[TISCO] บริษัท ทิสโก้ไฟแนนเชียลกรุ๊ป จำกัด (มหาชน)

thanonlongtun_p
Posts: 3145
Joined: Mon Apr 17, 2023 1:05 pm

Oppday Year End 2022 บริษัท ทิสโก้ไฟแนนเชียลกรุ๊ป จำกัด (มหาชน) TISCO


 
Thanonlongtun
Posts: 70
Joined: Tue Apr 11, 2023 11:32 pm

TISCO (HOLD, FV: Bt102.00) 

การประชุมนักวิเคราะห์ (Neutral) 
(1) TISCO คงเป้าหมายเติบโตสินเชื่อปี 2023 ระดับ high single digit ไม่เปลี่ยน แม้ว่าสินเชื่อใน 1Q23 จะโตเพียง 0.5% QoQ สินเชื่อใหม่จะมาจากกลุ่มสินเชื่อรายใหญ่ และกลุ่ม High-yield (สินเชื่อจำนำทะเบียนและรถยนต์ใช้แล้ว) ซึ่งเป็นสินเชื่อที่โตสูงมาตั้งแต่ต้นปี 2022 ขณะที่สินเชื่อเช่าซื้อรถใหม่ยังไม่เร่งโต เพราะผลตอบแทนไม่จูงใจ 

(2) รายได้ที่มิใช่ดอกเบี้ยยังทำได้ไม่ดีพอทั้งจากธุรกิจ Bancassurance และธุรกิจด้านตลาดทุน
 
(3) ต้นทุนการเงินจะยังเป็นขาขึ้นผลจากดอกเบี้ยขาขึ้น และค่าธรรมเนียม FIDF ที่เพิ่มขึ้น แต่แบงค์เชื่อว่า NIM จะทรงตัวได้ในปลายปี 2023 

(4) หนี้เสียยังเพิ่มขึ้นต่อเนื่องจากสินเชื่อจำนำทะเบียนที่ในช่วง 1 ปีที่ผ่านมาขยายตัวสูง และจะเป็นกลุ่มผลักดันการเติบโตในอนาคต แต่ TISCO มองว่าคุณภาพหนี้ควบคุมได้ อัตราผลตอบแทนสูง และสำรองหนี้ฯ เพียงพอ 

(5) สำรองหนี้ฯ ยังอยู่ระดับต่ำในปี 2023-24 เพราะสำรองส่วนเกินที่มีอยู่

(6) ค่าใช้จ่ายดำเนินงานจะยังสูงขึ้นจากการเปิดสาขาใหม่ ภายใต้แบนด์สมหวัง เงินสั่งได้ (ธุรกิจจำนำทะเบียน) เพื่อขยายสาขาให้ครอบคุมมากขึ้น ตั้งเป้าขยายสาขาใหม่ 200 สาขา/ปี ในปี 2023-25 ทำให้สาขารวมจะอยู่ที่ 1 พันสาขา ในปี 2025 

ความเห็น
เรายังไม่เปลี่ยนมุมมองต่อ TISCO มองว่ากำไรปี 2023 จะเติบโตราว 5% อย่างไรก็ดี ในช่วง 1-2 ไตรมาสจากนี้ ผลการดำเนินงานจะยังมีแรงกดดันจากด้านต้นทุนดอกเบี้ยและการดำเนินงานที่สูงตามกลยุทธ์ธุรกิจ โดยเราคาดว่าผลกำไรใน 2Q23 จะอยู่ราว 1.8-1.9 พันล้านบาท

ปัจจัยหลักจะอยู่ที่รายได้ที่มิใช่ดอกเบี้ยจะฟื้นตัวได้มากแค่ไหน โดยเฉพาะค่าธรรมเนียมจากธุรกิจ Bancassurance และตลาดทุน และการควบคุมค่าใช้จ่ายการดำเนินงาน ทั้งนี้ จาก Upside ที่จำกัด และแรงกดดันจากด้านต้นทุนที่สูงขึ้น เราคงคำแนะนำ HOLD เพื่อรับเงินปันผล คาด Dividend yield ราว 8% ในปี 2023 

Pi Research
thanonlongtun_p
Posts: 3145
Joined: Mon Apr 17, 2023 1:05 pm

Oppday Q1/2023 บริษัท ทิสโก้ไฟแนนเชียลกรุ๊ป จำกัด (มหาชน) TISCO



Presentation https://weblink.set.or.th/dat/registrat ... -TISCO.pdf 
 
 
Thanonlongtun post
Posts: 377
Joined: Tue Dec 27, 2022 5:25 pm

20230518-TISCO.jpg
20230518-TISCO.jpg (489.47 KiB) Viewed 3313 times
20230518-TISCO.jpg
20230518-TISCO.jpg (489.47 KiB) Viewed 3313 times
 
ถอดเทป “Oppday Q1 2023 บริษัท ทิสโก้ไฟแนนเชียลกรุ๊ป จำกัด (มหาชน)"

ถิระพรู: สวัสดีค่า สวัสดีท่านนักลงทุนทุกท่านและก็ทางตลาดหลักทรัพย์ด้วยนะคะ ขอต้อนรับเข้าสู่งาน SET Opportunity day  ของบริษัททิสโก้ไฟแนนเชียลกรุ๊ปจำกัดมหาชน รอบไตรมาส 1 ปี 2566 ค่ะ ⁣

วันนี้เราได้รับเกียรติจากทางท่านผู้บริหารนะคะ คุณชาตรี จันทรงาม รองกรรมการผู้จัดการใหญ่สายควบคุมการเงินและบริหารความเสี่ยง และดิฉันถิระพรู สิหนาทกถากุล นักลงทุนสัมพันธ์ค่ะ ⁣

วันนี้เราจะมาให้ภาพผลประกอบการนะคะในงวดไตรมาส 1 ที่ผ่านมา และต่อด้วย Sections Q&A ค่ะ ขออนุญาตเริ่มเลยนะคะ ⁣

สำหรับกำไรสุทธิของบริษัทในงวดไตรมาส 1 ปี 2566 นะคะ อยู่ที่ 1,793 ล้านบาท ลดลงเล็กน้อยจากไตรมาส 1 ของปีก่อนหน้าค่ะ 0.2% ในงวดที่ผ่านมานะคะ Net Interest Income ของเราเพิ่มขึ้น 6.4% YOY ค่ะ แบ่งเป็นไปตามการขยายตัวของพอร์ตสินเชื่อนะคะ ที่ถ้าดู YOY เนี่ยสินเชื่อเราสามารถเติบโตได้ถึง 8% ค่ะ ⁣

ในส่วนของ เอิ่มนอกจากนี้นะคะในส่วนของต้นทุนทางการเงิน เราได้รับแรงกดดันต้นทุนทางการเงินที่เพิ่มขึ้นนะคะ หรือว่าตัว Cost of fund โดยในงวดไตรมาส 1 ที่ผ่านมาเนี่ยมีการปรับดอกเบี้ยที่เพิ่มขึ้นนะคะของทางธนาคารแห่งประเทศไทย ทำให้ต้นทุนทางการเงินเนี่ยก็ปรับเพิ่มสูงขึ้นตามทิศทางดอกเบี้ยในตลาดค่ะ บวกกับตั้งแต่ต้นปีที่ผ่านมานะคะค่าใช้จ่าย FIDF cost เนี่ยมีการปรับเข้าสู่อัตราปกติที่ 0.46% จากที่ทางธนาคารแห่งประเทศไทยมีการปรับลดลงไปนะคะในช่วงของ Covid ที่เหลือเพียงครึ่งนึงนะคะที่ 0.23% ค่ะ ⁣

ทางฝั่งของรายได้ที่ไม่ใช่ดอกเบี้ยนะคะ หรือว่า Non-Interest Income เพิ่มขึ้น 2.2% YOY ค่ะ การเพิ่มขึ้นหลัก ๆ ก็มาจากการรับรู้ผลกำไรของเงินลงทุนนะคะที่ปรับตัวดีขึ้นเมื่อเทียบกับผลขาดทุนที่มีการรับรู้เข้ามาในไตรมาส 1 ของปีก่อนค่ะ ถ้าดูในภาพของค่าธรรมเนียมของธุรกิจหลักยังคงซบเซาอยู่นะคะในไตรมาส 1 ที่ผ่านมา โดยเฉพาะตัวธุรกิจที่เกี่ยวกับตลาดทุนหรือ Capital Market นะคะ Capital Market ค่อนข้างผันผวนเลยในช่วงไตรมาสที่ผ่านมาจากสถานการณ์เศรษฐกิจต่างๆทั่วโลกนะคะ แล้วก็ภาวะตลาดทุนที่ค่อนข้างผันผวนรุนแรงนะคะ ทำให้ภาพทั้งหมดของเรานะคะ Total Income ของทิสโก้ มีจำนวน 4,640 ล้านบาทค่ะ เพิ่มขึ้น 5.1% YOY ค่ะ ⁣

ขออนุญาตเปลี่ยนมาที่ Revenue Contribution นะคะจะเห็นว่าตัวรายได้ที่เป็นฝั่งของดอกเบี้ยเนี่ย คิดเป็นสัดส่วน 70% ของรายได้รวม อีก 30% จะเป็นค่าธรรมเนียมและรายได้อื่น ๆ นะคะ ⁣

ทางฝั่งค่าใช้จ่ายค่า Operating Expense ค่าใช้จ่ายเราปรับตัวเพิ่มขึ้นเกือบ ๆ 9% YOY ค่ะ ก็มาจากการค่าใช้จ่ายที่เกี่ยวกับการลงทุนในการขยายสาขานะคะ ซึ่งเป็นแผนตามแผนระยะยาวของทางทิสโก้เรา ที่จะขยายสาขาในส่วนของสมหวังเงินสั่งได้นะคะออกไปตามจังหวัดทั่วประเทศนะคะ ⁣

ส่วนค่าใช้จ่าย ECL หรือว่าสำรองนะคะ ถึงแม้ว่าจะเพิ่มขึ้นเมื่อเทียบกับไตรมาส 1 ปีที่แล้วเนี่ยแต่ว่าก็ยังถือว่าอยู่ในระดับต่ำค่ะ คิดเป็นเพียง 0.3% ของสินเชื่อนะคะ โดยบริษัทยังสามารถควบคุมคุณภาพสินทรัพย์ได้อย่างมีประสิทธิภาพค่ะ ⁣

