Oppday Year End 2022 บริษัท อาปิโก ไฮเทค จำกัด (มหาชน) AH
[AH] บริษัท อาปิโก ไฮเทค จำกัด (มหาชน)
-
- Posts: 3145
- Joined: Mon Apr 17, 2023 1:05 pm
Oppday Q1/2023 บริษัท อาปิโก ไฮเทค จำกัด (มหาชน) AH
Presentation https://weblink.set.or.th/dat/registrat ... 023-AH.pdf
Presentation https://weblink.set.or.th/dat/registrat ... 023-AH.pdf
-
- Posts: 3145
- Joined: Mon Apr 17, 2023 1:05 pm
Oppday Q2/2023 AH บมจ. อาปิโก ไฮเทค
ดาวน์โหลดเอกสารประกอบการบรรยาย
https://listed-company-presentation.set ... h/vdo/5746
ดาวน์โหลดเอกสารประกอบการบรรยาย
https://listed-company-presentation.set ... h/vdo/5746
-
- Posts: 3145
- Joined: Mon Apr 17, 2023 1:05 pm
Oppday Q3/2023 AH บมจ. อาปิโก ไฮเทค
ดาวน์โหลดเอกสารประกอบการบรรยาย
https://listed-company-presentation.set ... h/vdo/6062
ดาวน์โหลดเอกสารประกอบการบรรยาย
https://listed-company-presentation.set ... h/vdo/6062
-
- Posts: 3145
- Joined: Mon Apr 17, 2023 1:05 pm
Oppday year-end 2023 AH บมจ. อาปิโก ไฮเทค
ดาวน์โหลดเอกสารประกอบการบรรยาย
https://listed-company-presentation.set ... h/vdo/6458
ดาวน์โหลดเอกสารประกอบการบรรยาย
https://listed-company-presentation.set ... h/vdo/6458
-
- Posts: 3145
- Joined: Mon Apr 17, 2023 1:05 pm
Oppday Q1/2024 AH บมจ. อาปิโก ไฮเทค
ดาวน์โหลดเอกสารประกอบการบรรยาย
https://listed-company-presentation.set ... h/vdo/6670
ดาวน์โหลดเอกสารประกอบการบรรยาย
https://listed-company-presentation.set ... h/vdo/6670
-
- Posts: 3145
- Joined: Mon Apr 17, 2023 1:05 pm
สรุปคลิป Oppday Q1/2024 AH บมจ. อาปิโก ไฮเทค
ภาพรวม AAPICO
- ก่อตั้งขึ้นเมื่อปี 1996
- จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ ปี 2000
- มีบริษัทย่อย 49 บริษัททั่วโลก 34 บริษัทในไทย และ 15 บริษัทต่างประเทศ
- ประกอบ 3 กลุ่มธุรกิจหลักได้แก่ 69% ผลิตชิ้นส่วนยานยต์ / ตัวแทนจำหน่ายและศูนย์บริการ 31% / เทคโนโลยีการเชื่อมต่อ IoT <1%
- บริษัทได้รับการจัดอันดับ Credit Rating จาก Trist Rating ที่ A- / CG Score 5 ดาว / ได้รับการจัดให้ในรายชื่อของ ESG 100
- ปัจจุบันMarket Cap 7.5 พันล้าบาท
- ดำเนินการในหลายประเทศทั่วโลก ประเทศไทย มาเลเซีย จีน โปรตุเกส มีออฟฟิศอยู่ที่สหราชอาณาจักร เยอรมัน ไต้หวัน สิงคโปร์
- สัดส่วนรายได้ตามประเทศ Q1 ไทย 59% มาเลเซีย 19% โปรตุเกส 17% จีน 5%
