[DCC] บริษัท ไดนาสตี้เซรามิค จำกัด (มหาชน)

Post Reply
thanonlongtun_p
Posts: 3145
Joined: Mon Apr 17, 2023 1:05 pm

Oppday Year End 2022 บริษัท ไดนาสตี้เซรามิค จำกัด (มหาชน) DCC


 
thanonlongtun_p
Posts: 3145
Joined: Mon Apr 17, 2023 1:05 pm

Oppday Q1/2023 บริษัท ไดนาสตี้เซรามิค จำกัด (มหาชน) DCC



Presentation https://weblink.set.or.th/dat/registrat ... 23-DCC.pdf 
 
Thanonlongtun post
Posts: 377
Joined: Tue Dec 27, 2022 5:25 pm

20230518-DCC.jpg
20230518-DCC.jpg (531.19 KiB) Viewed 597 times
20230518-DCC.jpg
20230518-DCC.jpg (531.19 KiB) Viewed 597 times
 
ถอดเทป "Oppday Q1/2023 บริษัท ไดนาสตี้เซรามิค จำกัด (มหาชน) DCC"

คุณชนินทร์: สวัสดีครับ ขอสวัสดีนักลงทุนและผู้สนใจทุกท่านนะครับ วันนี้ผมชนินทร์ ศุภภิญโญพงศ์ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายบัญชีและการเงิน และคุณมารุต แสงสาตรา ประธานกรรมการบริหารของบริษัท ไดนาสตี้เซรามิค จำกัดมหาชน ⁣

วันนี้เราจะมาเล่าผลการดำเนินงานของไตรมาสที่หนึ่งของปี 2566 ให้แก่นักลงทุนทุกท่านทราบนะครับ ⁣

ขอเริ่มด้วยส่วนของตัวผลการดำเนินงานก่อนนะครับ ในไตรมาสที่หนึ่งของปี 2566 นี้ บริษัทของเราทำรายได้จากการขายอยู่ที่ 2,395 ล้านบาทหรือเพิ่มขึ้นประมาณ 22% เมื่อเทียบกับไตรมาสที่ 4 ของปี 2565 ที่ผ่านมานะครับ อย่างไรก็ตามลดลงนิดหน่อยนะครับเมื่อเทียบกับไตรมาสที่หนึ่งของปี 2565 ที่เราเคยทำได้ที่ 2,413 ล้านนะครับ⁣

โดยสัดส่วนการขายรายได้ใหญ่ของเราก็ยังมาจากรายได้ขายในประเทศผ่านสาขาของพวกเราที่มีอยู่ถึง 200 สาขาทั่วประเทศไทยนะครับ สำหรับรายได้จากการขายต่างประเทศ หลัก ๆ ก็ยังเป็นประเทศเพื่อนบ้านคือประเทศลาว พม่า และก็กัมพูชานะครับ มีประเทศพ้รทะเลนิดหน่อย คือมัลดีฟส์ บรูไน นะครับ สัดส่วนการขายในประเทศของเรายังสูงอยู่ที่ 96% นะครับอีก 4% ก็จะเป็นรายได้จากการขายต่างประเทศ ⁣

ในมุมมองของปริมาณการขายนะครับไตรมาสที่หนึ่งนี้เพิ่มสูงขึ้นอยู่ที่ 13.7 ล้านตารางเมตรนะครับ เพิ่มจากไตรมาสที่ 4 ของปี 2,565 ที่เคยทำได้ที่ 11.4 ล้านตารางเมตรนะครับ เพิ่มมาประมาณ 20% นะครับ ลดลงนิดหน่อยจากไตรมาสที่หนึ่งของปีที่แล้วนะครับ ที่เคยทำได้ที่ 15 ล้านตารางเมตร ⁣

เรามีการออกสินค้าใหม่นะครับสำหรับร้านค้าราคาขายเฉลี่ยของเราปรับตัวลดลงเล็กน้อยนะครับอยู่ที่ 150 บาทนะครับ ลดลงจากไตรมาสที่แล้วที่เคยทำได้ที่ 156 บาทนะครับ เพื่อผลักดันตัววอลุ่มการขายนะครับแล้วก็มีการปรับราคาแล้วก็จัดมาร์เก็ตติ้งแคมเปญต่าง ๆ นะครับเพื่อเพิ่มวอลุ่มการขาย ก็จะทำให้ราคาขายเฉลี่ยของเราลดลงประมาณ 4% เมื่อเทียบกับไตรมาสที่แล้วนะครับหรือลดลงนิดหน่อย 1% นะครับเมื่อเทียบกับไตรมาสที่ หนึ่ง ของปี 2565 นะครับ⁣

ในสัดส่วนการขายสินค้าที่พวกเราเรียกว่า Medium to High นะครับ สินค้า Medium to High ของเราคือสินค้ากลุ่มเซรามิคที่มีเป็นกระเบื้องปูพื้นขนาดใหญ่คือ 60x60 เซนติเมตร 60x1 เมตร 20 เซนติเมตร 80x80 เซนติเมตรแล้วก็ 40x80 เซนติเมตรนะครับ รวมถึงกระเบื้องพอร์ซเลนที่มีขนาด 60x60 เซนติเมตรและ 60x1 เมตร 20 นะครับ แล้วก็มีโปรดักส์ใหม่ที่เราเพิ่งออกมาคือกระเบื้องพอร์ซเลนฟูบอดี้ขนาด 60x60 เซนติเมตรนะครับ สินค้ากลุ่มนี้รวมถึงกระเบื้องบุผนังที่มีขนาด 30x50 เมตร เราเรียกว่าสินค้ากลุ่ม Medium to High นะครับ สินค้ากลุ่มนี้ในไตรมาสที่หนึ่งของปี 2566 นะครับ จะทำได้อยู่ที่ 23% นะครับ⁣

ส่วนสินค้ากลุ่ม Mass medium เดียคือสินค้าหลักของเราคือกระเบื้องเซรามิกขนาดเล็ก 30x30 และ 40x40 เซนติเมตรนะครับ ก็จะทำได้อยู่ที่ประมาณ 76% นะครับ⁣

ในส่วนการขายในประเทศตัววอลุ่มการขายนะครับหลัก ๆ ของเราก็ยังอยู่ที่ภาคเหนือและภาคตะวันออกเฉียงเหนือนะครับ โดยในไตรมาสที่หนึ่งนี้ลดลงเล็กน้อย โดยเพิ่มที่ภาคกลางนะครับ ตอนนี้ภาคกลางของเรากินสัดส่วนการขายเชิงตารางเมตรในประเทศอยู่ที่ 20% แล้วนะครับ สำหรับกรุงเทพฯและปริมณฑลอยู่ระดับทรงตัวนะครับที่ 14% ภาคใต้ก็เช่นเดียวกันนะครับ Volume ขายอยู่ที่ 13% จาก Volumeการขายทั้งหมด⁣

ในตัวของรายได้จากค่าเช่านะครับไตรมาสที่หนึ่ง ของปี 2566 อยู่ที่ 9.9 ล้านบาทนะครับ เพิ่มขึ้นเล็กน้อยจากไตรมาสก่อนหน้าที่เคยทำได้ที่ 9.7 ล้านบาทนะครับ จากตัวผู้เช่าที่มีการเช่าเพิ่มขึ้นเล็กน้อยนะครับมาอยู่ที่ 40% สาขาที่เราปล่อยเช่ายังคงเท่าเดิมนะครับ พื้นที่ปล่อยเช่าก็อยู่ที่เท่าเดิม ผู้เช่าใหม่ที่เข้ามามีการเช่าพื้นที่ในโชว์รูมเพิ่มขึ้น ซึ่งพื้นที่ในโชว์รูมนี้เราสามารถสร้างรายได้ต่อตารางเมตรได้สูงกว่าพื้นที่ที่อยู่ในโกดังนะครับ ก็เลยส่งผลให้รายได้จากค่าเช่าเพิ่มขึ้นเล็กน้อยประมาณ 2% จากไตรมาสก่อนหน้า  อย่างไรก็ตามนะครับก็ยังถือว่าลดลงอยู่พอสมควรอยู่ที่ 33% เมื่อเทียบกับไตรมาสที่หนึ่งของปีก่อนนะครับ ⁣