ภาพรวมเนี่ย ROE ก็ปรับตัวลดลงเมื่อเทียบกับงวดเดียวกันของปีก่อนมาอยู่ที่ 16.4% ⁣

มาดูทางฝั่ง Balance Sheet นะคะ สินเชื่อของบริษัทอยู่ที่ 220,000 ล้านบาทค่ะ เพิ่มขึ้น 0.5% จากสิ้นปีก่อนหน้าค่ะ ⁣


โดยสัดส่วนนะคะของสินเชื่อเราเนี่ยประกอบไปด้วยสินเชื่อรายย่อย หรือว่า Retail Loan 71.5% ในนี้เนี่ยครึ่งนึงของสินเชื่อทั้งหมดของเรานะคะเป็นสินเชื่อ Hire Purchase หรือว่าเช่าซื้อ ประกอบไปด้วยทั้งเช่าซื้อรถใหม่ รถมือสอง แล้วก็มอเตอร์ไซด์นะคะ ส่วนตัวที่เรากำลังเน้นการเติบโตค่ะ คือตัว Auto Cash หรือว่าสินเชื่อจำนำทะเบียน สัดส่วนเนี่ยก็มีการขยายตัวมาโดยตลอดนะคะโดยล่าสุด ณ ไตรมาส 1 เนี่ยสัดส่วนเพิ่มขึ้นมาอยู่ที่ 17.2% ค่ะ ⁣

Corporate Loan หรือสินเชื่อบริษัทขนาดใหญ่ค่ะอยู่ที่ 21% และ SME อยู่ที่เกือบๆ 6% ค่ะ ทางฝั่งของเงินฝากและเงินกู้ยืมนะคะ มีจำนวน 199,000 ล้านค่ะ เพิ่มขึ้น 1.8% จากสิ้นปีที่แล้วก็เป็นการเพิ่มขึ้นเพื่อรองรับการเติบโตของสินเชื่อนะคะ โดย Composition ของเราโดยหลัก ๆ เนี่ย 77% เนี่ยเป็นเงินฝากประจำนะคะ แล้วมี CASA เพียง 20% ส่วน Debentures เนี่ยอยู่ที่ 3% ค่ะ ⁣


ในส่วนของพอร์ตสินเชื่อนะคะ พอร์ตสินเชื่อในไตรมาสที่ผ่านมาเพิ่มขึ้น 0.5% หลัก ๆ มาจากการเติบโตของสินเชื่อบริษัทขนาดใหญ่นะคะเติบโต 3.7% ก็มีการรอดาวน์เข้ามาทั้งกลุ่มลูกค้าในกลุ่มที่เป็นโรงงานไฟฟ้านะคะ แล้วก็ทางด้านของกลุ่ม Real estate ด้วยนะคะ ส่วน Retail เนี่ยปรับตัวเพิ่มขึ้นเล็กน้อย 0.3% ค่ะ โดยการเติบโตของสินเชื่อ Retail เนี่ย ส่วนใหญ่เนี่ยก็มาจากกลยุทธ์ในการขยายสินเชื่อ High-yield นะคะที่ปรับตัวเพิ่มขึ้นต่อเนื่องนะคะ ทั้ง Used Car Hire Purchase แล้วก็ตัวจำนำทะเบียนค่ะ ⁣

ตัวจำนำทะเบียนที่เราเน้นในการเติบโตในช่วงที่ผ่านมานะคะ ก็คือ สินเชื่อสมหวังเงินสั่งได้นะคะ ตัวนี้เนี่ยพอร์ตล่าสุดของเรา ณ สิ้นไตรมาส 1 เนี่ยอยู่ที่ 24,000 ล้านบาทค่ะ เติบโตกว่า 6.4% ในช่วงไตรมาสที่ผ่านมาค่ะ ตรงนี้เราก็มุ่งเน้นในการทำกลยุทธ์ในการขยายสาขาเพิ่มขึ้นนะคะโดยในปีนี้เราตั้งเป้าขยายสาขาเพิ่มขึ้นไปอีก 200 สาขาทั่วประเทศ ในไตรมาส 1 เนี่ยเพิ่มขึ้นมาแล้ว 34 สาขาค่ะ ⁣

โดยในช่วงไตรมาส 1 ที่ผ่านมาเนี่ย ธนาคารแห่งประเทศไทยมีการปรับเพิ่มขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบาย 2 ครั้ง ครั้งละ 25 Basis Point บวกกับว่าเรามีในเรื่องของ FIDF cost เนี่ยกลับเข้ามาด้วยอีก 23 Basis Point กลับสู่ภาวะปกตินะคะที่ 0.46% ทำให้ภาพรวม NIM เนี่ยเราถูกกดดันไปอีก 16 Basis Point มาอยู่ที่ 4.9% ณ สิ้นไตรมาส 1  ค่ะ ⁣

ตัว Non-Interest Income หรือรายตัวรายได้ที่ไม่ใช่ดอกเบี้ยค่ะ อย่างที่กล่าวไปแล้ว เพิ่มขึ้น 2.2% นะคะ หลักๆมาจากตัว Trading Gain  จาก Mark to Market เงินลงทุนนะคะทำให้ตัวนี้ก็สามารถ Shore up ⁣

ในส่วนของรายได้ส่วนนี้นะคะ ส่วน Core Business หรือว่าธุรกิจหลักของเราเนี่ยค่อนข้างซบเซานะคะ หลัก ๆ เนี่ยมาจากธุรกิจที่เกี่ยวกับตลาดทุน ซึ่งก็ตลาดทุนมีภาวะผันผวนนะคะ ทั้งตลาดไทยและตลาดต่างประเทศด้วยนะคะ ทำให้ภาพเนี่ย Brokerage Fee เนี่ยลดลงเกือบ ๆ 14% นะคะ ส่วน Asset Management ก็ลดลง 0.5% ค่ะ นอกจากนี้นะคะก็ธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับธนาคารพาณิชย์ค่ะก็ลดลงเช่นเดียวกันนะคะ ⁣

ค่าธรรมเนียมของธนาคารพาณิชย์เนี่ยโดนกดดันจากในส่วนของค่าธรรมเนียมเกี่ยวกับเงินให้สินเชื่อนะคะ ซึ่งได้รับแรงกดดันมาจากกฎเกณฑ์ต่าง ๆ นะคะ เรื่องค่าปรับ ค่าธรรมเนียมต่างๆ ของทางการค่ะ ในขณะที่ธุรกิจตัวนายหน้าประกันภัย หรือว่า Bancassurance เนี่ยยังสามารถฟื้นตัวได้อย่างต่อเนื่องนะคะตามภาวะเศรษฐกิจที่ฟื้นตัวไปเรื่อย ๆ นะคะ Bancassurance ก็ปรับตัวเพิ่มขึ้นเกือบ ๆ 2% ค่ะ ⁣

มาดูในภาพของ Asset Quality หรือว่าคุณภาพสินทรัพย์ค่ะ คุณภาพสินทรัพย์ของบริษัทเนี่ยมีการปรับตัว ตัว NPL นะคะเพิ่มขึ้นเล็กน้อยจากไตรมาสที่แล้วเพิ่มขึ้นมาอยู่ที่ 2.13% ของสินเชื่อรวมนะคะ ซึ่งถึงแม้ว่าจะปรับเพิ่มขึ้นก็ว่ายังอยู่ในระดับที่ควบคุมได้และก็อยู่ในตามแผนของเรานะคะ เพราะว่าตอนนี้ทิสโก้เรานะคะกำลังดำเนินกลยุทธ์ทางธุรกิจที่จะขยายสินเชื่อในกลุ่ม High-yield มากขึ้น ซึ่งสินเชื่อในกลุ่มนี้ก็จะมีความเสี่ยงที่เพิ่มสูงขึ้นเช่นเดียวกันค่ะ ⁣

ทางฝั่ง Corporate Ratio นะคะ ก็ยังคงอยู่ในระดับสูงค่ะอยู่ที่เกือบ ๆ 250% ค่ะ ก็คิดว่าเพียงพอนะคะรองรับสำหรับความเสี่ยงอื่นๆที่จะเกิดขึ้นในอนาคตค่ะ สำหรับความเพียงพอของเงินกองทุน หรือว่า Capital Ratio นะคะปรับเพิ่มขึ้นเล็กน้อยจากสิ้นปีที่แล้วค่ะ อยู่ที่ BIS นะคะอยู่ที่ 23.5% Tier 1 อยู่ที่ 19.7% นะคะ ซึ่งก็ค่อนข้างสูง สูงสุดเป็นอันดับ 1 ของอุตสาหกรรม แล้วก็เกินเกณฑ์ขั้นต่ำของธนาคารแห่งประเทศไทยค่ะ ⁣

ทางฝั่งสาขาแล้วก็จำนวนพนักงานนะคะ สาขากับพนักงานเนี่ยมีการปรับเพิ่มขึ้นนะคะ ตามแผนการขยายสาขาและพนักงานโดยมีการเพิ่มขยายสาขาสมหวังไปอีก 34 สาขานะคะ และก็มีการจ้างงานพนักงานเพิ่มขึ้นอีก 22 คนในไตรมาสที่ผ่านมาค่ะ ⁣
ในส่วนของหุ้นทิสโก้เรานะคะสัดส่วนผู้ถือหุ้นยังคงใกล้เคียงกับงวดก่อนนะคะ ถ้ารวมตัว NVDR เข้าไปด้วยในผู้ถือหุ้นต่างประเทศก็จะมีสัดส่วนของผู้ถือหุ้นต่างประเทศประมาณ 54% นะคะแล้วก็เป็น Local 46% เดือนที่แล้วนะคะหุ้นทิสโก้ของเรามีการขึ้น XD ไปนะคะ X Dividend ไปเมื่อตอนช่วงสิ้นเดือนนะคะ ⁣

แล้วเราจะมีการจ่ายปันผลในวันที่ 10 นี้นะคะ 10 พฤษภาคม งวดนี้เนี่ยรอบผลประกอบการปี 2565 ทิสโก้จ่ายเงินปันผลอยู่ที่ 7.75 สตางค์ คิดเป็น Payout ratio  ที่สูงถึง 86% ค่ะ ⁣

ค่ะยังไงเดี๋ยวขออนุญาตเข้า Sections Q&A ต่อเลยนะคะ ⁣

ค่ะท่านใดมีข้อสอบถามนะคะ สามารถส่งคำถามเข้ามาได้เลยนะคะ⁣

ชาตรี: ครับก่อนที่จะเริ่มตอบคำถาม ก็ขอสรุปทิศทางสั้น ๆ นิดนึงก่อน ให้ทุกท่านทราบถึง ณ ปัจจุบันว่าอะไรเป็นยังไงนะครับ ⁣