- รายได้รวมปรับตัวลดลงอยู่ที่ 7.5% ในขณะที่ยอดผลิตรถยนต์ในประเทศไทย Q1 ลดลงอยู่ที่ประมาณ 18.5% ยอดขายของบริษัทลดลงน้อยกว่ายอดผลิตยานยนต์ของประเทศไทย จาก ความหลากหลายทางภูมิศาสตร์ที่เรามีฐานการดําเนินงานในหลายประเทศไม่ว่าจะเป็นประเทศโปรตุเกส มาเลเซีย จีน ทําให้แม้ว่ายอดขายในประเทศไทย ลดลงอยู่ที่ประมาณ 20% แต่ว่ายอดขายในประเทศอื่นอื่นก็ยังคงเติบโตได้
- จะเห็นได้ว่า ประเทศโปรตุเกสมียอดขายที่เพิ่มขึ้น 3.7% มาเลเซีย27.3% จีนเพิ่มขึ้นที่ 14.3%
- บริษัทตั้งอยู่ทั้งในประเทศไทย ประเทศจีน โปรตุเกส แล้วก็ประเทศมาเลเซียะ
- Product แบ่งเป็น 5 ประเภท
- ในส่วนของ JV และ Technical Partner จะเห็นได้ว่าเรามี คู่ค้าของเราที่ทําธุรกิจด้วยกันมาอย่างยาวนาน ส่วนใหญ่ก็จะอยู่ในธุรกิจการผลิตชิ้นส่วนยานยนต์แล้วก็จะเป็นผู้นําทางด้านเทคโนโลยีของโปรดักต์นั้นนั้น
- ในส่วนของลูกค้าเราผลิตชิ้นส่วนยานยนต์ให้กับผู้ผลิตรถยนต์เกือบทุกราย สัดส่วนรายได้ OEM ISUZU 30%/ DANA 8% / AAT 6% / AAM และ CONTINENTAL 5%
- มีโชว์รูมแล้วก็ศูนย์บริการตั้งอยู่ในประเทศไทย และ มาเลเซียรวม 17 แห่ง
- โดยอยู่ในประเทศไทย 11 แห่งน ในประเทศมาเลเซีย 6 แห่ง
- ประเทศไทยจําหน่ายรถยนต์ 4 แบรนด์ ประเทศมาเลเซียมีจำหน่าย 2 แบรนด์
- สัดส่วนรายได้ตามแต่ละแบรนด์ HONDA 37% / Proton และ Mitsubishi 22% / CHANGAN 8% / MG 7% /Ford 4%
- สัดส่วนรายได้ Smart Location 37% / Smart Logistics 38% / Smart Mobility 25%
- รายได้ 7,580 ล้านบาท ปรับตัวลดลงอยู่ที่ 7.5% แต่ว่าการลดลงก็ยังน้อยกว่ากว่ายอดผลิตรถของประเทศไทย ที่ลดลงอยู่ที่ 18.5%
- Gross Profit Margin 9.5% การลดลงหลักก็เป็นผลมาจาก ยอดการผลิตที่ชะลอลงของธุรกิจการผลิตชิ้นส่วนในประเทศและผลกระทบจากรายได้จากส่วนธุรกิจตัวแทนจําหน่ายรถยนต์ที่มีกําไรต่ำลงรวมถึงส่วนผสมของผลิตภัณฑ์
- ค่าใช้จ่ายในการขายและการบริหาร เพิ่มขึ้นอยู่ที่ประมาณ 4.4% อย่างไรก็ตาม SG&A ยังอยู่ในระดับที่ต่ำกว่า Q4
- กําไรจากการดําเนินงาน ลดลงมาอยู่ที่ 420 ล้านบาท
- EBIT Margin 5.3% EBITDA Margin 9.5%
- ส่วนแบ่งเงินลงทุนจากกิจการร่วมค้า ปรับตัวลดลงจาก 123 ล้านบาทมาอยู่ที่ 44 ล้านบาท เป็นผลมาจากการที่เราขายเงินลงทุน 67.6% เป็นฐานการดําเนินการที่อินเดียรวมถึงในการหยุดการดําเนินธุรกิจของฮุนไดมอเตอร์ประเทศไทย
