉะนั้น มีความต่างของของกลุ่มเซ็กเมนต์ เพราะฉะนั้นอันนั้นคิดว่าไม่น่าจะเป็นกังวลสําหรับเรา
- ตอนนี้ร้านที่เป็น physical store สาขาทั้งหมดเลยจะเป็น fixed ค่าเช่า ซึ่งมีสัญญาเซ็นเป็นอยู่สามปีโดยมีเงื่อนไขที่ว่ามีการปรับค่าเช่าขึ้นปีนึงประมาณ X เปอร์เซ็นต์ ซึ่งแล้วแต่ว่า location แต่ละที่มีความแตกต่างกันออกไป แต่เรื่องของ revenue sharing เราไม่มีแล้ว
- อันนี้เป็นสิ่งที่ตอบยากมากเลยยากมากเลย พราะว่า สิ่งที่เราจะรับรู้อาจจะใช้เวลาหนึ่งหรือสองวันล่วงหน้าในที่รู้ว่ามีของจากAppleประมาณเท่าไหร่ อันนี้คงตอบได้ยาก แต่เราพยายามไฟต์แล้วมีการที่จะสื่อสารกับทางAppleเช่นเดียวกัน
- โดยเฉพาะอย่างยิ่งในกรณีที่มีโปรเจกต์ใหญ่ ๆ กับทางด้านโรงเรียนดี หรือสถาบันการศึกษาใหญ่ ๆ ที่เวลาสั่งโดยเฉพาะอย่างยิ่งในช่วงเปิดเทอม อันจะได้ถูก prioritize เข้ามา ซึ่งอันนั้นอาจจะมีผลกับทางด้านรีเทลบ้าง แต่แยกเป็นสองแอคเคาท์ด้วยกัน ทางด้าน Education กับขายที่หน้าร้านอันนั้นเป็นสิ่งที่เราพยายามที่จะ manage เราอยากได้เยอะ ๆ
- ถ้า physical store ADVICE จะมีร้านทางต่างจังหวัด เราค่อนข้างจะมีน้อย เพิ่งจะมีประมาณสองที่เองที่ที่เรามีอยู่อย่างเช่นที่ เชียงราย นครสวรรค์
- เราคิดว่าการที่เราตั้งโลเคชั่นอยู่ในห้างใหญ่ ๆ ในกรณีเซ็นทรัล จะช่วยถึง traffic เข้ามาที่ร้านได้ค่อนข้างดี ซึ่งอันนี้เราเชื่อว่าบุคคลที่เดินในเซ็นทรัลจะมีกําลังซื้อมากกว่า เราไม่ได้กังวลอะไรในส่วนนั้นเลยว่าจะมีผลกระทบไรเราหรือไม่
- ถามว่ามีผลกระทบหรือไม่เนื่องจากว่าเราเป็นพาร์ตเนอร์กับทางด้านAIS เพราะฉะนั้น แพ็กเกจไรตามที่ที่ทางAISจะเข้ามาผ่านทางช่องทาง ไม่ว่าจะเป็น ร้านAIS หรือ Telewiz มีผลที่เอามาใช้ต่อในร้านiStudioและ iBeat ด้วยเช่นเดียวกัน ในจํานวนกลางที่เป็นโมโนของAppleเรามีสิทธิ์ที่จะได้เอ็นจอยกับกับแพ็กเกจโปรโมชั่นเหล่านั้นด้วย ซึ่งอันนี้ผมคิดว่าไม่น่าจะมีผลกระทบอะไร เพราะผมคิดว่าทางด้าน AISเมื่อเวลาคู่แข่งที่ปล่อยไรออกมาโปรโมชั่นไรมา ผมคิดว่าAISคงไม่นิ่งเฉยคงต้องสู้กลับเหมือนกัน ซึ่งการที่ตัดสินใจเช่นนั้นผลที่เราได้กลับมามีผลกับเราด้วยในเชิงของการที่เราสามารถเอาไปเป็น เครื่องมือต่อสู้กับคู่แข่งอื่น ๆ ต่อ
- ช่วงไตรมาสที่ 3-4 จะเป็น High Season ซึ่งเราคิดว่าในแง่ของการที่เราทํา GP มีโอกาสที่เราจะ สาารถทําได้ดีขึ้น โดยเฉพาะอย่างยิ่งเป็นสินค้ารุ่นใหม่แล้วในเรื่องของการขาย โดยปกติแล้วที่ร้านจะมี Accessorie ที่ขายคู่กับตัวสินค้าใหม่ ๆ เสมอ ตอนนี้ขึ้นอยู่ตรงที่ว่าเราได้ Allocate สินค้ามามากน้อยเพียงใด ซึ่งตอนทางทีมงานได้ทําแผนเพื่อนําเสนอให้กับทางทีม Apple ด้วยเช่นเดียวกัน
- คิดว่าครึ่งหลังของปีน่าจะดีขึ้นตามลําดับ แต่ว่าอย่าไงรก็ตามเราอาจจะต้องดูด้วยว่าตัวสินค้าที่จะได้มาในช่วง ไตรมาสที่ 4 หรือว่าช่วงปลายไตรมาสที่สามจะมีมากน้อยเพียงใด
- ตรงส่วนนั้นจะเป็นส่วนสําคัญเหมือนกันที่จะผลักดันว่าแนวโน้มของ GPM จะไปในทิศทางใดรวมถึง Net Profit หรือว่าตัว EBIT ด้วย
- ถ้าเทียบไตรมาสสองกับไตรมาสหนึ่งอาจเพิ่มขึ้นจาก iPad แต่ถ้าเทียบไตรมาสสองกับสิ้นปีที่ผ่านมา ภาพรวมลดลงจากตัวiPhone