ก็ต้องเรียกว่าเริ่มปีนี้ก็ธุรกิจก็ไปได้ แต่ว่าต้องเรียกว่าค่อนข้างจะเป็น Slow Start นิดนึงนะครับ เพราะว่าก็มีปัจจัยเรียกว่ากดดันมากกว่าที่เราคาดไว้ในเบื้องต้นบางประเด็นครับ ⁣

ในธุรกิจที่เกี่ยวกับสินเชื่อเนี่ย จริง ๆ เรามี แรงส่งในเรื่องของการเติบโตสินเชื่อที่ดีจากปีที่แล้วนะครับ ก็จะเห็นว่า YOY สินเชื่อเติบโตมา 8% ไตรมาส 1 จะดูอ่อนแรงไปนิดนึงแต่โดยรวมเนี่ย ก็ยังพอมีการเติบโตได้ใน Area ที่เรา Focus เช่น Corporate Loan หรือว่าสินเชื่อพวก Title Loan พวกนั้นก็ยังเติบโตได้ค่อนข้างดีอยู่นะครับ ⁣

เพราะฉะนั้นจริง ๆ ธุรกิจที่เกี่ยวกับสินเชื่อเนี่ยค่อนข้างโอเค เมื่อเทียบกับแผนที่วางเอาไว้นะครับ ถึงแม้ว่า Cost of Found จะขึ้นมาแรงตามที่ได้กล่าวไปแล้วนะครับ เพราะว่าอัตราดอกเบี้ยนโยบายมีการปรับขึ้นอย่างแรงมากนะครับ แล้วก็ FIDF Fee ก็กลับมาจ่ายในระดับเดิมก่อนที่จะเรื่อง Covid เข้ามาแต่ว่าเราก็ยังเพิ่ม Yale ในฝั่งของสินเชื่อได้ดีประมาณนึง ⁣

คร่าว ๆ ก็คือ Yale ในไตรมาสที่ผ่านมาก็เพิ่มขึ้นมาได้อีกประมาณ 25 Basis Point นะครับ รวม ๆ แล้วทำให้ NIM เนี่ยเพียงพอบริหารจัดการได้นะครับ มีการปรับตัวลดลงนิดหน่อยแต่ว่าเมื่อชดเชยกับ Based ของสินเชื่อที่เติบโตขึ้นมาแล้วเนี่ยก็ก็ทำให้รายได้ดอกเบี้ยยังเป็นบวกอยู่นะครับ  ก็อันนี้ก็ยังเป็น Momentum ที่คิดว่าไปได้ดีอยู่นะครับ แล้วก็เป็นไปตามแผนอย่างไรก็ตามตัวที่ดูจะอ่อนกว่าแผนไปนะครับ ⁣

ก็เนื่องมาจากภาวะของตลาดเนี่ย ก็คือเรื่องของ Fee Income ครับเพราะว่า Fee Income เดิมที่มีการคาดการณ์ว่าธุรกิจที่เกี่ยวกับตลาดทุนนะครับ พวก Brokerage, Asset Management,  Mutual Fund จะทำได้ดีกว่านี้ แต่ก็เนื่องจากว่าภาวะตลาดทุนเนี่ยช่วงไตรมาสแรกจนกระทั่งมาถึงวันนี้เนี่ยก็ยังค่อนข้างซบเซานะครับ เต็มไปด้วย Negative sentiment ต่าง ๆ ทั้งภายในและภายนอก ⁣

เพราะงั้นตรงนี้การเติบโตก็เลยเป็นไปได้ค่อนข้างที่จะอ่อน อ่อนกว่าที่คาดไว้ อันนี้ก็จะเป็นภาพโดยรวมที่ทำให้บอกว่าเริ่มต้นปีนี้ค่อนข้าง Slow Start อยู่นะครับ ก็คงต้องติดตามดูสถานการณ์ต่อไปว่าในช่วงที่เหลือของปีทิศทางจะเป็นยังไง ⁣

ถ้ายังเป็นยังงี้อยู่ก็หมายความว่าธุรกิจสินเชื่อน่าจะพอเดินหน้าสร้างความเติบโตได้ประมาณนึงนะครับ ถึงแม้ว่าจะมีเรื่องของ Cost of Found ที่ที่มาเป็นตัวดึงรั้งเอาไว้ แต่ว่าโดยภาพรวมยังมีการเติบโตใน Core Business ได้ดีนะ ⁣

แต่ว่าธุรกิจที่เกี่ยวกับตลาดทุน ธุรกิจ Fee Income อันนี้ก็อาจจะต้องทำใจว่าต้องดูว่าทิศทางตลาดเป็นอย่างไร แล้วเมื่อไหร่จะ Peak up ให้เรามีโอกาสสร้างรายได้ได้อย่างเต็มเม็ดเต็มหน่วยนะครับอันนี้ก็เป็นปัจจัยที่ต้องติดตาม ⁣

ก็สรุปคร่าว ๆ นะครับ เพื่อไม่ให้เสียเวลา เพราะว่าตอนนี้มีคำถามเข้ามาก็ค่อนข้างเยอะนะครับ ⁣

ก็จะเริ่มตอบคำถามเลยก็แล้วกันนะครับ โอเค ⁣

คำถามแรกนี่ได้ตอบไปแล้วบางส่วนนะครับ มองแนวโน้มการเติบโตของสินเชื่อรวมปีนี้จะเติบโตเท่าไหร่จากปีที่ผ่านมา โดยคาดว่าจะเติบโตกี่เปอร์เซ็นต์และรุกในสินเชื่อกลุ่มไหนบ้างนะครับ ⁣

อันนี้ก็ได้เกริ่นไปแล้ว ปีที่แล้วเราโตได้ประมาณ 7-8% นะครับ ปีนี้เราก็มองไว้อยู่ที่ประมาณ 5-10% ในเรื่องของการเติบโตโดยรวมนะครับ จะเป็น Low size หรือ High size ก็คงขึ้นอยู่กับโอกาสในธุรกิจ⁣

โดยหลักเนี่ย ๆ Area ที่คาดว่าจะเติบโตก็คงจะเป็นเหมือนเดิม คือ กลุ่มสินเชื่อ Retail ที่เกี่ยวกับเรื่องของ Consumer Loan นะครับก็คือเรื่องของ Title Loan จำนำทะเบียนรถนะครับ แล้วก็กลุ่ม Corporate Loan เป็นหลักนะครับ อันนี้ก็น่าจะเป็น Momentum เดียวกันที่ส่งต่อมาจากปีที่แล้วนะครับ ⁣

สินเชื่อประเภทอื่น เช่น เช่าซื้อ ซึ่งจริง ๆ แล้วเป็นพอร์ตหลักของเราทำไมเราจึงไม่ Mention ว่าเป็น Key ในการเติบโต ก็เพราะว่าจริง ๆ  ถึงแม้ว่าจะมี Volume ทางธุรกิจอยู่มากนะครับ แต่ว่าภาวการณ์แข่งขันที่สูงทำให้เราต้องเลือกที่จะเติบโตอย่างมีคุณภาพ คือไม่ได้เอา Volume เป็นหลัก ดังนั้นจึงไม่ได้คาดว่าสุดท้ายแล้วจะมีการขยายการเติบโตในส่วนที่เป็นเช่าซื้อ ธุรกิจเช่าซื้อรถยนต์ปกติสักเท่าไหร่นะครับ แต่เป็นเรื่องของการปล่อยสินเชื่อใหม่ให้ทดแทนสินเชื่อเดิมนะครับ ที่ครบกำหนดและรักษาคุณภาพทั้งในแง่ของ Margin และแง่ของคุณภาพสินเชื่อของพอร์ตให้ได้ดีที่สุด ⁣

ส่วนในเรื่องของการเติบโตจะมาจากที่ที่บอก คือ Corporate แล้วก็สินเชื่อจำนำทะเบียนนะครับ ⁣

ก็ข้อ 3 ก็คล้าย ๆ กัน กลยุทธ์ในการดำเนินธุรกิจหลังจากนี้จะเน้นกลุ่มไหนนะครับ ⁣

การเติบโตของสินเชื่อสมหวังเงินสั่งได้จะเป็นอย่างไรนะครับ ⁣

ก็อย่างที่บอกว่าถ้าดูจำนำทะเบียนโดยรวม Title Loan เนี่ยเราโตมาไตรมาสแรกประมาณสัก 4% นะครับปีที่แล้วทั้งปีเราได้ประมาณ 15% ก็ In line1 เรียกว่า Momentum ของปีที่แล้วอยู่นะครับ ⁣

ในส่วนของสมหวังเองซึ่งเป็น Channel การปล่อยสินเชื่อใหม่ก็จะเติบโตสูงกว่าที่ประมาณ 6% สำหรับไตรมาสแรกนะครับ ก็เรามีกลยุทธ์ที่จะขยายสาขามากขึ้นในปีนี้นะครับ จริง ๆ ตั้งเป้าหมายถึงสิ้นปีนี้คืออยู่เปิดเพิ่มประมาณ 200 สาขานะครับ แต่ว่าไตรมาสแรกเริ่มไปได้ประมาณ 30 สาขาครับ ก็เน้นเรื่องของการไปปูพรมในไม่ว่าท้องถิ่นหรือว่า Location ที่เราไม่มีสาขามาก่อนนะครับเพื่อที่จะตลาดใหม่ ๆ เข้ามา ⁣

แนวโน้มหนี้เสียเป็นอย่างไรนะครับ แผนการขยายกลุ่ม High-yield และมีแนวทางบริหารจัดการอย่างไร ⁣

โดยรวมถ้าพูดถึงธุรกิจพอร์ตเดิมหรือว่า พอร์ตที่ปล่อยกันอยู่แล้วเนี่ยปัจจุบันก็เรียกว่าเรามีคุณภาพสินทรัพย์ที่ดีมากนะครับ ก็แนวโน้มสามารถน่าจะสามารถ Maintain คุณภาพสินทรัพย์ในกลุ่มที่มีอยู่เดิม ก็คือ Hold ระดับของหนี้เสียไว้ได้นะครับ ถึงแม้ว่าจริง ๆ แล้วเศรษฐกิจก็ดูมีความเปราะบางมากขึ้น แต่ก็พยายามที่จะบริหารจัดการในส่วนนี้ แต่อย่างไรก็ตามทางของ NPL อาจจะมีการ Trend up เนื่องจากว่าเรามีการขยายธุรกิจไปในกลุ่มที่เป็น High-yield มากขึ้นนะครับ ⁣