- กําไรจากอัตราแลกเปลี่ยน 19 ล้านบาท เมื่อเทียบกับผลขาดทุนจากอัตราแลกเปลี่ยนจํานวน 35 ล้านบาท 1Q2023 เป็นผลมาจากการอ่อนค่าของค่าเงินบาท ตัวกําไรจากอัตราแลกเปลี่ยนเกิดมาจากตัวเงินฝากประจําสกุลเงินดอลลาร์ ที่เราได้รับจากการขายเงินลงทุนใน SACL
- กําไรสุทธิ 319 ล้านบาท Net Profit Margin 42% หลัก ๆ มาจากยอดขายที่ชะลอตัวลงสําหรับฐานการดําเนินงานในประเทศไทย
- กําไรสุทธิที่ไม่รวมผลกําไรขาดทุนจากอัตราแลกเปลี่ยน 301 ล้านบาท -> Core Net Profit Margin 4%
- ยอดขาย 5,117 ล้านบาท -14% YoY
- ชะลอตัวลงน้อยกว่าอุตสาหกรรมยานยนต์ที่ลดลงอยู่ที่ประมาณ 18.5% ส่งผลให้ปริมาณคําสั่งซื้อของลูกค้าหลักของเราลดลง อย่างไรก็ตามรายได้ชะลอตัวลงน้อยกว่าอุตสาหกรรมเนื่องจากว่าเรามีฐานการดําเนินงานในหลากหลายประเทศ
- โปรตุเกสเติบโต 3.7% จีน 24.3% และยังมีรายได้จากบริษัทย่อยในประเทศมาเลเซีย ที่ทางบริษัทเข้าถือหุ้นตั้งแต่ช่วงเดือนกรกฎาคมของปีที่แล้ว เทียบกับที่เราไม่ได้มีรายได้จากธุรกิจการผลิตชิ้นส่วนยานยนต์ในประเทศมาเลเซียในไตรมาสที่หนึ่งของปีที่แล้ว
- EBIT margin 7.1% เทียบกับ 9.9% ในช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อนหน้า มาจากรายได้ที่ชะลอลงตามอุตสาหกรรมยานยนต์ในประเทศไทย
- มีรายได้เพิ่มขึ้น 8% มาอยู่ที่ 2,331 ล้านบาท
- มาจากการเติบโตของธุรกิจตัวแทนจําหน่ายรถยนต์ในประเทศมาเลเซียที่มีการเติบโตอยู่ที่ 17.9% ซึ่งหลัก ๆ มาจากการเติบโตของยอดขายของ Honda หากดูยอดขายสําหรับธุรกิจตัวแทนจําหน่ายในประเทศไทย จะเห็นว่าลดลงอยู่ที่ 3.3% ซึ่งก็เป็นไปในทิศทางเดียวกันกับการชะลอตัวของยอดขายรถยนต์ในประเทศไทย ซึ่งลดลงอยู่ที่ประมาณ 24.6% เป็นผลมาจากความเข้มงวดในการปล่อยสินเชื่อรถยนต์ของสถาบันการเงิน
- EBIT Margin อยู่ในระดับเดียวกันกับปีที่แล้วที่ 0.9%
- ROE 12.7%
- ROA 5.2%
- ICR 4.6 เท่า
- DEBT/EBITDA 2.1 เท่า
- IBD 5,800 ล้านบาท ณ เดือนมีนาคม ปรับตัวลดลงจาก 6,200 ล้านบาทในเดือนธันวาคมปีที่แล้วน
- IBD/E Ratio 0.5 ยังคงอยู่ในเงื่อนไขทางการเงินที่เรามีกับสถาบันการเงินและผู้ถือหุ้นกู้
- หนี้ระยะยาวต่อ EBITDA ก็ยังคงอยู่ในระดับต่ำที่ 0.9 เท่า ทําให้เราสามารถหาเงินทุนเพิ่มเติมได้ในกรณีที่มีโอกาสทางธุรกิจใหม่ใหม่เข้ามา
- ปีนี้สภาอุตสาหกรรมคาดการณ์ยอดผลิตรถยนต์อยู่ที่ 1.9 ล้านคัน หรือ เติบโต 3.2% อย่างไรก็ตามต้องติดตามว่าจะมีการปรับประมาณการหรือไม่
- จากยอดการผลิตรถยนต์ในประเทศไทยก็จะเห็นได้ว่ายอดผลิตลดลง 18.5% เมื่อเปรียบเทียบกับงวดเดียวกันของปีที่แล้ว