พวกเรายังมีการรีโนเวตพื้นที่เพื่อทำการปล่อยเช่าเพิ่มเติมนะครับก็ยังหาผู้เช่าใหม่เข้ามารวมอยู่ที่สาขาของเราอยู่เรื่อย ๆ นะครับ⁣

ในแง่ของ EBITDA นะครับหรือกำไรก่อนภาษี ดอกเบี้ย แล้วก็ตัวค่าเสื่อมราคาและค่าตัดจำหน่ายนะครับ ในไตรมาสที่หนึ่งของปี 2566 ทำได้ที่ 580 ล้านบาทนะครับ เพิ่มขึ้นประมาณ 4% เมื่อเทียบกับไตรมาสที่ 4 ของปี 2565 แต่ลดลงนะครับ ลดลงจากไตรมาสที่หนึ่ง ของปี 2655 ที่เคยทำได้ที่ 828 ล้านบาทลดลงอยู่ประมาณ 30% ในส่วนของEBITDA Margin นะครับไตรมาสนี้ทำได้ที่ 26.2% นะครับลดลงเล็กน้อยจาก 29% จากไตรมาสก่อนหน้านะครับ⁣

ในแง่ของกำไรสุทธินะครับ กำไรสุทธิของพวกเราในไตรมาสที่หนึ่งปีนี้นะครับอยู่ที่ 340 ล้านบาท คิดเป็น Net Profit Margin นะครับอยู่ที่ 15.3% ลดลงจากไตรมาสก่อนหน้าที่เคยทำได้ที่ 17.8% นะครับ ในส่วนของกำไรสุทธิอยู่ระดับคงที่นะครับเมื่อเทียบกับไตรมาสก่อนหน้าและลดลงพอสมควรที่ 36% เมื่อเทียบกับไตรมาสที่หนึ่งของปีที่แล้วที่เคยทำได้ที่ 534 ล้านบาทนะครับ ⁣

กำไรต่อหุ้น  ไตรมาสนี้นะครับอยู่ที่ 0.037 บาทต่อหุ้นนะครับ โดยทางคณะกรรมการบริษัทอนุมัติจ่ายเงินปันผลนะครับให้แก่ผู้ถือหุ้นทุกท่านที่ 0.015 บาทต่อหุ้น หรือคิดเป็น Pay Out Ratio ที่ 40.3% นะครับ ⁣

ในแง่ของต้นทุนการผลิตนะครับ ต้นทุนการผลิตของไตรมาสนี้ถือว่าดีขึ้นเล็กน้อยนะครับ ลดลงประมาณ 3% เมื่อเทียบกับไตรมาสก่อนหน้านะครับ สัดส่วนใหญ่ของเราก็ 43% อยู่ที่วัตถุดิบนะครับ ดิน หิน แร่ สารเคมีต่าง ๆ ที่ใช้ในการผลิตสินค้านะครับ 39% อยู่ที่ต้นทุนด้านพลังงานนะครับพลังงานใหญ่ ๆ ที่เราใช้คือก๊าซธรรมชาติแล้วก็ไฟฟ้านะครับ ที่ใช้ในการผลิตกระเบื้อง อีก 18% นะครับ คือต้นทุนด้านแรงงานค่าเสื่อมราคา ค่าซ่อมต่าง ๆ นะครับ⁣

ต้นทุนการผลิตของเราเมื่อเทียบกับไตรมาสที่หนึ่งของปีที่แล้วนะครับถือว่าเพิ่มขึ้นอยู่ประมาณ 8% นะครับ ค่าพลังงานก็มีแนวโน้มที่ดีขึ้นในส่วนของค่าก๊าซ นะครับแต่ว่าค่าไฟก็อยู่ในระดับที่สูงอยู่นะครับ⁣

ถัดไปคือตัวเลขทางการเงินนะครับ ในปี 2566 ทางบริษัทวางงบลงทุนนะครับอยู่ที่ 1,195.8 ล้านบาท โดยส่วนใหญ่นะครับเกินกว่าครึ่งอยู่ที่การลงทุนสาขาของบริษัทโดยบริษัทก็จะทำการซื้อที่เพื่อย้ายและเปิดสาขาเพิ่มเติมนะครับหลาย ๆ สาขาของบริษัทตอนนี้ก็อยู่ในช่วงท้ายของสัญญาเช่าสภาพก็ทรุดโทรมนะครับ บริษัทก็พิจารณาด้านโลเคชั่นที่เหมาะสมก็จะทำการซื้อที่แล้วก่อสร้างสาขาใหม่เพิ่มเติมนะครับ รวมถึงการทำการรีโนเวตสาขาเดิมที่เรามีนะครับ เพื่อทำให้สาขาและดูใหม่อยู่เสมอเพื่อที่จะดึงดูดตัวลูกค้าที่จะเข้ามาซื้อสินค้ากับบริษัทนะครับ⁣

ในแง่ของโรงงานเราก็ยังลงทุนอย่างต่อเนื่องนะครับในการบำรุงรักษาแล้วก็พัฒนาเครื่องจักรเพื่อให้ใช้ตัวพลังงานลดลงแล้วก็ทำให้ต้นทุนค้าปลีกของเราดีขึ้นอย่างต่อเนื่องนะครับ ⁣

ในแง่การลงทุนของเรา ยังลงทุนด้านพลังงานสะอาดผ่านโซลาร์รูฟท็อปอย่างต่อเนื่องนะครับตอนนี้ของเรามีกำลังการผลิตติดตั้งในฝั่งสาขาและสำนักงานใหญ่รวมกันแล้วอยู่ที่ 665 กิโลวัตต์นะครับซึ่งเราสามารถลดค่าไฟฟ้าได้เฉลี่ยต่อเดือนประมาณ 300,000 - 400,000 บาทต่อเดือนนะครับ ⁣

ส่วนแง่ของโรงงานเราติดตั้งและใช้งานมาอยู่พักใหญ่แล้วนะครับ หนึ่งเมกะวัตต์อยู่ที่โรงงานของบริษัทย่อย ไทล์ท้อป อินดัสตรี้นะครับ แล้วก็อีกสองเมกะวัตต์ที่โรงงานของบริษัทย่อยโรแยล ซีรามิค หรือ RCI ของเรานะครับ ก็จะสามารถเครื่องจ่ายไฟได้ในเร็ว ๆ นี้นะครับ⁣

ในแง่ของดอกเบี้ยนะครับ ตัวดอกเบี้ยจ่ายของเราในไตรมาสที่หนึ่ง ถือว่าสูงขึ้นอยู่ที่ 7.3 ล้านบาทนะครับ เป็นผลพวงจากการเพิ่มขึ้นของอัตราดอกเบี้ยเชิงนโยบายอย่างต่อเนื่องตั้งแต่สิ้นปีที่ผ่านมานะครับ⁣

Net Debt นะครับหรือ ตัวหนี้สินที่หักจากเงินสดที่เรามีนะครับ ตัวNet Debtของไตรมาสที่หนึ่ง อยู่ที่ 1,202 ล้านบาทนะครับ โดยส่วนใหญ่ก็คือหนี้สินที่เกิดจากเงินกู้ระยะสั้นของบริษัทที่ใช้ในการดำเนินงานนะครับ ซึ่งตรงนี้เราลดลงนะครับพอสมควรจากสิ้นไตรมาสที่แล้วที่เราเคยมีตัวNet Debtอยู่ที่ 1,530 ล้านบาทนะครับ ตัวNet Debt on EBITDA ของเราอยู่ที่ 51.8% นะครับก็ลดลงจาก 68.6% ของไตรมาสก่อนหน้า แต่ถ้าเทียบกับไตรมาสเดียวกันของปี 2565 นะครับก็จะถือว่าเพิ่มขึ้นอยู่พอสมควรไตรมาสก่อนไตรมาสเดียวกันของปี 2565 มี Net Debtที่ 453 ล้านบาทนะครับก็จะเพิ่มขึ้นประมาณ 165% นะครับ⁣

ตัว Debt on Equity หรือ DE นะครับของเราก็ยังอยู่ในระดับคงตัวเมื่อเทียบกับไตรมาสก่อนหน้าอยู่ที่ 0.56 นะครับก็ถือว่าอยู่ระดับที่ต่ำมากนะครับ ⁣