- ที่ผ่านมาเราต้องยอมรับว่าสิ่งที่เราพยายามที่จะเอาเข้าไปช่วยคือการ financing เข้าไปช่วยให้นักศึกษาสามารถเข้าถึงได้ บางสาขาที่เราดู ในตอนถ้าเราดูต่อไปว่าไม่ไหวคงจะอาจจะต้องมีการปิด ซึ่งเราคิดว่าจะสามารถที่จะหยุดเรื่องของการขาดทุนหรือแม้กระทั่งในระยะยาวเรื่องของค่าใช้จ่ายอะไรต่าง ๆ ที่จะต้องเสียไป คิดว่ามีแผนออกมาในในเรื่องของการ จัดการ
- แล้วเราคิดว่าในช่วงที่มีโปรดักต์ใหม่ออกมา เราต้องการที่จะให้มีช่องทางให้เยอะมากที่สุดเข้าถึงได้มากสุด
- ซึ่งตอนนี้เราคิดว่าหลังจากที่จบในเรื่องของตัวสินค้าใหม่ในปลายปี เราจะเห็นภาพแล้วว่า ตกลงร้านจะสามารถไปแบบไหน
- ถือว่าเป็นโจทย์ที่ยากสําหรับในเรื่องของการที่อนุมัติเงื่อนไขอะไรต่าง ๆให้กับนักศึกษา โดยเฉพาะอย่างยิ่งในเรื่องของการวางเงินดาวน์ถือว่ามูลค่าค่อนข้างจะมีเปอร์เซ็นต์ที่ค่อนข้างสูง ซึ่งอันนี้มีผลกับเรื่องของกําลังการซื้อของของเด็กนักเรียนเช่นเดียวกัน
- ในสิ่งที่เรา Take Action กับเรื่องนี้เราพยายามจูนกับตัวพาร์ตเนอร์ว่าจะทํายังไงให้สามารถเด็กนักเรียนได้สามารถเลือกซื้อสินค้าโดยที่อาจจะวางดาวน์น้อยหน่อยแล้วเข้าถึงสินค้าได้ได้เพิ่มมากขึ้น อันนี้อยู่ในช่วงที่เราปรับจูนกันอยู่
- มี แต่เพียงแต่ว่าเราขอดูเรื่องของระยะเวลา เราจําเป็นจะต้องมีอีกช่องทางที่จะ cover เพื่อที่จะกระจายสินค้าตัวใหม่ ๆ เข้าสู่ท้องตลาดให้ได้เยอะที่สุด
- ส่วนเรื่องของการปิด เราจะดูเรื่องผลประกอบการของซึ่งถ้าดูแล้วไม่มีทาง recover ได้หรือไม่มีโอกาสเลยเราคงต้องตัดสินใจปิด
- ธุรกิจรีเทลที่เพิ่งเข้ามาอันที่หนึ่งเลย ความกังวลของเราในเรื่องของความที่เป็น expertise ของกับสินค้าApple ตรงนั้นเรายังมองเห็นว่าต้องใช้เวลา
- อันที่สองการตั้งของ location ของเขาไม่ได้มาประจันหน้ากันเจอกันตรง ๆ ซึ่งเราคิดว่าในเชิงของตัวลูกค้าที่เคยรู้จักเรา แล้วมีความพึงพอใจกับเราเขาจะกลับมาโดยอัตโนมัติว่าในเรื่องของการเข้าถึงหรือการที่จะเข้ามาใช้บริการที่ร้านเรา ตรงนี้เราคิดว่าไม่น่าจะมีผลกระทบอะไร
- กรกฎา ค่อนข้างดีทีเดียว แต่ถ้าดูเพียงเดือนเดียวอาจจะไม่เห็นภาพที่ค่อนข้างชัดเจนถ้าจบไตรมาสแล้วเรามีการเห็นแล้วว่ามี movement และ oppotunity เพราะว่าในเรื่องของสิ่งหนึ่งที่เรากังวลในเรื่องของภาวะเศรษฐกิจที่เกิดขึ้นสําหรับบ้านเรา
- แต่เราเชื่อว่ากลุ่มลูกค้าเราเป็นพรีเมี่ยม กําลังซื้ออาจจะไม่ได้มีผลกระทบอะไรมาก
- ถ้ามี oppotunity ในเรื่องของสินค้าที่มีแนวโน้มว่าจะออกมาใหม่ในไตรมาสที่ 3 เราค่อนข้างมั่นใจว่าผลกําไรจะดีกว่าไตรมาสที่สองแน่นอน
- แต่ถามว่า ถ้าเทียบกับปีที่แล้ว อันนี้ตัวแปรอยู่ตรงที่ว่าเราได้ allocate เยอะแค่ไหนเป็นโอกาสอีกอันนึงที่เราจะสามารถแล้วฟื้นตัวGPได้
- มีการคอนโทรลอยู่ จะพยายามคุมให้ไม่เกินประมาณ 10% แต่ว่ายังไงตามต้องขึ้นอยู่กับพอร์ตเราด้วยว่าภาพรวมเราพยายามจะดันพอร์ตของเครื่องปีหลังไปให้physical storeให้ได้เยอะที่สุดตรงส่วนนั้นช่วยให้เราคุม SG&A ได้ค่อนข้างดี คาดหวังว่าว่าภาพรวมของครึ่งปีหลังจะเป็นอย่างนั้น