- โดยการลดลงส่วนใหญ่ เป็นผลมาจากความเข้มงวดในการอนุมัติสินเชื่อที่เพิ่มสูงขึ้นของสถาบันการเงิน รวมถึงการอนุมัติงบประมาณที่อาจจะเลื่อนออกไปหลายเดือน ก็เป็นเหตุทําให้การใช้จ่ายของภาครัฐรวมถึงการลงทุน แล้วก็การกระตุ้นเศรษฐกิจมีการชะลอลง ก็จะเห็นได้ว่ายอดจําหน่ายในประเทศเลดลงอยู่ที่ 24.6%
- ในส่วนส่งออกลดลงอยู่ที่ 1.2%
- สําหรับยอดขายภายในประเทศ อันดับหนึ่งก็คงเป็นยังเป็น TOYOTA HONDA ISUZU การลดลงของยอดขายในประเทศ 24.6% แบรนด์ที่ มีการเติบโตของยอดขาย ได้แก่ BYD และ GWM
- ปัจจุบันเรามีฐานการดําเนินงานในประเทศไทย มาเลเซีย จีน โปรตุเกส
- โดยเรายังคงมองหาโอกาสในการเติบโตที่แข็งแกร่งมากขึ้น
- ในประเทศญี่ปุ่น รวมถึงสหรัฐอเมริกา เป็นหนึ่งในลูกค้าฐานลูกค้าหลักของบริษัทของเรา
- เราไม่ได้มองแค่โอกาสในการเติบโตในตลาดในประเทศไทยเท่านั้น แต่ว่าเรายังมองหาโอกาสในการเติบโตในตลาดโลก
- ปี 2023 ยอดการผลิตรถยนต์ในประเทศไทย 1.8 ล้านคัน ในขณะที่ตลาดโลกมีมากกว่า 90 ล้านคันน
- อายุเฉลี่ยของการใช้งานรถยนต์ ปกติจะอยู่ที่ 5 ปี
- แต่ว่าถ้าเป็นรถกระบะซึ่งเป็นลูกค้าหลักของเรา อายุเฉลี่ย 10-12 ปี
- โดยปกติแล้วชิ้นส่วนในรถยนต์ต่อรุ่นจะมีผู้ผลิตเพียงแค่รายเดียว
- ทําให้เราได้รับออเดอร์จากลูกค้าอย่างต่อเนื่องสําหรับรถยนต์รุ่นนั้นนั้น
- จากการที่เราได้รับคําสั่งซื้ออย่างต่อเนื่องจากลูกค้าปัจจุบัน รวมถึงคําสั่งซื้อใหม่ ผลิตภัณฑ์ใหม่รวมถึงลูกค้าใหม่ แล้วก็ผ่านการร่วมทุนใหม่ รวมถึงการเข้าซื้อกิจการ
- ได้รับคําสั่งซื้อใหม่จากลูกค้าปัจจุบันของเรา รวมถึงเรามีผลิตภัณฑ์ Axle ซึ่งได้เริ่มผลิตไปเมื่อประมาณสองปีที่แล้ว เป็น Global Volume
- เรามีการหาลูกค้าใหม่ ไม่ว่าจะเป็นในธุรกิจการผลิตชิ้นส่วนยานยนต์ มีชิ้นส่วนใหม่ ๆ พวกเป็นชิ้นส่วนเกี่ยวกับ EV แต่ว่าถ้าเป็นธุรกิจอื่น ๆ ที่ไม่ใช่ธุรกิจการผลิตชิ้นส่วนยานยนต์เราก็จะมีการกระจายไปยังชิ้นส่วนประเภทอื่น ไม่ว่าจะเป็น ชิ้นส่วนสําหรับ Sport พวก Sport Equipment รวมถึงธุรกิจที่ใช้ที่เป็นรถยนต์เพื่อการเกษตรหรือว่าชิ้นส่วนที่ใช้สําหรับรางรถไฟ
- JV และ การเข้าซื้อธุรกิจทั้งในและต่างประเทศ มีการเข้า Acquir ธุรกิจอย่างต่อเนื่อง
- สําหรับผลกระทบของเงินไฟฟ้าก็ไม่ได้มีผลกระทบที่มีนัยยะสําคัญสําหรับธุรกิจของเราทางระยะสั้นแล้วก็ระยะยาว
- เนื่องจากชิ้นส่วน 95% ก็จะสามารถ ใช้กับ EV ด้
- หลัก ๆ แล้วชิ้นส่วนที่จะหายไปสําหรับการมาของ EV ก็จะเป็นชิ้นส่วนที่เป็น Engine part เกี่ยวข้องกับถังน้ํามัน ซึ่งมีสัดส่วนอยู่ที่ประมาณ 5%ของรายได้รวมของกลุ่ม