EBITDA in Assets นะครับของไตรมาสที่หนึ่ง ตอนนี้อยู่ที่ 23.9% นะครับโดยมีEBITDA Margin ที่ 26.2% ลดลงจากไตรมาสก่อนหน้านะครับ จากตัวกำไรในงวดที่ปรับตัวลดลงเล็กน้อยนะครับ ⁣

ในส่วนของ Return on Equity ก็เช่นเดียวกันนะครับทำได้ที่ 21.7% นะครับลดลงจากไตรมาสก่อนหน้าที่เคยทำได้ที่ 22.8% และไตรมาสเดียวกันของปี 2565 ที่เคยอยู่ที่ 35.9% ปัจจัยใหญ่ที่ลดลงนะครับก็คือตัวกำไรงวดที่มีการปรับตัวลดลงนะครับคิดเป็นการลดลงที่ประมาณ 5% เมื่อเทียบกับไตรมาสเดียวกันหรือ 40% เมื่อเทียบกับไตรมาสเดียวกันของปีก่อนหน้านะครับ⁣

Retuen on Asset ก็เช่นเดียวกันครับปรับตัวลดลงเล็กน้อยอยู่ที่ 14% จาก 14.6% ของไตรมาสที่ 4 ปีที่แล้วนะครับจับตัวกำไรในงวดที่ลดลง ไตรมาสที่หนึ่งของปี 2565 เคยทำได้ที่ 24% นะครับก็ลดลงเหลือ 14% จากกำไรในงวดที่ลดลงนะครับ⁣

ถัดไปเป็นตัว Company Updates นะครับ อันนี้จะขอเชิญทางคุณ มารุต แสงศาตรา CEO รายงานให้ทุกท่านทราบนะครับ⁣

—-------⁣

คุณมารุต: ครับ สวัสดีครับทุกท่านครับ⁣

ก็ผมขอรายงานสภาพตลาดโดยรวมทั่วไปนะครับ ในไตรมาสที่หนึ่งเดือนมกราคมก็เป็นเดือนที่เรียกว่าเรายังติดลบเยอะที่สุดนะครับ ติดลบเยอะสุดติดลบ ถ้าเป็นยอดขายก็ถึง 14.2% นะครับ ⁣
แล้วก็มาดีขึ้นในเดือนกุมภาพันธ์แล้วก็ดีขึ้นต่อเนื่องในเดือนมีนาคมนะครับ ⁣

ผมเลยคิดว่าเดือนมกราคมเป็นเดือนที่เรียกว่า Bottom Out ไปแล้วนะครับ แล้วเราก็เรื่องของการปรับราคาที่เราปรับราคาลดลงเอยก็ดีนะครับ มันก็ทำให้เราได้กินส่วนแบ่งทางตลาดเพิ่มขึ้นมานะครับ ก็เป็นไปตามคาดหมายครับ ถามว่ที่เราเคยประมาณการว่าเราจะมียอดขายเพิ่มขึ้น 5% นะครับอันนี้ก็คือประมาณการแบบเรียกว่า Conservative แล้วนะครับแต่ก็มาดูตลาดโดยรวมแล้วก็จะเห็นว่าตลาดรากหญ้านะครับที่เป็นตลาดหลักของไดนาสตี้เราเองเนี่ยก็ยังไม่ดีขึ้นเท่าที่ควรนะครับ เพราะฉะนั้นมันก็เลยพลาดเป้าไปเยอะพอสมควรนะครับ ถือว่าค่อนข้างน่าผิดหวังนะครับสำหรับยอดขาย ⁣

แต่ส่วนที่ราคาขายที่เราปรับลดลงแล้วเนี่ย เราปรับราคาขายหน้าร้านเราลดลงไม่เท่าไหร่นะครับส่วนใหญ่ที่เรามันลดลงเพราะว่าเราไปเล่นของร้านขายส่งมากขึ้น ราคาขายส่งถูกปรับลดลงค่อนข้างเยอะนะครับ⁣

สาเหตุที่เราปรับราคาขายส่งลง เพราะว่าเราต้องการกิน Market Share วิธีเดียวที่จะกินMarket Share ของคู่แข่งได้ก็คือไปที่ที่คู่แข่งขายนะครับ ก็คือร้านค้าทั่วไปหรือหรือโมเดิร์นเทรดบางเจ้านะครับเราเจาะจงเฉพาะบางเจ้า เราไม่ไปทุกเจ้านะครับ เพราะว่า Local Modern Trade เองเนี่ยเค้าก็ไม่ค่อยชอบที่จะมีแบรนด์ซ้ำกับ Modern Trade ใหญ่ ๆ ทั่วไปนะครับ⁣

เพราะฉะนั้น ถามว่า Modern Trade เนี่ยเป็นคู่แข่งของเราไหม ปัจจุบันนะครับเท่าที่ผมเซอร์เวย์ตลาดมานับไปModern Trade  ทุกเจ้าเนี่ยเขามีสัดส่วนการเก็บกระเบื้องที่ลดน้อยลงนะครับจะเป็นกระเบื้อง Import ค่อนข้างเยอะนะครับ⁣

คู่แข่งที่ขายกระเบื้องก็จะเป็นผู้นำเข้าเยอะมากขึ้นนะครับกระเบื้องในประเทศเนี่ยแทบจะไม่ค่อยเห็นนะครับผู้เล่นผู้ผลิตในประเทศเองหลาย ๆ  เจ้าก็ไปเอากระเบื้องอินเดียเข้ามานะครับ อินเดียกระเบื้องจีนเข้ามานะครับ โดยเฉพาะอินเดียเข้ามาเยอะมากๆ นะครับ กระเบื้องอินเดียมันเป็นกระเบื้องแกรนิตโต้ราคาขายเพราะจะสูงกว่ากระเบื้องเซรามิกอยู่แล้วนะครับ เมื่อนำเข้ามาเนี่ยมันก็เลยทำให้ SP ของของคู่แข่งเราอาจจะดูเพิ่มขึ้นนะครับแต่กำไรก็ไม่เพิ่มขึ้นเพราะว่ามันแข่งขันกันสูงนะครับ⁣

ก็ยังคงยากลำบากอยู่ครับสำหรับสถานการณ์การขายในปีนี้นะครับ ผมคิดว่ายังครับยังไม่จบง่าย ๆ มันก็คงยังซึมแบบนี้ไปอีกสักจนกว่าจะถึงไตรมาส 3 อ่ะครับน่าจะเริ่มฟื้นเริ่มฟื้นนะครับ เพราะตอนนี้ที่ต่างจังหวัดที่ฟื้นก็จะมีแต่พวกท่องเที่ยวนะครับ พวกเกษตรกร รากหญ้า ก็คืออย่างอย่างไปยากอยู่นะครับ ⁣

ถามว่าบริษัทเราปัญหาอยู่ที่ไหนครั บปัญหาอยู่ที่หน้าตาของเราครับ ปัญหาอยู่ที่สาขาของเรา นั้นก็คือสาเหตุที่ทำไมเราต้องจัดสรรปันส่วนนะครับเงินปันผลเราก็ต้องจ่ายน้อยลงก็เอาเงินเนี่ยมาลงทุนปรับปรุงหน้าตา ซึ่งตอนนี้เราก็ดำเนินการอยู่ประมาณ 10 กว่าแห่งนะครับ คือย้ายโลเคชั่นไม่ทำหน้าตาไม่นะครับ และเราก็ยังมีแผนงานที่จะเพิ่มการปรับปรุงพวกนี้อีกยังมีอยู่นะครับ อาจจะเพิ่มโชว์รูมเพิ่มมากขึ้นปรับทัศนียภาพมากขึ้นนะครับ มันก็จะทำให้เราไม่ Rely on รากหญ้ามากเกินไปเราหันเข้าเมืองมากขึ้น จับคนกลุ่มกลางกลุ่มบนมากขึ้น เพื่อลดความเสี่ยงในการสวิงของยอดขายของเรานั่นเองนะครับ⁣

ส่วน Product ของเรา ทั้งกระเบื้องเซรามิกก็ดีหรือพอร์ซเลนก็ดีผมว่าเรานี่แทบจะ High Technology ค่อนข้างสูงมากนะครับถ้าเทียบกับกระเบื้องนำเข้า⁣