โดยที่ในส่วนของกลุ่ม High-yield เองเราก็ขยาย Segment ต่าง ๆ มากขึ้นด้วยเหมือนกันนะครับ ในกลุ่มที่เป็น High-yield เองก็อาจจะมีการปล่อยสินเชื่อที่มีความเสี่ยงสูงขึ้นบ้างในบางส่วน เพื่อแลกกับอัตราผลตอบแทนที่สูงขึ้นบางกลุ่ม ⁣

เพราะฉะนั้นโดยรวมเนี่ย NPL  น่าจะ Trend up ไปเรื่อย ๆ นะครับ อย่างช้า ๆ นะครับ แต่น่าจะเห็นเป็นทิศทางของการเพิ่มขึ้นนะครับ ⁣

แต่อันนี้ก็เรียกว่าเป็นจะเรียกว่าเป็น Calculator Risk แล้วกันนะครับ เป็นการเพิ่มขึ้นของ NPL ที่มีการคำนวณไว้แล้วว่าคุ้มกันกับการปล่อยสินเชื่อใหม่นะครับ ถ้าเป็นไปตามการคำนวนหรือการคาดการณ์เนี่ย NPL ก็ควรจะค่อย ๆ เพิ่มขึ้น แต่ไม่ได้เพิ่มขึ้นอย่างกระโชกโฮกฮากนะครับ ดังนั้นก็น่าจะเป็นทางที่มองต่อไปครับ ⁣

ก็ถ้ามองยาว ๆ ไปถึงสิ้นปีแล้วก็คิดว่าคงจะ Trend Up ไปถึงไม่น่าจะเกินระดับประมาณ 2.5% นะครับเพราะจริง ๆ ถ้ามองย้อนกลับไปในอดีตเนี่ยระดับปกติที่เราวิ่งกันอยู่ในโปรไฟล์ของเราเนี่ยกว่าจะถึงก็ประมาณสองกว่ากว่า สองต้นถึงสองปลายอันนี้เป็นระดับปกติของ NPL ของเราอยู่แล้ว ⁣

ปัจจุบันนี้เราเริ่มจากระดับที่ค่อนข้างต่ำนะครับก็พยายามที่จะรักษาคุณภาพส่วนนี้ไว้ให้ได้ดีที่สุด แต่ว่าการที่ไปทำ High-yield มากขึ้น เนี่ยอันนี้ก็จะมีการเพิ่มขึ้นในส่วนของ NPL บางส่วนอยู่แล้วนะครับ เพราะฉะนั้นคาดว่าคงจะ Trend Up สู่ระดับประมาณซัก 2.5% นะครับ แต่ไม่น่าจะเกินกว่านี้ครับ นะครับ ⁣

สินเชื่อ High-yield คือสินเชื่อประเภทใด⁣
อย่างที่บอกก็คือว่า ทั้งหมดเป็นสินเชื่อที่มีหลักประกัน นะครับ เราไม่ทำสินเชื่อที่เป็นลักษณะ ไม่มีหลักประกันหรือ Clean Loan ครับเพราะฉะนั้นหลักประกันหลัก ๆ ก็คือรถยนต์ แล้วก็อะไรที่เราเรียกว่ามีล้อแล้วกันนะครับ รถยนต์ รถบรรทุก รถมอเตอร์ไซต์นะครับ 99% ก็แล้วกันเป็นสินเชื่อประเภทนี้นะครับ⁣

เรามีการ Explor สินเชื่อ ในที่มีหลักประกันแบบใหม่ ๆ อยู่ด้วยนะครับ เช่น บ้านแลกเงินนี้ก็เป็น Product ใหม่ ที่เราทำขึ้นมาครับ แล้วก็ Explor ไปถึงกลุ่มที่เป็นเครื่องจักรอะไรพวกนั้นบ้างบางส่วนนะครับ แต่ว่าก็ยังน้อย มาก ๆ เรียกว่า 99% ยังเป็นรถยนต์นะครับ มอเตอร์ไซค์มีบ้างบางส่วน นะครับแต่ก็ยังน้อยอยู่น่าจะประมาณซัก 1% ถึง 2% ของพอร์ต⁣

หลัก ๆ ก็คือพยายามที่จะขยาย consumer loan market นี้ค่อนข้างที่จะมี demand ที่สูง ซึ่งก็เป็นสิ่งที่ตอบโจทย์ทางธุรกิจ แต่ว่าในภาพรวมก็เป็นสิ่งที่น่า concern เพราะว่า Household debt ของประเทศนี้ก็อยู่ในระดับที่สูงนะครับ แต่ว่าสินเชื่อที่มีหลักประกันเนี่ยก็จะเป็นกลุ่มของลูกค้าที่จะเรียกว่ามีฐานะขึ้นมาอีกระดับนึง เพราะว่าอย่างน้อยเค้าต้องมีหลักประกันที่ ไม่ติด occupation กับใครแล้วถึงจะมาใช้บริการตรงนี้ได้ ⁣

เพราะฉะนั้นเพื่อที่จะเทียบกับการที่ไปกู้ personal loan ที่เป็น Clean ซึ่งตามปกติจะต้องมีดอกเบี้ยที่ 20% ขึ้นไปพวกนั้นกลุ่มนี้เค้าก็จะสามารถลด เรียกว่า ภาระดอกเบี้ย ลงมาได้ด้วยการใช้ประกันนะครับ ⁣

เพราะฉะนั้นก็มองว่าผิดก็บอกว่าเป็นสินเชื่อ High-yield ที่อยู่ในกลุ่มที่ เรียกว่ามีคุณภาพก็แล้วกันนะครับ ยังไม่ได้มี Risk ที่ Excessive เกินไปนะครับก็อันนี้ก็จะเป็นตัวหลัก ๆ ที่เราพยายามจะขยายในปีต่อ จริง ๆ ก็ทำมาซักพักนึงแล้วก็เป็นกลยุทธ์ที่จะเดินต่อไป ⁣

ถามว่ามีกลยุทธ์อะไรใหม่ ๆ ที่จะเพิ่มรายได้ขึ้นในปีนี้และปีต่อ ๆ ไปนะครับ ⁣

ถ้าพูดถึง Core Business ที่เรียกว่าวิ่งกันยาว ๆ อาจจะไม่ได้เห็นอะไรที่เติบโตเยอะในครั้งเดียว แต่ว่าเป็นอะไรที่วิ่งกันยาว ๆ นี้ก็ต้องกลับไปที่ธุรกิจ Bancassurance นะครับคือเรื่องของการขายประกันต่าง ๆ นะครับ โดยที่ผ่านมาเนี่ยเราเราขายประกันกับสินเชื่อรถใหม่เป็นหลักนะครับ แต่หลังจากที่เรามามุ่งเน้นช่องทางสมหวังแล้วก็ทำ Title Loan นะครับหรือว่าสินเชื่อจำนำทะเบียนมากขึ้นมาก ๆ เนี่ย เราก็เริ่มเรียกว่า Paste product ที่ถูกใจลูกค้าแล้วกันนะครับ เข้ากับกลุ่มลูกค้าสมหวังได้มากขึ้นนะครับ ⁣

ประกันอุบัติเหตุประกันสุขภาพ ประกันสินเชื่อต่าง ๆเนี่ย เข้าไปที่กลุ่มลูกค้าสมหวังซึ่งปัจจุบันก็เริ่มเห็น การขายและก็รายได้ที่เข้ามาอย่างค่อนข้างชัดเจนนะครับมาจากช่องทางสมหวังเอง ซึ่งอันนี้ก็จะช่วยกระจายเรียกว่า Sort ของรายได้ประกันค่านายหน้าประกันจากเดิมซึ่ง derived on  ธุรกิจที่เกี่ยวกับเช่าซื้อรถยนต์เป็นหลักเนี่ยออกมาได้บางส่วนนะครับ เพราะว่าช่องทางนี้จะขยายและก็ใหญ่ขึ้นเรื่อย ๆ ก็คาดว่ารายได้ Sort ของรายได้ช่องทางสมหวังขยายตัวมากขึ้นเรื่อย ๆ ต่อไป ⁣

แนวโน้ม NIM ของไตรมาส 2 ปีนี้จะเป็นอย่างไรนะครับ ⁣

ก็ในไตรมาสที่ 1 ปีนี้พอดีในสไลด์ที่โชว์เนี่ย อาจจะโชว์เป็นตัวเลขที่เป็น YoY อาจจะเห็นไม่ชัดเจนมากนักนะครับอันนี้ เล่าให้ฟังแล้วกันว่าจริง ๆ เนี่ย NIM ของเราเนี่ย ขึ้นไป Peak สิ้นปีที่แล้วที่ประมาณ 5.1% ถ้าพูดถึง Loan Spread คือเอาส่วนต่างระหว่าง Yield ของ Loan กับ Cost of Fund ขึ้นไป Peak ที่ร่วม 5.9% ในไตรมาส 4 ปีที่แล้วนะครับ ⁣

ไตรมาส 1 ปีนี้ปรับตัวลดลงมาเหลือประมาณ 4.9 ในแง่ของ NIM และก็ Loan Spread  ลงมาอยู่ที่ 5.7 นะครับก็ประมาณ 20 กว่า Basic Points นะครับ ตรงนี้จะเห็นว่าไตรมาสหนึ่งจริง ๆ เรามี Effect ของหลายเรื่องมาก คือ Cost of Fund เองก็ Policy Rate ก็เพิ่มขึ้นอย่างแรงนะครับส่วนหนึ่งก็มาจาก FIDF Fee ที่เพิ่มขึ้นด้วย เพราะฉะนั้น Cost ที่เพิ่มขึ้นประมาณ 40 กว่า Basic Points เนี่ย 23 Basic Points เป็นเรื่องของ FIDF ⁣

เพราะฉะนั้น Effect ที่ spread ลดลงประมาณเรียกว่า 1 สลึงก็แล้วกันนะครับ ผมอยากจะบอกว่าเราก็ทำได้ค่อนข้างดีมาก คือมันเป็นผลจากเรื่องของ FIDF เกือบทั้งหมดนะครับเพราะว่าเรื่องของ Cost เนี่ยจริง ๆเราสามารถ Reprice หรือว่าปรับ Loan Yield ขึ้นไปได้ในระดับที่รวดเร็วพอ ๆ กันนะครับกับ Cost ที่เพิ่มขึ้นนะครับ ⁣