- ปี 2030 การคาดการณ์สัดส่วนของการผลิตรถ ICE 39% HEV 25% EV 37%
- เปรียบเทียบยอดการผลิตรถยนต์ในประเทศไทยกับรายได้ของเรา
- 2013-2023 ยอดขายของบริษัทส่วนใหญ่ก็จะเติบโตได้ดีกว่าอุตสาหกรรมนื่องจากเรามีคําสั่งซื้อลูกค้าอย่างต่อเนื่อง รวมถึงมีคําสั่งซื้อใหม่ลูกค้าใหม่มีการขยายกิจการ ไม่ว่าจะเป็น JV หรือว่าการเข้าซื้อกิจการรวมถึงเรามีความหลากหลายทางภูมิศาสตร์ไม่ว่าจะเป็นในประเทศโปรตุเกส มาเลเซีย จีน
- รายได้หลัก 7,580 ล้านบาท
- กําไรหลัก 301 ล้านบาท
- Market Cap เกินกว่า 7,200 ล้านบาท
- รายได้จากการผลิตยานยนต์ไฟฟ้าในปีนี้ คาดว่าจะมีสัดส่วนอยู่ที่ประมาณ 5% ของยอดขาย OEM
- คาดการณ์การเติบโตของยอดการผลิตรถยนต์สําหรับในแต่ละภูมิภาคที่เกี่ยวข้องกับเราประเทศไทย 3.2% แต่ว่าอย่างไรก็ตามก็อาจจะต้องติดตามจากทางสภาอุตสาหกรรม/ ยุโรปปรับ -2% ถึง -4% / จีน 2%
- Outlook 2024 รายได้ทิศทางเดียวกับอุตสาหกรรม / Gross Profit Margin 10-12% / Net Profit Margin 4-5%
ความคืบหน้าของการก่อสร้างโรงงานใหม่ของของบริษัทว่ามีกี่แห่ง แล้วก็แต่ละแห่งจะเริ่มผลิตชิ้นส่วนแล้วก็รับรู้รายได้เมื่อไหร่
- ตอนนี้ที่สร้างโรงงานใหม่จะมีแค่ที่เดียว ที่อมตะนคร ก็ตอนนี้ก็สร้างไม่อยู่เดี๋ยวปลายปีนี้ก็จะเสร็จแล้วการรับรู้รายได้ ปี 2026
- ประเทศไทยเองเราก็จะได้รับออเดอร์จากปีที่แล้วก็จะมี GWM เพื่อปีนี้ก็มี BYD ที่ได้มาแล้วก็มี CHANGAN ที่เพิ่งให้งานมาอะ
- แล้วระหว่างนี้เราก็ยัง Bid งานCHANGANอยู่ก็ก็ยังให้งานมาอยู่เรื่อยเรื่อยในต่างประเทศเองเราก็มีผลิตให้ EV รถยนต์ เช่น BM ประเทศจีนเองก็มีผลิตให้รถจีนที่เป็นอีวีกับ Tesla ด้วย
- EV เราประมาณ 5% ของยอดขาย OEM
- เรา Growth ตาม Industry ปีนี้โตประมาณ 2-3%
- แล้วก็เดี๋ยวปีหน้า forecast ประมาณ 5-10%
- 2026 เมื่อโรงงานใหม่สร้างขึ้นมาจะเห็นการเติบโต
- Product High Value ของเรามียอดขายที่ลดลง
- Target ของเราจะอยู่ประมาณ 10-12%
- ปี 2026
- เริ่มส่ง Sample Part ปีหน้า
- Cash ที่เยอะขึ้นมาจากที่ขาย SACL ออกไป เงินบางส่วนยังฝากอยู่ บางส่วนคืนเงินกู้
- ถ้า Tesla ย้ายมาประเทศไทย แล้วก็จัดหาแหล่งวัตถุดิบที่ประเทศไทยจริง ก็น่าจะได้ประโยชน์
- เพราะว่าเอ่อเราก็เป็น supplier เจ้าหลักเจ้าหนึ่งในประเทศไทย น่าจะเป็นโอกาสที่ดีถ้าย้ายมา
- โดยปกติแล้วคิวสองจะเป็น Q2 ของ Automotive เพราะวันหยุดเยอะ Q3-Q4 ก็จะค่อยค่อยrecoverกลับมา
- เป้าหมายการเติบโตของเราก็จะเติบโตตามอุตสาหกรรม 2-3%