ผมไปงานสถาปนิกมานะครับเราไปออกบูธมางานสถาปนิกเราเอากระเบื้องพอร์ซเลนเราไปโชว์เอากระเบื้องพอร์ซเลนเป็นฟูลบอดี้ที่เนื้อกับผิวหน้าเป็นเป็นลักษณะเดียวกันนะครับมีความทนทานสูง ซึ่งเอาไว้แข่งขันกับกระเบื้องอิมพอร์ตโดยเฉพาะ ปรากฏว่ามีอิมพอสเตอร์หรือซัพพลายเออร์หลายเจ้านะครับทั้งเป็นคนจีนก็ดีเป็นคนอินเดียก็ดีก็เข้ามาเยี่ยมชมบูธแล้วแล้วก็ขอค่อนข้างตื่นเต้นกับสินค้าเรานะครับว่าว่าราเราสามารถผลิตได้ของเราหนากว่าหนากว่าของนำเข้า ของเราหนาเกือบ 10 - 11 มิล นะครับในขณะที่สินค้านำเข้าที่เป็นพอร์ซเลนาแค่ 8 - 9 มิลนะครับ เราหนากว่ และก็ทำราคาได้ถูกกว่าของเขาครึ่งหนึ่ง นะครับครึ่งหนึ่ง เทียบกับในตลาดทั่วไป⁣

แต่ทำไมเราราคาถูกหน้าตาดีคุณภาพดีกว่า ทำไมยังขายไม่ได้ ก็กลับมาเรื่องเดิมครับเพราะว่าหน้าตาเราไม่ได้นะครับ⁣

ลูกค้าที่ผมไปเจอที่งานส่วนใหญ่ก็มีพูดคุยกันครับก็สนทนาส่วนใหญ่แล้วเขารู้จักได้ไดนาสตี้ครับบางท่านคิดว่าเราเป็นร้านค้ามือสอง ขายกระเบื้องมือสองนะครับ ผมก็น้อมรับนะครับก็เข้าใจว่าหน้าตาเราค่อนข้างจะไม่ดีเพราะว่าเราอยู่ในตลาดมานานแล้วก็กำลังเร่งในการปรับปรุงอยู่นะครับนั่นคือปัญหาหลักของไดนาสตี้⁣

นอกเหนือจากนั้นเนี่ยที่เป็นปัญหาอย่างหนึ่ง ก็คือปัญหาเรื่องแรงงานปัญหาเรื่องแรงงานของเราเนี่ยพนักงานเรามีการ Turn Over ร์ค่อนข้างสูงนะครับ โดยเฉพาะพนักงานระดับล่างนะครับ เพราะว่าเอ่อทั้งสภาพแวดล้อมด้วยนะครับสภาพแวดล้อมคือสาขาเรามีเป็นสมัยก่อนก็เรียกว่าเป็นเต็นท์อ่ะครับมันก็ค่อนข้างร้อนแล้วก็เค้าเลือกที่จะไปทำงานในสถานที่ที่ติดแอร์ที่สบายกว่าดีกว่านะครับ ⁣

ซึ่งเราก็ต้องนั่นแหละครับ ปรับสภาพแวดล้อมเนี่ยนอกจากได้หน้าตาได้ยอดขายในกลุ่มเป้าหมายใหม่ ๆ เพิ่มมากขึ้นกลุ่มลูกค้าระดับกลางระดับบนมากขึ้นแล้วเนี่ยเรายังช่วยทำให้พนักงานเรามีสภาพแวดล้อมที่ดีขึ้นด้วยนะครับ ⁣

สองเรื่องนี้ครับเป็นเรื่องเร่งด่วนของไดนาสตี้ที่เราจะต้องต้องตั้งเป้าแล้วก็อดทนครับ อดทนว่าเราอาจมีกำไรที่เราต้องเอาไปลงทุนมากขึ้นหน่อยนะครับ เพราะฉะนั้นถามว่าจะเป็นอย่างงี้ไปอีกนานเท่าไหร่ ผมคิดว่าเรามาดูกันทุก ๆ ไตรมาสครับ ว่าเงินเราเป็นยังไง นะครับเราต้องการมีวินัยทางการเงินเป็นเรื่องสำคัญนะครับ ผมดูที่เงินกู้ที่มีดอกนะครับหรือเ Net Debt อย่างน้อยมันต้องต่ำกว่า 0.5 นะครับหรือ 0.2 ได้ยิ่งดี นะครับเราดูที่ตรงนี้เป็นหลักนะครับ เราไม่อยากใช้เงินคนมือเติบนะครับทำไปเรื่อย ๆ ลงทุนหนักๆ นะครับพอเกิดอะไรขึ้นแล้วมันจะกลับกลับลำบาก⁣

คร่าว ๆ ครับก็คือสถานการณ์ตลาดยังไม่ดีเท่าไหร่นะครับ ปัญหาอยู่ที่รากหญ้านะครับจึงทำให้ยอดขายเราเป็นไปได้ไม่ตามเป้านะครับ แล้วก็ปัญหาเราก็คืออยู่ที่หน้าตาสาขากับพนักงานนะครับ ที่เรากำลังปรับปรุงกำลังเร่งปรับทุกฝ่ายทุกตำแหน่งในบริษัทแล้วหลังเดินบนถนนเส้นเดียวกันนะครับ คิดว่าคงใช้เวลาอีกสักปีสองปีน่าจะเริ่มเข้าที่ได้ดีขึ้นกว่านี้นะครับ⁣

Q&A⁣

ขอตอบคำถามนะครับเพราะว่าวันนี้คนถามคำถามค่อนข้างเยอะนะครับ⁣

ข้อแรกนะครับ แนวโน้มธุรกิจในไตรมาสที่สองปีนี้ประเมินไว้อย่างไรบ้างท่านเชิงปริมาณขายราคาขายและอัตรากำไรเทียบกับปีก่อนปัจจุบันมันมีอัตราการใช้กำลังการผลิตอยู่ที่กี่เปอร์เซ็นต์ ?⁣

ในไตรมาสที่สอง ผมคิดว่ายังไม่ฟื้นครับยังไม่ฟื้นผมปกติช่วงสงกรานต์จะเป็นช่วงที่ยอดขายค่อนข้างดีนะฮะสงกรานต์ที่ผ่านมาก็ค่อนข้างซึม ต้องบอกว่าซึมเลยนะครับ เราพยายามเอ่อผลักดันให้สาขาเราวิ่งเข้าเมืองมากขึ้นวิ่งเข้าไปจับลูกค้าโครงการมากขึ้นแต่ด้วยความที่พนักงานเรายังขาดประสิทธิภาพอยู่นะครับมันก็เลยยังทำให้ผลักดันได้ไม่ดีเขาเท่าไหร่นะครับ⁣

ในไตรมาสที่สอง ผมในเชิงปริมาณขายขายปลีกอาจจะดรอปลงนิดหน่อยนะครับ ราคาขายจะเท่ากับไตรมาสที่หนึ่งนะครับ อัตรากำไรเทียบกับปีก่อนน่าจะลดลงนะครับเหมือนกับที่ไตรมาสที่หนึ่งของเราลดลงจากปีที่แล้วนะครับ เพราะว่าเราทุกอย่างเราเบสอรในปีนี้นะครับราคาขายปรับตัวลดลงต้นทุนเท่าเดิมนะครับ แต่ขายได้น้อยลงอัตรากำไรมันน่าจะลดลงนะครับ ⁣

แล้วก็ปัจจุบันมีอัตราการใช้กำลังการผลิตอยู่ที่ประมาณ 70% เรามีทั้งหมด 25 เตาเผานะครับ มกรา กุมภาเราเปิด 17 เตานะครับ มีนาคมแล้วเปิด 19 เตา วันนี้เรารันอยู่ที่ 19 เตาเผานะครับ⁣


⁣ต่อไปนะครับภาพรวมตลาดกระเบื้องเซรามิกในประเทศนี้คิดว่าเติบโตหรือหดตัวลงกี่เปอร์เซ็นต์และบริษัทตั้งเป้าหมายการเติบโตของรายได้นี้ในปีนี้เท่าไหร่ ? ⁣