ดังนั้นมองว่าอย่างไรก็คิดว่า จริง ๆไตรมาส 2 น่าจะเป็นในทิศทางเดียวกันคือ NIM และก็ Loan Spread จะปรับลดลงได้อีกนิดนึงแต่ไม่น่าจะรุนแรงนะครับ เพราะว่าจริง ๆ แล้ว spread ของเรา Yield on Loan ของเราก็ยังขยายตัวสูงขึ้นนะครับแล้วก็ Cost of Fund ถึงจะขึ้นต่อเนี่ย ก็ไม่น่าที่จะแรงไปกว่าไตรมาส 1 เพราะว่าไตรมาส 1 มีเรียกว่า Double Effect แล้วกันทั้งเรื่องของการปรับ FIDF แล้วก็เรื่องของการปรับ Policy rate นะครับ⁣

เพราะฉะนั้น NIM คงลดลงต่อแต่คิดว่าน่าจะเป็นใน Phase  ที่ ช้ากว่าการลดลงของไตรมาสที่ 1 นะครับ เมื่อเทียบกับไตรมาสที่ 4 ของปีที่แล้วนะครับ ⁣

อย่างที่บอกนะครับข้อนี้ก็เป็นคำถามต่อเนื่อง Cost of Fund ที่เพิ่มแต่ด้วยธรรมชาติของสินเชื่อเช่าซื้อที่ไม่สามารถปรับขึ้นดอกเบี้ยลูกค้าที่ผ่อนไปแล้วได้ทิสโก้รับมือเรื่องนี้อย่างไรนะครับ ⁣

สินเชื่อเช่าซื้อที่ปล่อยไปแล้วอันนี้ก็เป็นความเสี่ยงที่ก็ต้อง เรียกว่า เป็นไม่ใช่ความเสี่ยงเพราะเรารู้กันอยู่แล้วว่าก็เป็น สินเชื่อที่เราต้องรับในอัตราเดิมแล้ว Cost ก็สูงขึ้น Spread ในส่วนนั้นก็จะลดลงอยู่แล้วนะครับ เพราะฉะนั้นจากภาพ Loan Mix ที่เห็นเบื้องต้นเนี่ย 50% เป็นสินเชื่อเช่าซื้อ ส่วนนี้เนี่ยสำหรับสินเชื่อเก่าก็ต้องยอมรับ Spread ที่ส่วนต่างอัตราดอกเบี้ยที่จะลดลงนะครับ เพราะว่า Cost ขึ้นแต่ Yield เท่าเดิม ⁣

สิ่งที่เราทำก็คือสินเชื่อใหม่ที่ปล่อยสำหรับเช่าซื้อเนี่ยก็ Selective มาก ๆ นะครับก็พยายามไม่แข่งขันในตลาดด้วยกลยุทธ์ทางราคาที่พยามไปตัดราคาประกันแล้วก็ทำให้ Yield ที่ book  เข้ามาใหม่ค่อนข้างที่จะถูกเกินไปอยู่นะครับ ⁣

ก็พยายามสมเหตุสมผลที่สุดเท่าที่การแข่งขันจะ Allow ซึ่งก็เราก็ทำได้ระดับหนึ่งนะครับ แต่ในภาพรวมที่จะมาช่วยนะครับส่วนหนึ่งสมมุติว่าพูดถึงอีกครึ่งหนึ่งของสินเชื่อที่มีเนี่ย ครึ่งนึงของสินเชื่อส่วนครึ่งที่เหลือคือพวกที่เป็น Floating Rate  นะครับ พวก Corporate loan แล้วก็ SME Loan อันนี้ก็มีความโชคดีก็คือว่ามันก็ปรับขึ้นตาม MLR เพราะฉะนั้น MLR ขึ้นเท่าไหร่เนี่ยเราก็ขึ้น Reprice ตามกันไปได้นะครับ ⁣

So far  สินเชื่อที่เป็นอ้างอิงใน MLR อ้างอิงจากส่วนใหญ่แล้วอ้างอิงของ Rate ของธนาคารใหญ่เฉลี่ยนะครับซึ่ง So far ก็ขึ้นมาไม่ได้น้อยกว่า Policy Rate ที่ปรับตัวขึ้นมา เพราะฉะนั้นตรงนี้ก็จะ Net กันไปนะครับก็เป็นส่วนที่ Mitigate Risk ได้บางส่วนอีก 1 ใน 4 ของ Loan ทั้งหมดหรือครึ่งหนึ่งของสินเชื่อที่เหลือเนี่ยก็จะเป็นสินเชื่อประเภท High-yield นะครับ ซึ่งตรงนี้เนี่ยก็จะมี Margin ที่ Cover กันได้นะครับ ⁣

แล้วก็การที่ขยายสินเชื่อมากขึ้นในกลุ่มที่เป็น High-yield เนี่ยเป็นสัดส่วนของสินเชื่อ High-yield ก็จะสูงขึ้น ทำให้ค่าเฉลี่ยของ Yield ของ Port for Yield ปรับตัวสูงขึ้นนะครับ อันนี้ก็เป็นวิธีการที่เรา Mitigate Risk บางส่วนจากเรื่องของอัตราดอกเบี้ยที่ปรับขึ้นมานะครับ ⁣

ก็อันนี้ก็เป็น Cycle ที่ถ้าท่านผู้ดูหุ้นที่ถือเรามาเป็น 10 10 ปีก็ จะเห็นว่าเราผ่าน Cycle การขึ้นลงของดอกเบี้ยมาค่อนข้างนานหลาย ๆ รอบนะครับ ใน Cycle ที่อัตราดอกเบี้ยขึ้นเนี่ยเราก็จะมีเรียกว่า Pressure กับ NIM อยู่สักช่วงนึงก่อนที่ทุกอย่างจะ Reprices ตามกันนะครับ⁣

รอบนี้ก็เหมือนกันครับ แต่ดูเหมือนอย่างน้อย ๆ รอบนี้ จะเรียกว่าเราดูมีความอ่อนไหวกับเรื่องของ spread น้อยกว่าในอดีตที่ผ่านมา บางส่วนเนื่องมาจากว่าระดับของ spread ตั้งต้นเนี่ยอยู่ในระดับที่ค่อนข้างสูงนะครับอย่างที่บอกว่า NIM อยู่ที่ 5% เพราะฉะนั้นเมื่อดอกเบี้ยขึ้นมา 1% เต็ม ๆ ก็คือประมาณซัก 20% ของ NIM ที่มีอยู่นะครับ อันนี้สมมุติว่าเราไม่ได้ทำอะไรใหม่เลยนะครับเพราะฉะนั้น Effect ตรงนี้ก็คือประมาณ 20% ⁣

แต่ว่าอย่างในอดีต ทิสโก้ที่ปล่อยสินเชื่อเช่าซื้อรถใหม่มาก ๆ นะครับ คุณย้อนกลับไปสมัยปี 2012 2013 รถคันแรกอะไรพวกนั้นนะครับรถใหม่เรา 70-80% ของพอร์ต ตอนนั้น NIM เรา Loan พอร์ตโตแรงมาก 20-30% ต่อปี แต่ว่า NIM เราต่ำเพราะว่าสินเชื่อรถใหม่มัน Yield ถูกนะครับ เพราะฉะนั้น NIM ตอนนั้นแค่ประมาณ 2% กว่า 2.5% เท่านั้นเองนะครับ ถ้าฉะนั้นดอกเบี้ยขึ้นมาแรง ๆ เนี่ย Effect ต่อ NIM มันแรงกว่ากันเยอะนะครับ⁣

ภาพปัจจุบันคือ 20% ภาพในอดีตคือ 40-50% ก็จะเรียกว่าปัจจุบันเราก็มี Natural Hedge  ในโปรไฟล์ของเราเองได้ดีอยู่ประมาณนึงนะครับ แต่ถามว่าจะไม่มี Effect เลยหรือเปล่าอันนี้ก็คงไม่ใช่นะครับ ต้องยอมรับว่า Cycle อัตราดอกเบี้ยขึ้นเป็นอะไรที่เป็น Adverse กับธุรกิจของเราอยู่แล้วนะครับ ⁣

ภาพรวมหนี้ครัวเรือนของไทยที่ยังอยู่ในระดับสูงเป็นโอกาสหรือความเสี่ยงต่อธุรกิจหรือไม่อย่างไรนะครับ ⁣

ก็เป็นความเสี่ยงแน่นอนนะครับ เพราะว่าถ้าหนี้ครัวเรือนสูง ๆ ก็จะ Reflect ว่า ประชากรโดยรวมเนี่ยมีหนี้มากเกินไปนะครับ จนทำให้มีความเสี่ยงของการไม่สามารถกลับมาชำระหนี้ได้นะครับ ⁣

เพราะฉะนั้นการบริหารความเสี่ยงเป็นสิ่งสำคัญและก็การที่ไม่ Aggressive เกินไปในการรุกธุรกิจ Even ธุรกิจ High-yield ที่เรากำลังพูดถึงเนี่ยเราก็ต้องระมัดระวังที่จะไม่ เรียกว่า Aggressive เกินไปนะครับเพราะว่า มีโอกาสที่ในอนาคตเนี่ยปัญหา Household Debt จะเรียกว่าบานปลายแล้วก็เกิดภาวะหนี้เสียมากขึ้นในระบบนะครับ ⁣

เพราะฉะนั้นอะไรที่เป็นหนี้ประเภทไม่มีหลักประกัน หรือ Clean Loan อะไรพวกนั้นเนี่ยเราก็จะค่อนข้างระมัดระวังเป็นพิเศษ และในปัจจุบันก็ยังไม่มีนโยบายที่จะก้าวข้ามไปทำตรงนั้นอยู่นะครับก็เป็นอะไรที่ Concerns ที่เราต้องระมัดระวังกันต่อไปไม่ไป Take ความเสี่ยงมากเกินระดับที่เหมาะสมนะครับ ⁣

รถ EV ราคามือสองอาจจะลดลงอย่างมากหากเทคโนโลยีพัฒนาไปเรื่อย ๆ ทำให้รถ EV รุ่นใหม่มีคุณภาพดีกว่า นี่เป็นความเสี่ยงที่ชัดเจนมากนะครับแล้วก็ปัจจุบันไม่มีใครตอบได้ชัดเจนว่าราคารถเก่า EV จะเหลือเท่าไหร่ในอีก 3 ปี 5 ปีข้างหน้านะครับ เพราะว่ามันยังเป็นของที่ใหม่มาก ๆ นะครับแต่เดาได้เลยว่ามันคงจะเยอะกว่ารถประเภทปกติ มากประมาณนึงในช่วงต้น ๆ นี้นะครับ เพราะว่าเทคโนโลยีมันยังไม่มาชัวร์นะครับ⁣