- งานใหม่ที่เราได้มากว่าเช่นก็น่าจะเป็นแบบปี 2026
- Maintenance CAPEX 500-600 ล้านบาท ปีนี้อาจจะมีการสร้างโรงงานใหม่ และลงทุนเครื่องจักรใหม่ ทำให้เป้าหมาย CAPEX ปีนี้ประมาณ 1,000 ล้านบาท
- Q2 จะ soft กว่า Q อื่น ๆ เพราะวันหยุดที่เยอะขึ้น
- ถ้าเดือน 5 เทียบกับเดือน 4 ก็ตัวเลขก็ดีขึ้น เพราะเดือน 4 วันหยุดเยอะ
- AAPICO ในประเทศจีน ยอดขายส่วนมากจะส่งไปให้ค่ายจีนหมด
- ถ้าในประเทศไทยเองที่ที่แจ้งไปคือก่อนหน้านี้ก่อนที่ค่ายใหม่ใหม่จะเข้ามา เราก็ส่งให้ MG มาตลอดเราก็จะส่งถังน้ํามันให้ MG แล้วก็รุ่นใหม่ใหม่เราก็ยังได้จากเอ็มจีต่อ
- ปีที่แล้วเราก็ได้มาจาก GWM BYD CHANGAN
- BYD ประมาณ 70 ล้าน
- CHANGAN ประมาณ 80 ล้าน แต่วันนี้ยัง BID งาน CHANGAN ยังไม่จบ
- ถ้าเป็นในประเทศไทยเราทำ innerpart ที่เป็นโครงสร้างเหล็ก คล้ายชิ้นงานที่เราผลิตให้เจ้าอื่น ๆ
- Q2 ปีที่แล้วค่อนข้างพิเศษ เพราะจะมี VinFast เข้ามา
- ตอนนั้นจะไม่มี Effect ตัว seasonal
- แต่รอบนี้ก็ยังมี VinFast อยู่คิวสองแต่ว่าตัวเลขอาจจะไม่เยอะเท่าปีที่แล้ว
- ก็ยังอ้างอิง automotive ตาม industry
- GAC ยัง แต่ว่า NETA ตัวนี้เราผลิตอยู่ แต่ว่าอาจจะเป็นงานเล็ก ๆ
- Q1 ปีนี้ก็จะเห็นว่าเริ่มเบรกแล้ว Q2 น่าจะกำไร
- มีกําไรแล้ว
- คืนเงินกู้บางส่วน
- เงินที่ยังไม่ได้ใช้เราก็ใส่ใน fixed deposit อยู่แล้วคิดว่าบางส่วนตัวนี้ก็น่าจะประกาศไปแล้ว มีการซื้อ treasury stock กับ ถ้ามันมี investใหม่ก็จะเอาเงินไปลงทุน
- ตามกลยุทธ์ที่แจ้งไป เราอยากเป็น Global Company
- ถ้ามีโอกาสเราก็อยากไปประเทศอื่นเช่น USA
- ณ วันนี้โรงงานใหม่ที่เราตั้งอยู่พร้อมที่จะสร้างอยู่ก็จะมีแค่ประเทศไทยอย่างเดียว เพราะออเดอร์ที่ที่ได้รับมาแล้วก็ mass production
- แต่ว่าถ้า CAPEX ประเทศอื่นอาจจะไม่ได้เป็นการสร้างโรงงาน แต่บริษัทลูกเราที่เช่นอยู่ที่ประเทศจีน มาเลเซีย อมันมีการได้งานเพิ่มก็เลยอาจจะต้องซื้อเครื่องจักรเพิ่มเพื่อขยาย Capacity
- 5% ของยอดขาย OEM ส่งให้รถ EV
- อีก 95% ส่งให้ได้ทั้งรถ ICE และ EV ได้ เช่น เบาะที่นั่ง
- ที่ไทยเรามี EV ยี่ห้อจีน ส่วนที่โปรตุเกสเราก็ส่ง EV ของ BMW
-
- Posts: 3145
- Joined: Mon Apr 17, 2023 1:05 pm
Oppday Q2/2024 AH บมจ. อาปิโก ไฮเทค
ดาวน์โหลดเอกสารประกอบการบรรยาย
https://www.set.or.th/th/market/product ... y-snapshot
ดาวน์โหลดเอกสารประกอบการบรรยาย
https://www.set.or.th/th/market/product ... y-snapshot