กระเบื้องในประเทศ ถามว่าเติบโตหรือหดตัวลง ตอนนี้ผมเริ่มบอกยากขึ้นนะครับ เพราะผู้เล่นหลายคนเริ่มออกจากตลาดไปนะครับ แล้วก็สินค้านำเข้าก็มีปริมาณที่ค่อนข้างสวิงมากค่อนข้างแกว่งมากนะครับมันเลยทำให้มองดูยาก ⁣

แต่ถ้าผมมองตลาดโดยรวมทั่วไปตลาดกลางตลาดบนยังคงอยู่นะครับยังคงอยู่ หมายความว่ายังมีดีมานด์ค่อนข้างสูงนะครับ อันนี้เป็นสิ่งที่เราต้องการไป ส่วนตลาดล่างต้องบอกว่าเละเลยนะครับ ด้วยความที่ประเทศไทยมีตลาดรากหญ้าสูงกว่าตลาดกลางและตลาดบนนะครับผมเลยคิดว่าภาพรวมมันน่าจะลดลงลดลงก็คงประมาณสัก 5-8% นะครับ ⁣

เพราะฉะนั้น เราเคยตั้งเป้าไว้ประมาณการณ์ยอดขายไว้ที่ 5% นะครับเราคิดว่ามันน่าจะรีบาวน์กลับตอนที่ช่วงไตรมาส 3 ไตรมาส 4 เพราะฉะนั้นผมยังคงยังคงมองที่ 5% อยู่นะครับ ถามว่ายากไหม ยากมากครับ แต่ก็ต้องลองทำ ยังมีช่องทางให้เราเล่นอยู่อีกเยอะนะครับ เช่นการเข้าโครงการ⁣

ตอนนี้ผมกับ CMO ท่านใหม่ ก็เริ่มออกตลาดไปพร้อม ๆ กันนะครับก็เริ่มเข้าไป Big Name Developer ทั้งหลายนะครับ Sansiri Land&House Origin อะไรก็แล้วแต่ที่อยู่ในตลาด ก็เริ่มให้ความสนใจมากขึ้น เขาก็มีความกรุณาให้โอกาสเราได้เอาสินค้าเราไปทดลองใช้ไปเสนอนะครับ ซึ่งหลาย ๆโครงการก็แฮปปี้มาก ทั้งการบริการแล้วก็แฮปปี้กับราคานะครับแล้วก็รวมไปถึงตัวผลิตภัณฑ์เองนะครับ ⁣

ผลิตภัณฑ์กระเบื้องเนี่ยถึงจะมีปัญหานะครับ ไม่ว่าใครผมว่ามีปัญหากันได้ เพราะว่ามันเป็นสินค้าที่เกิดจากการเผานะครับ มันทำให้เรื่องของ Shade Grade Size อะไรมันค่อนข้างคุมยากนะครับ⁣

ไดนาสตี้มีฐานผลิตอยู่ในประเทศไทยนะครับ เพราะฉะนั้นในการบริการในการแก้ปัญหาหน้างานแล้วเราทำได้รวดเร็วกว่าอยู่แล้วนะครับ เพราะฉะนั้นเนี่ยผมคิดว่าเราเอาสิ่งนี้คือที่เป็นจุดแข็งเเราไปสู้กับคนอื่นได้สบายนะครับขอให้เขาเปิดใจแล้วก็ลองใช้ผลิตภัณฑ์เราเท่านั้นเอง⁣

ผมคิดว่ายังไปได้อีกเยอะ จากงานสถาปนิกเนี่ย เราได้ลูกค้ารายใหม่ที่เป็น Developer นะครับทั้งขนาดเล็กขนาดกลางขนาดใหญ่ทั้งหมดแล้ว 101 เจ้านะครับ ซึ่งทั้ง 101 เจ้าเนี่ยเรามีการนัดวันเข้าไปพรีเซนต์ Pruduct และ Project Reference ต่าง ๆ ที่เรามีนะครับ ซึ่งผมคิดว่าน่าจะประสบความสำเร็จมาก เท่าที่ผ่านมาอาทิตย์หนึ่ง หลังจากการสถาปนิก Sale ก็ทำงานค่อนข้างหนักนะครับเอาตัวอย่างไปให้ แล้วก็เริ่มมีเริ่มมีออเดอร์เข้ามาเยอะนะครับ บางเจ้าสั่ง 4,000 - 6,000 ตารางเมตรผมคิดว่าประสบความสำเร็จครับ แฮปปี้มาก เพราะฉะนั้นเนี่ยผมยังคงคาดการณ์ไว้ที่ 5% นะครับ ⁣


เหตุใด DCC จึงมีการปรับราคาขายในงวดไตรมาสหนึ่งลดลงเมื่อเทียบกับงวดไตรมาส 4 ในขณะที่คู่แข่งในตลาดอย่าง COTTO มีการปรับราคาขายเพิ่มขึ้นตามต้นทุนพลังงานที่ปรับตัวสูงขึ้น การลดราคาลงดังกล่าวส่งผลให้ DCC มีส่วนแบ่งตลาดเพิ่มขึ้นแค่ไหน ?⁣

ต้องบอกก่อนว่าเราลดราคาลง ถูกต้องครับเราต้องการ Merket Share ต้องการมีราคาที่สามารถไปแข่งขันกับตลาดอิมพอร์ตได้นะครับ⁣

ตลาดในประเทศผมไม่กังวลเลยนะครับ ถ้าพูดถึงตลาดในประเทศก็พูดถึงกระเบื้องเซรามิกนะฮะกระเบื้องเซรามิกเนี่ยสำหรับใดที่มีราคาที่เป็นเบสอยู่แล้วทุกคนมอง ไดนาสตี้ เป็น Benckmark เรื่องราคาอยู่แล้วเพราะว่าสาขาเรามีทั่วประเทศมี 200 สาขาทั่วประเทศนะครับเพราะฉะนั้นเขาหันมามองก็มองที่สาขาเราก็ตั้งราคาตามเรา เพราะฉะนั้นเนี่ยเบื้องเซรามิคถามว่าราคาเราปรับลดลงมาแล้วปรับลดลงนิดเดียว นิดเดียวเพื่ออะไรเพื่อให้ประชาชนระดับรากหญ้าสามารถเอื้อมถึงได้นะครับ ไม่ได้เพื่อว่าเราจะไปกิน Market Sahre จากตลาดขายปลีกนะครับ⁣

ที่เราปรับตัวลดลงคือตลาดขายส่งที่ไดนาสตี้เมีอยู่ประมาณ 15-20% ซึ่งผมว่ามันเป็นส่วนที่ค่อนข้างน้อยหน่อยนะครับ เราไปลดราคาส่วนนั้นและเราก็ได้ร้านค้าเพิ่มมากขึ้นนะครับ ผมกับท่าน CMO ก็ได้ไปเยี่ยมร้านค้าด้วยตัวเองนะครับก็ไปหลาย ๆ เจ้าเนี่ยก็มีการ commit ยอดขายกันแล้วก็แนวโน้มดีขึ้นเรื่อย ๆ นะครับขายส่งเราดีขึ้นต่อเนื่องโดยเฉพาะร้านค้าใหญ่ตามตามหัวเมืองต่าง ๆ นะครับ เราก็จะวิ่งทั่วประเทศครับ แบ่งงานกัน แล้วก็วิ่งกันทั่วประเทศนะครับ ⁣

การลดราคาด้านขายส่ง มีผลครับ เพราะว่าปีที่แล้วเนี่ยเราขึ้นราคามา พอขึ้นราคามาปุ๊ปยอดขายส่งแล้วหายไปเลยนะครับ พอเราลดราคามาปุ๊บขายส่งก็กลับมานะครับ ตลาดขายส่งขึ้นอยู่กับราคาเป็นหลัก ⁣

เพราะฉะนั้น ถามว่าเรามีส่วนแบ่งการตลาดเพิ่มขึ้นแค่ไหน ยังประเมินได้ยากอยู่นะครับ แต่ถามว่ายอดขายส่งเราเพิ่มไหม เพิ่มขึ้นเยอะมากครับ ประมาณเกือบ 20% ได้นะครับ⁣

ต่อไปนะครับ ⁣

ต้นทุนก๊าซธรรมชาติของประเทศไทยในเดือนมีนาคมเพิ่มขึ้นมากตามราคา Import LNG ทาง DCC ประเมินว่า จะมีผลกระทบต่ออัตรากำไรในงวดไตรมาสสองมากแค่ไหน มีวิธีรับมืออย่างไร ? ⁣