แล้วก็เราก็ยังได้ยินเรื่องของค่าใช้จ่ายในการเปลี่ยนแบตเตอรี่อะไรต่าง ๆ ที่ค่อนข้างสูงมาก ๆ นะครับก็ต้องคิด Price in เข้าไปเลยว่าราคารถมือสองเนี่ยจะต้องตกมากกว่าราคารถปกติ รถ EV อยู่ประมาณนึงนะครับ แต่เมื่อ Price in ตรงนั้นเข้าไปแล้วนะครับจุดนึงซึ่งปรากฏว่าพอมาชดเชยกันได้นะครับก็คือจากสินเชื่อใหม่ที่เราปล่อยไปบางส่วนนะครับ จริง ๆ เราก็เป็น Among the first ที่เข้าไปปล่อยสินเชื่อ EV อย่าง Active นะครับ ⁣

เรามีพาร์ทเนอร์เป็นเจ้าแรก ๆ  Great Wall Motor ก็เป็นพาร์ทเนอร์กับเรานะครับ เรา Monitor โปรไฟล์ของ Portfolio EV ก็พบว่าหนี้เสียเนี่ยต่ำกว่าพอร์ตรถปกติ ทั่วไปอย่างมีนัยยะทีเดียวนะครับ ⁣

เพราะฉะนั้นเนี่ยตรงนี้ก็มาชดเชยกันได้กับความเสี่ยงของราคารถมือสองที่น่าจะตกลงค่อนข้างมากในอนาคตนะครับ เพื่อที่จะดูว่าจริง ๆ แล้วสุดท้าย Expected Loss นี่จะเป็นเท่าไหร่ถ้าเกิดว่า NPL มันเท่ากัน Loss Given Default มันสูงกว่า ก็แปลว่ารถ EV จะต้องมี Credit Loss ที่สูงกว่านะครับ⁣

แต่สิ่งที่มาชดเชยกันก็คือว่า ปรากฏว่าจากข้อมูลที่เรา Track มานี่ Default Rate มันต่ำกว่าเพราะฉะนั้นโดยรวมเนี่ยก็ยังชดเชยกันได้นะครับ แต่ชดเชยกันได้ 100% หรือแค่ไหนอะไรยังไงอันนี้ก็เป็นสิ่งที่ไม่มีใครรู้แน่นอน เพราะว่ายังไม่มีใครรู้ว่าสุดท้ายแล้วราคารถมือสองของ EV จะไปจบที่เท่าไรนะครับ ⁣

ก็มีค่ายรถจากพาร์ทเนอร์ของเรา จากที่เราพูดคุยในในตลาดรถ EV เอง นะครับก็มาคอมเม้นต์เรื่องของต้นทุนแบตเตอรี่ที่แพงมากในการเปลี่ยนอะไรต่าง ๆพวกนี้เนี่ยส่วนนึงมันคือ fact นะครับ⁣

แต่ส่วนหนึ่งเค้าบอกว่ามันเป็น Development ของ Supply Chain แล้วก็ธุรกิจเองที่ยังไม่มาชัวร์เต็มที่นะครับ ยกตัวอย่างข่าวที่ออกมาบอกว่า แบตเตอรี่ไปขูดนิดเดียวนะครับต้องเปลี่ยนทั้งก้อน ก้อนละ 600,000 อะไรพวกนี้เนี่ยมันเป็นเพราะว่าเราไม่มี Supply Chain ในการผลิตฮาร์ทของแบตเตอรี่ในประเทศไทยนะครับ⁣

เพราะฉะนั้นสิ่งที่ค่ายรถเค้าทำก็คือถ้าเวลาที่มีปัญหาก็ต้องเปลี่ยนทั้งก้อนนะครับก็จะเป็น Cost ที่มหาศาลอย่างที่ออกเป็นข่าวนะครับแต่ once เมื่อธุรกิจหรือ Industry มัน Develop ไปเรื่อย ๆ เนี่ย มันก็น่าจะมีการลงทุนใน Supply Chain การลงทุน Spare Parts อะไรต่าง ๆ ที่กระจายตัว แล้วก็ลงรายละเอียดความทั่วถึงมากขึ้น ⁣

นั่นก็หมายถึงว่าในอนาคตเนี่ยแบตเตอรี่อาจจะซ่อมได้เป็นเรื่อง ๆ ก็ได้นะครับ เพราะฉะนั้นค่าซ่อมจากที่เราเปลี่ยนต้องเปลี่ยนแบตทั้งก้อนเนี่ยมันอาจจะเหลือแค่ซ่อมบางส่วน ซึ่งค่าใช้จ่ายมันอาจจะลดลงมากก็ได้นะครับ ⁣

อันนี้เป็นสิ่งที่ธุรกิจมันยังใหม่มากแล้วก็ยังไม่มาชัวร์ซึ่งเรายังตอบไม่ได้ว่าสุดท้ายแล้วจะเป็นยังไงสำหรับเรื่องของรถ EV แต่อันนี้ก็เป็นเป็นความคิดหนึ่งซึ่งทางค่ายเองก็ให้ไอเดียให้ความคิดตรงนี้มา ซึ่งเราก็ต้องเอาปัจจัยต่าง ๆ เหล่านี้เนี่ยมา Factor In เข้าไปในการ Price เรื่องของราคาขายรถมือสอง ⁣

แล้วก็มีปัจจัยบวกที่อาจจะเป็น Price Support ได้บางส่วนก็คือว่าเรื่องของการ Subsidy ในแง่ของภาษีนะครับที่ตอนนี้รถ EV ยังรับกันเต็ม ๆ อยู่นะครับ ซึ่งถ้าในอนาคตไม่มีตรงนี้แล้วเนี่ย Cost ของรถ EV ใหม่มันอาจจะสูงขึ้น Relative เพราะเรื่องปัจจัยทางภาษีก็อาจจะมี Price Support จากปัจจัยตรงนี้ได้บางส่วน สำหรับอนาคตก็ประมาณนี้นะครับ ⁣

เข้าใจว่าคำถามก็หมดแล้วเช่นกันนะครับ ยังเหลือแค่เวลา 3 นาทีสุดท้ายพอดีนะครับ ถ้าท่านไหนมีคำถามสุดท้ายก็จะได้อีกซักคำถามนึงนะครับเชิญเลยครับ ⁣
ก็ถ้าไม่มีคำถามอะไรก็ขอบคุณทุกท่านมากนะครับ⁣
—-------⁣
ถิระพรู: สำหรับวันนี้นะคะทางบริษัททิสโก้ไฟแนนเชียลกรุ๊ปนะคะ ก็ขอกราบขอบพระคุณทั้งทางท่านตลาดหลักทรัพย์นะคะแล้วก็ท่านนักลงทุนที่เข้าฟังในวันนี้ด้วยค่ะ ⁣

ก็ถ้ามีคำถามเพิ่มเติมยังไงก็สามารถติดต่อได้มาทาง IR โดยตรงได้เลยนะคะ วันนี้ทางเราก็ขอตัวลาไปก่อนนะคะ สวัสดีค่ะ⁣
—-------⁣

ชาตรี : ขอบคุณครับ⁣

—-------⁣
ถิระพรู : สวัสดีค่ะ⁣





 
thanonlongtun_p
Posts: 3145
Joined: Mon Apr 17, 2023 1:05 pm

Oppday Q2/2023 TISCO บมจ. ทิสโก้ไฟแนนเชียลกรุ๊ป


Presentation https://weblink.set.or.th/dat/registrat ... -TISCO.pdf
thanonlongtun_p
Posts: 3145
Joined: Mon Apr 17, 2023 1:05 pm

ผลประกอบการ ไตรมาสที่ 2 ปี 2566 หุ้น TISCO 

Image

ที่มา: บริษัทหลักทรัพย์ โกลเบล็ก จำกัด 
 
 
 
 
 
 
thanonlongtun_p
Posts: 3145
Joined: Mon Apr 17, 2023 1:05 pm

Oppday Q3/2023 TISCO บมจ. ทิสโก้ไฟแนนเชียลกรุ๊ป


ดาวน์โหลดเอกสารประกอบการบรรยาย
https://listed-company-presentation.set ... h/vdo/6214
thanonlongtun_p
Posts: 3145
Joined: Mon Apr 17, 2023 1:05 pm

ผลประกอบการไตรมาสที่ 3 ปี 2566 หุ้น TISCOImageที่มา: Globlex Research
thanonlongtun_p
Posts: 3145
Joined: Mon Apr 17, 2023 1:05 pm