อย่างแรกนะครับเราไม่ได้ใช้ LNG นะครับเราใช้ NG เฉย ๆ นะครับ ค่าแก๊สตามจริงแล้วเนี่ยเราถูกลงนะครับ ราคาแก๊สเราลดลงจากปีก่อนนะครับ แต่ปตทแจ้งมาว่าเราอาจจะมีเรื่องของการจำกัดปริมาณการใช้แก๊สนะครับเค้าจำกัดปริมาณการใช้แก๊สถ้ามองเป็นเตาเผาอาจจะใช้ได้ประมาณ 16 ถึง 17 เตา เขาจำกัดเราแค่นั้นถ้าใช้มากกว่านั้นเราจะจ่ายแก๊สในราคาที่แพงมากขึ้นนะครับ ซึ่งเราก็กำลังกำลังโต้แย้งกับทาง ปตท. นะครับว่าจะพอขยับให้เราได้ไหม ไม่อย่างนั้นเราก็คงรันได้แค่ 17 เตา ที่เหลือก็ต้องปิดก็ทำให้ต้นทุนสูงขึ้นอีกนะครับ⁣

แต่ส่วนค่าแก๊สแล้วผมมองแนวโน้มน่าจะลดลงนะครับ ตามราคาน้ำมันโลกที่ลดลงอย่างต่อเนื่องนะครับ แตะ 60 เหรียญก็มีอาทิตย์ที่แล้วนะครับ⁣

ผมเลยคิดว่าเรื่องค่าแก๊สผมไม่ห่วงครับ ผมห่วงค่าไฟมากกว่าค่าแก๊สนะครับ ตอนนี้ซึ่งเราก็มีแผนงานอย่างที่คุณคุณชนินทร์เรียนให้ทราบในเรื่องของการใช้พลังงานสะอาดมากขึ้นนะครับ ⁣

เพราะฉะนั้น ต้นทุนผมไม่น่าเป็นห่วงครับ ค่าขนส่งก็ลดลงนะครับ⁣

กระเบื้องพอร์ซเลนตอนนี้ปัจจุบันขายเดือนละกี่ตารางเมตรคิดเป็นสัดส่วนกี่เปอร์เซ็นต์ของปริมาณการขายรวมและคิดเป็นกี่เปอร์เซ็นต์ของมูลค่าการขายรวม ? ⁣

ยังน้อยอยู่นะครับ ถ้าเดือนนึงแล้วขายกระเบื้องประมาณ 4.5 - 5 ล้านตารางเมตร กระเบื้องพอร์ซเลน 3 เดือนที่ผ่านมาขายประมาณ 300,000 ตารางเมตรก็ยังถือว่าน้อยอยู่นะครับ⁣

เหตุใด ไดนาสตี้ จึงจ่ายเงินปันผลงวดที่หนึ่งเพียง 40% ตามนโยบายทั้งหน้าที่ดีที่น่าจะมีความสามารถในการจ่ายเงินปันผลมากกว่านี้ เพราะมีกระแสเงินสดจากการดำเนินงานสูงมาก และแนวโน้ม Payout Ratio ในช่วงที่เหลือของปี คาดว่าจะจ่ายกี่เปอร์เซ็นต์ของกำไรสุทธิ ?⁣

อันนี้ก็เป็นคำถาม Classic นะครับ ก็ถ้าดูตาม Net Profit ของเราจะเห็นว่าเปรียบเทียบกับปีที่แล้วในไตรมาสเดียวกันก็ลดไปค่อนข้างเยอะนะครับ⁣

เพราะฉะนั้น กระแสเงินสดจากการดำเนินงานเราก็ไม่ได้สูงเหมือนเมื่อก่อนนะครับ ในขณะที่การลงทุนของเราสูงขึ้นเกือบ 1,200 ล้านบาทนะครับ เราต้องการมีวินัยทางการเงินนะครับ แล้วก็เราจำเป็นต้องก่อสร้าง ต้องปรับปรุงสาขาอย่างที่ผมเรียนก่อนหน้านี้นะครับว่ าปัญหาของไดนาสตี้อยู่ที่หน้าตานะครับ หน้าตาเราไม่ค่อยดีนะครับ ⁣

เพราะฉะนั้นเนี่ยเราจำเป็นครับต้องจ่ายเพียงแค่ 40 เราจ่าย 40.5 อาจจะมากกว่านโยบายนิดหนึ่งนะครับ ⁣

คิดว่า Payout Ratio ช่วงที่เหลือของปีนี้คงประมาณเท่านี้นะครับ แต่ก็อย่างที่ผมเรียนให้ทราบครับทุกไตรมาสเราจะต้องเอามาดูก่อนเพราะว่าเงินลงทุนเราต้องจ่ายเท่าไหร่ ดอกเบี้ยเราจะเป็นยังไง ขึ้นอยู่กับ Net Debt ของเราจะเป็นตัวกำหนด ⁣

อัพเดทเรื่องโครงการฟรีซรถของตัวเอง ปัจจุบันมีกี่คันเทียบเป็นกี่เปอร์เซ็นต์ของรถขนส่งทั้งหมดและจะขยายผลต่อไปอย่างไร เป้าหมายสุดท้ายคิดว่าจะมีฟรีซรถของตัวเองกี่เปอร์เซ็นต์ ?⁣

ฟรีซที่เราใช้ที่ผมเคยเรียนให้ทราบตอนนั้น  จะเป็นฟรีซที่ใช้เป็นเฉพาะรถกระบะเราจะไม่รวมรถ 6 ล้อรถ 10 ล้อหรือรถเทรนเลอร์นะครับ⁣
รถกระบะของเราเนี่ยในระบบเรามีประมาณ 200 กว่าคัน นะครับในหนึ่ง เดือนเราจะมีวิ่งอยู่ประมาณร้อยกว่าคันแต่ละวันก็น่าจะประมาณ 40-50 ไปจนถึง 100-120 เที่ยวก็มีนะครับ เฉลี่ยผมมอง 70-80 เที่ยวต่อวันนะครับ⁣

รถที่เป็นรถที่เราเช่ามาแล้วก็จ้างคนขับมาเนี่ย ที่เราบริหารเองมีอยู่ 40 คัน นะครับ ขยายผลต่อไปตอนนี้เรากำลังหารถที่ไม่ใช่รถกระบะนะครับ เราคิดว่าน่าจะอัพไปเป็นพวก 6 ล้อ 10 ล้อ 12 ล้อ เรากำลังหาคนผู้ให้เช่า นะครับ เราคงไม่ซื้อรถเองนะครับ หาผู้ให้เช่าเค้าจะได้ทำเรื่องประกันอะไรให้เราด้วยนะครับ พอเราใช้จนถึงอายุมันเราจะได้เปลี่ยนคันได้ง่ายนะครับ เช่าน่าจะถูกกว่านะครับ⁣

เป้าหมายสุดท้ายคิดว่าจะมีฟรีซรถของตัวเองกี่เปอร์เซ็นต์ ? ⁣

อย่างน้อยก็ 30 ถึง 40% ผมว่าเหมาะนะครับ 50% อาจจะต้องดูอีกทีนะครับว่าเราบริหารจัดการได้ดีมากน้อยแค่ไหนนะครับ⁣

แต่กระบะที่มีอยู่เนี่ยเราค่อนข้างแฮปปี้มากนะครับ 40 คันของกระบะ ผมคิดว่าพอเพียงสำหรับปัจจุบัน เพราะว่าถ้าเปรียบเทียบเราวิ่งอยู่ 70-100 เที่ยวต่อวัน เราก็มี 40 คันนะครับ เพราะฉะนั้นก็เกือบครึ่งแล้ว เพราะฉะนั้น ผมคิดว่าเพียงพอเพียงพอแล้วครับ⁣

ในสถานการณ์ที่เพิ่มยอดขายลำบาก DCC มีแนวทางในการลดต้นทุนอย่างไรที่เห็นเป็นรูปธรรมในปีนี้บ้าง และโครงการลดต้นทุนต่าง ๆ คาดหวังในเชิงตัวเลขได้อย่างไรบ้าง ?⁣