สรุปคลิป Oppday Q3/2023 TISCO บมจ. ทิสโก้ไฟแนนเชียลกรุ๊ป  

ผลประกอบการ 9M/2023 
  • กำไรสุทธิ 5521 ล้านบาท +1.9% YoY
  • รายได้รวม 14,221 ล้านบาท +5.8% YoY
    • รายได้ดอกเบี้ยสุทธิ (Net Interest Income) โต 9.3% การเติบโตนี้ก็มาจากการขยายตัวของพอร์ตสินเชื่อ ช่วงหนึ่งปีที่ผ่านมาโต 8.7% อย่างก็ตาม cost of fund ปรับตัวสูงขึ้น
    • รายได้ Non Interest Income ลดลง  2.4% หลัก ๆ มาจากธุรกิจ บล. ปีที่ผ่านมาตลาดหลักทรัพย์มีการผันผวนรุนแรง 
  • สัดส่วนรายได้ 
    • 72.2% Net Interest Income 
    • 27.8% Non Interest Income 
  • ค่าใช้จ่ายในการดำเนินงานเพิ่มขึ้น 9.9% YoY ค่าใช้จ่ายส่วนใหญ่มาจากแผนขยายสาขาสมหวัง เงินสั่งได้ ปีนี้เน้นการขยายสาขาเพื่อการเติบโต
  • ECL เพิ่ม 6.2% YoY 
  • ROAE ปรับเพิ่มขึ้นจากปีที่แล้ว มาอยุ่ที่ 17.7% 
 Balance Sheet  
  • Total Loans -> 231,794 ล้านบาท (+5.8% YTD) โตจากพอร์ตสินเชื่อธุรกิจขนาดใหญ่ และการเติบโตของสินเชื่อจำนำทะเบียน 
  • สัดส่วน -> 68% Retail / 24.8% Corporate / 5.4% SME / 1.7% อื่น ๆ 
    • พอร์ต Retail เป็น High Purchase ประมาณ 50%  ที่ผ่านมาเรามีการเน้นสินเชื่ออุปโภค บริโภค Product ชื่อว่า TISCO Auto Cash สัดส่วนเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ ล่าสุด 17.4%
    • พอร์ต Corporate มีการปรับสัดส่วนเพิ่มขึ้นจากเดิมอยู่ประมาณ 20%
  • Total Deposits & Borrowing -> 207,433 ล้านบาท (+4.2% YTD)
    • 80.8% เป็นเงินฝากประจำ
    • 16% CASA 
 Loan Portfolio เติบโต  +5.8% YTD 
  • Retail +0.5% YTD
  • Corporate +29.8% YTD เติบโตแข็งแกร่ง 
  • SME -12.1% YTD 
  • มุ่งเน้นธุรกิจสมหวัง  Loan Outstanding อยู่ที่ 26,500 ล้านบาท +17.4% YTD  โดยมุ่งเน้นเปิดสาขาใหม่ ปีนี้เปิดไปแล้ว +137  สาขา ตั้งเป้าทั้งปี 200 สาขา 
 Net Interest Income  
  • 10,263 ล้านบาท เติบโต  +9.3% YoY จากการเติบโตของสินเชื่อ 
  • ที่ผ่านมาเจอแรงกดดันทิศทางดอกเบี้ยขาขึ้น ทำให้ต้นทุนทางการเงินเราปรับเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว 
  • Loan Spread อยู่ที่ 5.6% ปรับตัวลดลง 0.3% ในช่วง 9 เดือน
  • NIM ทรงตัวจากสิ้นปีที่แล้วที่ 5.1% 
 NON - Interest Income 
  • 3,957 ล้านบาท -2.4% YoY  
  • ธุรกิจ บล. ลดลง -14.4% จากความผันผวนที่เกิดขึ้นในตลาดทุนตั้งแต่ต้นปี 
  • ธุรกิจธนาคารพาณิชย์  Fee ลดลง -3.1% จากธุรกิจ bancassurance ที่ฟื้นตัวลำบาก 
  • ธุรกิจ Asset Management +2.1% เป็นไปตาม AUM ที่เพิ่มขึ้น 
 Asset Quality 
  • NPL 9 เดือน 5,213 ล้านบาท 
  • NPL Ratio 2.25% 
  • การเพิ่มขึ้นเป็นไปตามคาดเนื่องจากเราโฟกัสที่สินเชื่อ high yield มากขึ้น 
  • บวกกับแรงกดดันจากภาวะเศรษฐกิจที่ยังอ่อนแอ และหนี้ครัวเรือนที่อยู่ในระดับสูง 
  • Coverage Ratio ลดลงจาก 258.5% ปีที่แล้ว มาอยู่ที่ 205.8% ปีนี้ แต่ยังถือว่าอยู่ในระดับสูงเพียงพอทีจะรองรับความเสี่ยงในอนาคต
 ความเพียงพอเงินกองทุน (Capital Adequacy)  
  • BIS Ratio 22.6% ลดลงจาก 23.4% 
  • Tier 1 Ratio 19.0%  ลดลงจาก 19.6%
  • การลดลงมาจากการเติบโของพอร์ตสินเชื่อ 
  • แต่เรายังรักษาระดับเงินกองทุนระดับสูง เกินเกณฑ์ขั้นต่ำของธนาคารแห่งประเทศไทย 
 จำนวนสาขา จำนวนพนักงาน 
  • จำนวนพนักงาน 5,423 คน เพิ่มขึ้นเนื่องจากมีการเปิดสาขาสมหวัง 
  • จำนวนสาขารวม 640 สาขา แบ่งเป็น Bank Branches 53 สาขา และ Somwang Loan Offices 587 สาขา 
 อัพเดทการจ่ายปันผล  
  • จากเดิมจากปีละ 1 ครั้ง เปลี่ยนเป็นจ่ายปีละ  2 ครั้ง
สรุปผลประกอบการ  
  • โดยภาพรวมเป็นไปตามแผน 
  • สิ่งที่ทำได้ดีกว่าความคาดหมายคือธุรกิจธนาคารโดยรวม สินเขื่อเติบโตดี โดยเฉพาะใน corporate loan และสินเชื่อ high yield คือสมหวัง แม้ต้นทุนเงินฝากจะเพิ่มขึ้นเท่าตัวจากปีที่แล้ว  แต่ net interest income ยังเติบโตมากขึ้น
  • สิ่งที่อ่อนกว่าความคาดหมายคือ Non-interest income ด้วยตลาดทุนที่ซบเซา ทำให้ธุรกิจที่เกี่ยวข้องยังอ่อนแอ 
  • คุณภาพสินทรัพย์ NPL ขยับสูงขึ้นแต่ไม่เกินกว่าสิ่งที่เราคาดไว้ 
  • OPEX ปรับตัวเพิ่มขึ้นจากค่าเฉลี่ยในอดีต เพราะมีการขยายสาขาสมหวัง ส่งเสริมการเติบโตระยะยาว ทำให้กำไรออกมาทรงตัวเทียบกับที่ก่อนหน้า 
Q&A  


แนวโน้มไตรมาส 4  
  • สินเชื่อยังมีแนวโน้มการเติบโต แต่ไม่หวือหวา เท่าช่วงครึ่งปีแรก 
  • NPL ทิศทางคงมีการขยับขึ้นต่อ แต่ยังอยู่ในกรอบที่วางไว้ 2.5% 
  • จุดอ่อนผลประกอบการไตรมาสหน้าคือ NIM อีก 2-3 ไตรมาสข้างหน้ายังเห็น cost of fund ที่ขึ้นต่อ 
การตั้งสำรอง 
  • ปีหน้าอาจมีการเพิ่มการตั้งสำรองขึ้นตั้งแต่ปีหน้า ไม่ใช่เพราะ NPL ขยับขึ้น แต่เพราะที่ผ่านมาตั้งต่ำกว่าปกติเนื่องจากมีสำรองส่วนเกินอยู่ 
  • จะพยายามตั้งสำรองเพิ่มขึ้นอย่างค่อยเป็นค่อยไป ให้สามารถปรับตัวรองรับค่าใช้จ่ายสำรองที่จะเพิ่มขึ้นในอนาคต
ประเมินปีหน้าอย่างไร  
  • ประเมินว่าภาวะเศรษฐกิจยังเปราะบาง อาจทำให้การเติบโตไม่เป็นตามแผน มีกังวลประมาณหนึ่งเกี่ยวกับทิศทางคุณภาพสินทรัพย์ 
  • แผนรุกการขยายสินเชื่อ high yield จึงทำอย่างระมัดระวัง 
  • หากเทียบกับตลาดโลกแล้วดอกเบี้ยเราถือว่าต่ำ เนื่องจากเงินเฟ้อที่อยู่ในระดับคุมได้ ไม่น่าจะขึ้น policy rate ต่อ 
  • อย่างไรก็ตาม cost of fund ของสถาบันการเงินคิดว่าต้องมีการปรับตัวเพิ่มขึ้นอีก เพราะยังไม่ได้ปรับเป็นระดับปัจจุบัน 
  • แผนธุรกิจธนาคาร ปีหน้าคือ Conservative Growth เติบโตแบบระมัดระวังมากขึ้น 
Coverage ratio
  • ที่เหมาะสมกับเราคือประมาณ 150% ถือว่าแข็งแกร่ง เพียงพอต่อความผันผวนในระยะสั้นและกลางดังนั้น ถ้ามีการปรับลงจากระดับปัจจุบัน จะให้อยู่ระดับ 150%
ภาพรวม NPL ของพอร์ตรถไฟฟ้า EV  
  • NPLต่ำมากจนแทบไม่มีเลย 
  • มีความเสี่ยงที่ต้องระวังคือ หากเกิด default แล้วยึดรถมาขาย Lost Rate จะเป็นอย่างไร เพราะยังเป็นเรื่องใหม่ 
 ปัจจัยเติบโตพอร์ตสินเชื่อสมหวัง 
  • Organic growth โตด้วยการขยายสาขา ค่อนข้างเป็นไปอย่างระมัดระวัง 
  • ค่อย ๆ เปิด ประมาณปีละ 200 สาขา แต่ต่อเนื่องหลาย ๆ ปี  เพราะทำให้สามารถเทสได้ว่าตลาดที่เราไปใหม่ยังมี demand เพียงพอไหม 
  • การแข่งขันค่อนข้าง Active 
  • อย่างไรก็ตาม Consumer loan market ยังมี demand ค่อนข้างสูง 
 สัดส่วนเงินฝาก CASA 
  • ปัจจุบัน CASA อยู่ระดับ 17-18% อาจจะอยู่ประมาณนี้หรือลดลงเล็กน้อย  คล้ายตลาดโดยรวม
  • เราไม่ได้ Position เป็น transaction bank กลยุทธ์ CASA จึงไม่ใช่ตัวหลักที่เราเน้น 
  • ด้านเงินฝาก เราเน้นการลงทุน Wealth Management มากกว่า 
ปัญหาหนี้เสีย  
  • เราค่อนข้างเข้มงวดเรื่องการปล่อยสินเชื่อช่วงโควิดที่ผ่านมา แต่ภาวะเศรษฐกิจน่ากังวล ก็ต้องระมัดระวัง 
 ที่มา: https://www.youtube.com/watch?v=ALI8wRN1Dik   
 
 
Thanonlongtun post
Posts: 377
Joined: Tue Dec 27, 2022 5:25 pm

20231207_TISCO.jpg
20231207_TISCO.jpg (154.15 KiB) Viewed 3179 times
20231207_TISCO.jpg
20231207_TISCO.jpg (154.15 KiB) Viewed 3179 times
 
#สรุปคลิป Oppday Q3/2023 TISCO บมจ. ทิสโก้ไฟแนนเชียลกรุ๊ป ผลประกอบการ 9M/2023 
  • กำไรสุทธิ 5521 ล้านบาท +1.9% YoY
 
  • รายได้รวม 14,221 ล้านบาท +5.8% YoY 
 
  • รายได้ดอกเบี้ยสุทธิ (Net Interest Income) โต 9.3% การเติบโตนี้ก็มาจากการขยายตัวของพอร์ตสินเชื่อ ช่วงหนึ่งปีที่ผ่านมาโต 8.7% อย่างก็ตาม cost of fund ปรับตัวสูงขึ้น 
  • รายได้ Non Interest Income ลดลง  2.4% หลัก ๆ มาจากธุรกิจ บล. ปีที่ผ่านมาตลาดหลักทรัพย์มีการผันผวนรุนแรง 
 