ในปีนี้เรื่องของการลดต้นทุนที่เราทำ ก็จะมีเรื่องของพลังงานสะอาดนะครับ มีเรื่องของ รถที่เรามาใช้ครับที่เช่ามาใช้ก็ลดค่าขนส่งได้ค่อนข้างเยอะนะครับ ในด้านการลดต้นทุนการผลิตเราก็พยายามหาสูตรดินสูตรอะไรใหม่ ๆ อยู่ตลอดเวลานะครับ⁣

ถามว่ามีอะไรที่เห็นรูปธรรมได้ชัดเจนที่สุด ตอนนี้ก็คืออาจจะมีเรื่องของค่าไฟที่เราจะลงทุนมากขึ้นที่สาขาที่จะทำให้ลดได้มากขึ้นนะครับ ⁣

เรื่องอื่นเนี่ยเราข้าง Tight ในเรื่องต้นทุนอยู่แล้วนะครับ ถ้าดูในงบการเงินเปรียบเทียบของคู่แข่งก็จะรู้ว่าไดนาสตี้เรารัดเข็มขัดมาโดยตลอด เราเป็นคนที่มีระเบียบวินัยในเรื่องของการใช้เงินมาก  ๆนะครับ ในเรื่องของการลงทุน ในเรื่องค่าใช้จ่าย ผู้บริหารทุกท่านจะมานั่งมาคุยกันพร้อมหน้ากันแล้วก็ชี้แจงตลอดผมจะถามรายละเอียดทุก ๆ ค่าใช้จ่ายอยู่แล้วนะครับ เพราะฉะนั้นเราค่อนข้าง Tight มาก ๆ อยู่แล้วครับ ⁣

อีกแนวทางหนึ่งที่จะลดต้นทุนได้ก็คือ ต้นทุนที่น่ากลัวที่สุดที่นอกจากเรื่องพลังงานครับก็คือเรื่องของค่าเช่าสาขา ค่าเช่าที่สาขาแต่ละที่ขึ้นที 20-30% ค่อนข้างโหดมาก นี้ก็เป็นสาเหตุหนึ่งที่ทำไมเราถึงจำเป็นต้องเจียดเงินส่วนหนึ่งมาซื้อที่มาลงทุนในที่ดินเพิ่มมากขึ้นนะครับ เพราะว่าเรากันต้นทุนเหล่านี้มากกว่านะครับ ซื่อที่ดินเสียดอกเบี้ยยังถูกกว่าที่ไปเช่าที่แล้วเสียค่าเช่าที่เพิ่มมากขึ้น 10 ปี เพราะแทบจะ double เลยครับแต่ละที่ ⁣
ข้อต่อไปนะครับ ผู้บริหารคิดอย่างไรเกี่ยวกับวัสดุปูพื้นประเภทใหม่ที่อยู่ในเทรนด์ขณะนี้ เช่น เอสพีซี ไวนิล ลิมเบอร์ วัสดุประเภทเหล่านี้สามารถแย่งหรือกระทบส่วนแบ่งการตลาดของกระเบื้องเซรามิกดั้งเดิมมากน้อยแค่ไหนครับ⁣

เวัสดุปูพื้นนะครับ เท่าที่ผมเห็นในตลาด ไม่ว่าจะเป็นที่ท่านแจ้งมาเนี่ยนะครับหรือในงานสถาปนิกก็มีมีแทบจะทุกรูปแบบนะครับ ⁣

ผมมองแล้วยังไม่มีวัสดุไหนที่คงทน มีความแข็งแรงสูง สามารถรับน้ำหนักได้สูงนะครับ แล้วก็มีต้นทุนการผลิตที่ต่ำเท่ากระเบื้องหรือไม่ว่าจะเป็นพอร์ซเลน ยังไม่มีอะไรที่จะมา Disrupt เราในเรื่องของของวัสดุใหม่ ๆ ได้ นะครับ⁣

ค่าติดตั้งปูพื้นหรือบุผนังของของวัสดุปูพื้นอื่น ๆ ที่ไม่ใช่เซรามิกหรือพอร์ซเลนก็ยังมีราคาค่อนข้างสูงนะครับ ต้องใช้อุปกรณ์สูงต้องใช้ผู้เชี่ยวชาญในการติดตั้ง ส่วนกระเบื้องนี้ก็ยังเป็นช่างทั่วไปได้นะครับ ยังหลากหลายมากกว่า เพราะฉะนั้นเนี่ยผมยังไม่ตื่นเต้นครับกับวัสดุปูพื้นประเภทใหม่ ๆ⁣

ข้อต่อไปนะครับ ขอทราบตัวเลข SSSG ของ DCC ในปัจจุบันอยู่ที่เท่าไรครับ ไม่ทราบว่าผู้บริหารสามารถระบุตัวเลขเหล่านี้ใน MD&A และ Oppday ได้ไหม ?⁣

ก็ถ้ามองง่าย ๆ นะครับ ไดนาสตี้ เราขายปลีกเป็นหลักนะครับเราขายปลีก 70-80%ประมาณนี้นะครับขายปลีกมาจากสาขาเรานะครับ ถ้าตัวเลขโตขึ้น SSSG โตขึ้น ถ้ามองแต่ละที่แต่ละสาขาเนี่ยก็มีสาขาที่บวกขึ้นบ้างลดลงบ้างนะครับ  แต่ภาพรวมแล้วก็ดูที่ยอดขายได้เลยนะครับ เราจะดีหรือไม่ดีอยู่ที่ตรงนั้นแหละครับ ⁣

แต่ถ้าถามถึง SSSG ต่อของสาขาที่เราปรับปรุง ยกตัวอย่างสาขานครนายกนะครับ สมัยก่อนเราดเป็นเต้นท์นะครับ เราแบกะดิน กระเบื้องเราก็แบกะดิน แผงโชว์ก็วางอยู่ในเต็นท์นะครับ มีอากาศอบอ้าวร้อนนะครับ สมัยนี้นครนายกถูกแปลงร่างไปเรียบร้อยเรามีโชว์รูมนะครับ เรามีผู้เช่า มีพันธมิตรมาร่วมมาจอยกับเรานะครับ คลังเรามีขนาดที่เหมาะสมเก็บสินค้าพอดีนะครับ พอดีกับการขายนะครับมันก็เลยทำให้ยอดขายเราเติบโตเกินหนึ่งเท่าอีกครับ โตมากกว่า 100% นะครับ อันนั้นคือมันเหมาะสมทุกอย่างนะครับ⁣

ประกอบกับเมื่อเราได้สาขาที่ดีทีมงานเราดีไปด้วยเนื่องจากพนักงานเรามีสภาพการณ์แวดล้อมในการทำงานที่ดีนะครับ ทีมก็แข็งแรงนะครับ มันเลยทำให้ SSSG ของนครนายกสูงมาก ๆ นะครับ นั่นล่ะครับที่เราตัดสินใจที่ทำไมเราต้องปรับปรุงสาขานะครับ⁣

อยากสอบถามถึงมุมมองไตรมาสสอง จะยังปรับราคาลงอีกไหม แล้วขายตอนนี้ได้คืนมาตามที่ต้องการแล้วหรือยังอัตรากำไรขั้นต้นจะเพิ่มขึ้นไหม ?⁣

เราราคาเราคงไม่ลงนะครับ ราคาเราผมคิดว่าไม่มีใครสู้เราได้นะ ตอนนี้มันอยู่ที่ฝีมือของพนักงานเรา กับประสิทธิภาพในการทำงานของเรานะครับว่าเราจะทำได้รวดเร็วแค่ไหนมากกว่านะครับ⁣
เพราะฉะนั้นราคาไม่ลงแล้วนะครับ อัตรากำไรขั้นต้นจะเพิ่มขึ้นไหม ผมว่ายังอยู่เท่านี้แหละครับเพราะว่าเราจะยังคงไม่มีการปิดเตานะครับ ปิดเตาต้นทุนเราขึ้น นอกจากว่าค่าแก๊สหรือค่าไฟจะมีการผันผวนขึ้นอัตรากำไรขั้นต้นอาจจะลดลงนะครับ ยอดขายผมคิดว่ายังทรง ๆ นะครับ เพราะฉะนั้น เรายังไม่ทำอะไรนะครับ ปรับราคาลงไม่ต้องห่วงครับ ไม่มีความจำเป็นต้องลงไปอีกแล้ว นะครับ⁣