  • สัดส่วนรายได้ 
    • 72.2% Net Interest Income 
    • 27.8% Non Interest Income 
 
  • ค่าใช้จ่ายในการดำเนินงานเพิ่มขึ้น 9.9% YoY ค่าใช้จ่ายส่วนใหญ่มาจากแผนขยายสาขาสมหวัง เงินสั่งได้ ปีนี้เน้นการขยายสาขาเพื่อการเติบโต
 
  • ECL เพิ่ม 6.2% YoY 
 
  • ROAE ปรับเพิ่มขึ้นจากปีที่แล้ว มาอยุ่ที่ 17.7% 
 Balance Sheet  
  • Total Loans -> 231,794 ล้านบาท (+5.8% YTD) โตจากพอร์ตสินเชื่อธุรกิจขนาดใหญ่ และการเติบโตของสินเชื่อจำนำทะเบียน 
 
  • สัดส่วน -> 68% Retail / 24.8% Corporate / 5.4% SME / 1.7% อื่น ๆ 
 
  • พอร์ต Retail เป็น High Purchase  ประมาณ 50%  ที่ผ่านมาเรามีการเน้นสินเชื่ออุปโภค บริโภค Product ชื่อว่า TISCO Auto Cash สัดส่วนเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ ล่าสุด 17.4% 
  • พอร์ต Corporate มีการปรับสัดส่วนเพิ่มขึ้นจากเดิมอยู่ประมาณ 20%
 
  • Total Deposits & Borrowing -> 207,433 ล้านบาท (+4.2% YTD)
    • 80.8% เป็นเงินฝากประจำ
    • 16% CASA 
 Loan Portfolio เติบโต  +5.8% YTD  
  • Retail +0.5% YTD
  • Corporate +29.8% YTD เติบโตแข็งแกร่ง 
  • SME -12.1% YTD 
  • เรามุ่งเน้นธุรกิจสมหวัง  Loan Outstanding อยู่ที่ 26,500 ล้านบาท +17.4% YTD  โดยมุ่งเน้นเปิดสาขาใหม่ ปีนี้เปิดไปแล้ว +137  สาขา ตั้งเป้าทั้งปี 200 สาขา 
 Net Interest Income  
  • 10,263 ล้านบาท เติบโต  +9.3% YoY จากการเติบโตของสินเชื่อ 
  • ที่ผ่านมาเจอแรงกดดันทิศทางดอกเบี้ยขาขึ้น ทำให้ต้นทุนทางการเงินเราปรับเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว 
  • Loan Spread อยู่ที่ 5.6% ปรับตัวลดลง 0.3% ในช่วง 9 เดือน
  • NIM ทรงตัวจากสิ้นปีที่แล้วที่ 5.1% 
 NON - Interest Income 
  •  3,957 ล้านบาท -2.4% YoY  
  • ธุรกิจ บล. ลดลง -14.4% จากความผันผวนที่เกิดขึ้นในตลาดทุนตั้งแต่ต้นปี 
  • ธุรกิจธนาคารพาณิชย์  Fee ลดลง -3.1% จากธุรกิจ bancassurance ที่ฟื้นตัวลำบาก 
  • ธุรกิจ Asset Management +2.1% เป็นไปตาม AUM ที่เพิ่มขึ้น 
 Asset Quality 
  • NPL 9 เดือน 5213 ล้านบาท 
  • NPL Ratio 2.25% 
  • การเพิ่มขึ้นเป็นไปตามคาดเนื่องจากเราโฟกัสที่สินเชื่อ high yield มากขึ้น 
  • บวกกับแรงกดดันจากภาวะเศรษฐกิจที่ยังอ่อนแอ และหนี้ครัวเรือนที่อยู่ในระดับสูง 
  • Coverage Ratio ลดลงจาก 258.5% ปีที่แล้ว มาอยู่ที่ 205.8% ปีนี้ แต่ยังถือว่าอยู่ในระดับสูงเพียงพอทีจะรองรับความเสี่ยงในอนาคต
 ความเพียงพอเงินกองทุน (Capital Adequacy)  
  • BIS Ratio 22.6% ลดลงจาก 23.4% 
  • Tier 1 Ratio 19.0%  ลดลงจาก 19.6%
  • การลดลงมาจากการเติบโของพอร์ตสินเชื่อ 
  • แต่เรายังรักษาระดับเงินกองทุนระดับสูง เกินเกณฑ์ขั้นต่ำของธนาคารแห่งประเทศไทย 
 จำนวนสาขา จำนวนพนักงาน 
  • จำนวนพนักงาน 5,423 คน เพิ่มขึ้นเนื่องจากมีการเปิดสาขาสมหวัง 
  • จำนวนสาขารวม 640 สาขา แบ่งเป็น Bank Branches 53 สาขา และ Somwang Loan Offices 587 สาขา 
 อัพเดทการจ่ายปันผล  
  • จากเดิมจากปีละ 1 ครั้ง เปลี่ยนเป็นจ่ายปีละ  2 ครั้ง
  • Dividend payout 85.9% 
 สรุปผลประกอบการ  
  • โดยภาพรวมเป็นไปตามแผน 
  • สิ่งที่ทำได้ดีกว่าความคาดหมายคือธุรกิจธนาคารโดยรวม สินเขื่อเติบโตดี โดยเฉพาะใน corporate loan และสินเชื่อ high yield คือสมหวัง แม้ต้นทุนเงินฝากจะเพิ่มขึ้นเท่าตัวจากปีที่แล้ว  แต่ net interest income ยังเติบโตมากขึ้น
  • สิ่งที่อ่อนกว่าความคาดหมายคือ Non-interest income ด้วยตลาดทุนที่ซบเซา ทำให้ธุรกิจที่เกี่ยวข้องยังอ่อนแอ 
  • คุณภาพสินทรัพย์ NPL ขยับสูงขึ้นแต่ไม่เกินกว่าสิ่งที่เราคาดไว้ 
  • OPEX ปรับตัวเพิ่มขึ้นจากค่าเฉลี่ยในอดีต เพราะมีการขยายสาขาสมหวัง ส่งเสริมการเติบโตระยะยาว ทำให้กำไรออกมาทรงตัวเทียบกับที่ก่อนหน้า 
Q&A  แนวโน้มไตรมาส 4  
  • สินเชื่อยังมีแนวโน้มการเติบโต แต่ไม่หวือหวา เท่าช่วงครึ่งปีแรก 
  • NPL ทิศทางคงมีการขยับขึ้นต่อ แต่ยังอยู่ในกรอบที่วางไว้ 2.5% 
  • จุดอ่อนผลประกอบการไตรมาสหน้าคือ NIM อีก 2-3 ไตรมาสข้างหน้ายังเห็น cost of fund ที่ขึ้นต่อ 
การตั้งสำรอง 
  • ปีหน้าอาจมีการเพิ่มการตั้งสำรองขึ้นตั้งแต่ปีหน้า ไม่ใช่เพราะ NPL ขยับขึ้น แต่เพราะที่ผ่านมาตั้งต่ำกว่าปกติเนื่องจากมีสำรองส่วนเกินอยู่ 
  • จะพยายามตั้งสำรองเพิ่มขึ้นอย่างค่อยเป็นค่อยไป ให้สามารถปรับตัวรองรับค่าใช้จ่ายสำรองที่จะเพิ่มขึ้นในอนาคต
 ประเมินปีหน้าอย่างไร  
  • ประเมินว่าภาวะเศรษฐกิจยังเปราะบาง อาจทำให้การเติบโตไม่เป็นตามแผน มีกังวลประมาณหนึ่งเกี่ยวกับทิศทางคุณภาพสินทรัพย์ 
  • แผนรุกการขยายสินเชื่อ high yield จึงทำอย่างระมัดระวัง 
  • หากเทียบกับตลาดโลกแล้วดอกเบี้ยเราถือว่าต่ำ เนื่องจากเงินเฟ้อที่อยู่ในระดับคุมได้ ไม่น่าจะขึ้น policy rate ต่อ 
  • อย่างไรก็ตาม cost of fund ของสถาบันการเงินคิดว่าต้องมีการปรับตัวเพิ่มขึ้นอีก เพราะยังไม่ได้ปรับเป็นระดับปัจจุบัน 
  • แผนธุรกิจธนาคาร ปีหน้าคือ Conservative Growth เติบโตแบบระมัดระวังมากขึ้น 
 การตั้งสำรอง  ต้องมากขึ้นในปีหน้า 
  • Coverage ratio ที่เหมาะสมกับเราคือประมาณ 150% ถือว่าแข็งแกร่ง เพียงพอต่อความผันผวนในระยะสั้นและกลางดังนั้น ถ้ามีการปรับลงจากระดับปัจจุบัน จะให้อยู่ระดับ 150% 
 ภาพรวม NPL ของพอร์ตรถไฟฟ้า EV   
  • NPLต่ำมากจนแทบไม่มีเลย 
  • มีความเสี่ยงที่ต้องระวังคือ หากเกิด default แล้วยึดรถมาขาย Lost Rate จะเป็นอย่างไร เพราะยังเป็นเรื่องใหม่ 
 ปัจจัยเติบโตพอร์ตสินเชื่อสมหวัง 
  • Organic growth โตด้วยการขยายสาขา ค่อนข้างเป็นไปอย่างระมัดระวัง 
  • ค่อย ๆ เปิด ประมาณปีละ 200 สาขา แต่ต่อเนื่องหลาย ๆ ปี  เพราะทำให้สามารถเทสได้ว่าตลาดที่เราไปใหม่ยังมี demand เพียงพอไหม 
  • การแข่งขันค่อนข้าง Active 
  • อย่างไรก็ตาม Consumer loan market ยังมี demand ค่อนข้างสูง 
 สัดส่วนเงินฝาก CASA 
  • ปัจจุบัน CASA อยู่ระดับ 17-18% อาจจะอยู่ประมาณนี้หรือลดลงเล็กน้อย  คล้ายตลาดโดยรวม
  • เราไม่ได้ Position เป็น transaction bank กลยุทธ์ CASA จึงไม่ใช่ตัวหลักที่เราเน้น 
  • ด้านเงินฝาก เราเน้นการลงทุน Wealth Management มากกว่า 
ปัญหาหนี้เสีย  
  • เราค่อนข้างเข้มงวดเรื่องการปล่อยสินเชื่อช่วงโควิดที่ผ่านมา แต่ภาวะเศรษฐกิจน่ากังวล ก็ต้องระมัดระวัง 
 ที่มา: https://www.youtube.com/watch?v=ALI8wRN1Dik 
Post Reply