เศรษฐกิจรากหญ้าไม่ดี แต่เหตุใดสัดส่วนสินค้า Mass Medium ในงวดไตรมาสหนึ่งของไดนาสตี้จึงเพิ่มขึ้นเมื่อเทียบกับปี 2565 ?⁣

Mass Medium ถ้าผมมอง ก็คือคงเป็นแบบตลาดของเซรามิก 60 ขึ้นไป 60 หรือเป็นพอร์ซเลนเองก็ดีนะครับ เราขายดีมากในภาคกลาง โดยเฉพาะกรุงเทพฯและปริมณฑล สาเหตุหลักก็คือเรื่องของสื่อโฆษณานะครับ ไดนาสตี้เราไปทำสื่อออนไลน์เพิ่มมากขึ้นสื่อเฟสบุ๊คเพิ่มมากขึ้น เรามีน้อง ๆ ฝ่ายออกแบบนะครับที่เรารับเด็กเเกียรตินิยมมาเลยนะครับแล้วก็เขามีไอเดียค่อนข้าง Fresh มาก แปลกใหม่แล้วก็ทำให้สื่อออนไลน์ของเราเข้มแข็งมากขึ้นนะครับ แล้วน้องเขาก็ยังมีแพลนต่อไปจากนี้อีกนะครับ มันเลยทำให้เราเป็นที่รับรู้ของคนในเมืองเพิ่มมากขึ้นหนึ่งจุดนะครับ⁣

จุดที่สอง ก็คือเรื่องของโครงการ Big Name Developer ทั้งหลายนะครับ ที่ท่าน CMO ของเราก็ช่วยผลักดัน มีการแนะนำให้รู้จัก ก็เลยทำให้Mass Medium หรือ Medium to High โตขึ้นนะครับถือว่าประสบความสำเร็จนะครับ ⁣

ปกติครึ่งปีแรกกิจการเราจะดีดังนั้นครึ่งปีหลังจะลดลงหรือเปล่า ? ⁣

เดี๋ยวนี้ผมเรียนให้ทราบ ครับผมคิดว่ายอดขายน่าจะเริ่มดีขึ้นในไตรมาสที่ 3 นะครับถ้ามองจากสถานการณ์ปัจจุบันนะครับหลาย ๆ อย่างเริ่มปรับตัวดี นะครับ⁣

ประมาณการยอดขายทั้งปีตั้งไว้เท่าไหร่ครับ ?⁣
 ⁣
ก็เป้าหมายคือบวก 5% จากปีที่แล้วครับแต่ถ้าได้เสมอตัวก็เก่งมากแล้วครับ ปีนี้นะครับ ถือว่ายากมาก⁣

แนวโน้มไตรมาสที่สองจะเป็นอย่างไร มีปัจจัยบวกลบอะไรบ้าง ? ⁣

ไม่มีอะไรที่เป็นปัจจัยลบมากกว่านี้นะครับ  ผมคิดว่ามีปัจจัยบวกอาจจะเป็นเรื่องของการเลือกตั้งหรือเปล่าอันนี้ผมไม่แน่ใจนะครับ แต่ผมคิดว่าน่าจะดีครับไตรมาสที่สอง มีแต่ช่วงเดือนเมษายนที่มันชะงักไปหน่อยผมก็ยังหาสาเหตุไม่ได้นะครับ แต่ก็คือตลาดรากหญ้าชะงักไปค่อนข้างหนัก อาจจะเป็นเรื่องของปิดเทอมเปิดเทอมหรือเปล่าแต่มันก็ไม่น่าเกี่ยวนะเพราะว่าปีที่แล้วมันก็มี⁣

ภาพรวมปีนี้ 5% ตอบไปแล้วนะครับ⁣

พอร์ซเลนเราผลิตมาได้หลายปีแล้วหรือยังครับ ? ⁣

สองปีแล้วครับ ผลิตปีที่แล้วกับปีนี้ ⁣

Export เราน่าจะขยายได้อีกมากนะครับ ⁣

ทางเรามีปัญหาในการทำตลาดต่างประเทศไหมครับ ? ⁣

มีครับ ด้วยความ ที่บุคลากรของเรามีน้อยนะครับส่วนใหญ่แต่ตลาดต่างประเทศผมจะ มีเรียกว่าเป็นระดับผู้บริหารเ พราะเป็นผู้อำนวยการฝ่ายขาย เขาก็จะเดินทางไปต่างประเทศอยู่คนเดียวนะครับแล้วก็มีผมอีกคนเป็นคนไปทำตลาดนะครับ⁣

แต่ตอนนี้ผมมีท่าน CMO คนใหม่นะครับเข้ามาช่วย ผมคิดว่าเราจะลุยต่างประเทศเยอะขึ้นครับผมก็วางแผนกับท่านไว้ว่าเราจะเดินทางกันช่วงเดือนมิถุนายนนะครับ ให้มันผ่านเดือนพฤษภาคมไปก่อนนะครับ จัดหลังบ้านก่อน แล้วเดี๋ยวมิถุนายนเราจะไปเขมรครับ⁣
 ⁣
ปีนี้มอง Sale Volume เท่าไหร่ครับ ?⁣

ผมคิดว่าเออถ้าราคาขายเราปรับลดลงนะครับ ถ้ายอดขายเราเท่าเดิม Sale Volume เราน่าจะเพิ่มขึ้นนะครับ ก็เพิ่มขึ้นน่าจะประมาณ 5% ได้นะครับ⁣

ตอนนี้รีโนเวทไปแล้วกี่สาขา ตั้งเป้าเท่าไหร่ ? ⁣

จาก 200 ครับตอนนี้เราทำอยู่ 10 สาขานะครับ ที่กำลัง Relocate เลยไม่ใช่ Renovate ครับ⁣

ส่วนรีโนเวท เรามีแผนอยู่ 40 สาขาภายใน 3 ปี ที่ผมเคยเรียนให้ทราบไว้นะครับ ตั้งเป้าก็ผมคิดว่าน่าจะประมาณเกือบ 80 สาขาครับสำหรับสาขาที่ต้องปรับปรุงเกือบครึ่งครับ⁣

ต้องใช้เวลากี่ปีและใช้เงินลงทุนทั้งหมดเท่าไหร่ ?⁣

ยิ่งเร็วได้ยิ่งดีนะครับ ก็ผมคิดว่าน่าจะไปอีกสักพัก แต่ช่วงที่ใช้เงินหนัก ๆ น่าจะเป็นช่วงนี้แหละครับช่วงแรกที่เราต้องซื้อที่⁣

ข้อสุดท้ายนะครับ อีกกี่ปีเราจะเป็นผู้นำในการตลาดได้ ชนะ COTTO ? ⁣

ถ้าเป็นกระเบื้องที่ผลิตในประเทศไทย ผมว่าเราชนะไปนานนะครับ แล้วก็ถ้ามองถึงกำไรผมว่าเราก็ชนะอีกนะครับ ส่วนที่จะเป็นผู้นำทางการตลาดได้มันก็อยู่ที่เรื่องขอ Braninng ซึ่งเป็นสิ่งที่เรากำลังโฟกัสและทำในขณะนี้นะครับ ⁣

ตอบคำถามทุกคำถามเรียบร้อยนะครับ ก็ขอบคุณทุกท่านที่ให้ความสนใจนะครับ แล้วก็อย่าลืมไปเลือกตั้งครับ ⁣

ขอบคุณครับ สวัสดีครับ 
thanonlongtun_p
Posts: 3145
Joined: Mon Apr 17, 2023 1:05 pm

Oppday Q2/2023 DCC บมจ. ไดนาสตี้เซรามิค



Presentation https://weblink.set.or.th/dat/registrat ... 23-DCC.pdf
thanonlongtun_p
Posts: 3145
Joined: Mon Apr 17, 2023 1:05 pm

ผลประกอบการไตรมาสที่ 2 ปี 2566 หุ้น DCC 

Image

ที่มา: บริษัทหลักทรัพย์ โกลเบล็ก จำกัด 

 
 
thanonlongtun_p
Posts: 3145
Joined: Mon Apr 17, 2023 1:05 pm

ผลประกอบการไตรมาสที่ 3 ปี 2566 หุ้น DCC Imageที่มา: Globlex Research
Post Reply